“เรื่องผี-ผี..ที่อยากเล่า”


“ผีมีจริงหรือครับ..พระอาจารย์” เป็นคำถามของเด็กนักเรียนคนหนึ่งในขณะที่อาตมากำลังสอนหนังสืออยู่..อาตมาหยุดคิดพักหนึ่งจึงตอบไปว่า.. “ผีมีจริง..”

“ผีมีจริงหรือครับ..พระอาจารย์” เป็นคำถามของเด็กนักเรียนคนหนึ่งในขณะที่อาตมากำลังสอนหนังสืออยู่..อาตมาหยุดคิดพักหนึ่งจึงตอบไปว่า.. “ผีมีจริง..” แล้วอีกคนก็ถามขึ้นว่า.. “พระอาจารย์เคยเห็นหรือเปล่าครับ?” “เอาผีแบบไหนล่ะ?” อาตมาย้อนถามคืน  “ถ้าเป็นผีหรือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว  พระอาจารย์ไม่เคยเห็นหรอก  เห็นแต่ร่างของผีคือคนตายเท่านั้น” เด็กยังไม่หายสงสัยถามขึ้นอีกว่า “ถ้าพระอาจารย์ไม่เคยเห็นแล้วทำไมถึงว่าผีมีจริง?” อาตมาเลยหยุดคิดแล้วตอบไปว่า  “แล้วเธอคิดว่า คนตาบอดเห็นดวงอาทิตย์ไหม?” พวกเขาตอบพร้อมกัน “ไม่เห็นครับ/ค่ะ”  “แล้วพวกเธอคิดว่า  คนตาบอดจะรู้สึกว่าดวงอาทิตย์มีจริงไหม? (มี)  ผีนี้ก็เหมือนกันแหล่ะ  ถึงแม้ว่าพระอาจารย์จะไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ  แต่พระอาจารย์ก็เชื่อว่ามีจริงเหมือนกับคนตาบอดที่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์แต่เขาก็เชื่อว่ามีดวงอาทิตย์จริงนะแหละ ถือว่าเป็นคนละโลกคนละมิติกันคือ โลกของคนและโลกของผี”  จากนั้นอาตมาก็พยายามอธิบายให้พวกเขาเข้าใจถึงเรื่องของผี  ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนสงสัยกันมาก  วันนี้จึงอยากจะนำประเด็นเรื่องผีมาคุยกันหน่อย

Image Hosted by ImageShack.us

จริง ๆ แล้วเรื่องผีนี้  เป็นเรื่องของนามธรรมที่เป็นความเชื่อเกี่ยวเนื่องกับความตาย เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์หรืออธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ไม่ได้  แต่ก็เป็นความเชื่อดั้งเดิมของมนุษย์แต่ครั้งโบราณทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ตั้งแต่ยุคก่อนจะมีศาสนา  แม้ปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องผีจะเลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ก็มีผู้คนส่วนมากที่เชื่อในเรื่องผีและสิ่งลี้ลับแม้ในประเทศที่เจริญแล้วก็ตาม  ผู้คนมักหวาดกลัวกับผี ไม่ว่าขณะที่เจอกับผีจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนหรือไม่ก็ตาม โดยสัญชาติญาณแล้วเมื่อรู้สึกว่าตนเจอผี  คนจะตัดสินใจที่จะหนี พูดคุยเสียงดัง ๆ แม้ว่าจะคุยคนเดียว สวดมนต์ขออภัยที่ล่วงเกิน หรือวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยขึ้น

Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

ผี ในคติความเชื่อของคนไทยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ คือ ผีดี และ ผีร้าย ผีดี คือบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองดูแล  แต่ถ้าไม่เคารพไม่บูชาไม่เซ่นสวรวงก็อาจให้โทษได้เช่นกัน เช่น ผีบ้านผีเรือน เป็นต้น  ส่วนผีร้าย คือ ผีที่คอยรังควาญ ไม่มีประโยชน์ เช่น ผีปอบ ผีกระสือ เป็นต้น  ผี อาจจะมีมาได้ในหลายลักษณะ แต่ส่วนมากมักจะปรากฏในรูปของอดีตมนุษย์ หรือมีลักษณะบางส่วนที่ค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์  ผู้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มักมีความกลัวที่ฝังใจ และเชื่อว่าการที่เจอผีนี้ จำเป็นที่จะต้องทำพิธีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง  เพื่อความสบายใจหรือเพื่อความปลอดภัย เช่น การกรวดน้ำ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์  ทำบุญอุทิศส่วนกุศล  ทำพิธีส่งวิญญาณ ฯลฯ ตามแต่ความเชื่อของแต่ละท้องที่หรือแต่ละบุคคล  แต่ในทางจิตวิทยา อธิบายว่า การที่มนุษย์กลัวผีเกิดจากการที่กลัวบรรพบุรุษ นั่นเอง

ผีในทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏกล่าวไว้เด่นชัดก็คือ ผีเปรต ที่เป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสารซึ่งมาขอส่วนบุญจากพระองค์  รวมทั้งสัตว์นรก  อสูรกาย  แต่ผีที่เห็นกันได้จริง ๆ ในปัจจุบันก็คือ อบายมุข หรือที่เรียกกันว่า ผี 6 ตัว คือ 

ผีที่หนึ่งชอบสุราเป็นอาจิน                  ไม่ชอบกินข้าวปลาเป็นอาหาร
ผีที่สองชอบเที่ยวยามวิกาล                 ไม่รักลูกรักบ้านรักเมียตน
ผีที่สามชอบดูการละเล่น                     ไม่ละเว้นคลับบาร์ละครโขน
ผีที่สี่คบคนชั่วมั่วกับโจร                      หนีไม่พ้นอาญาตราแผ่นดิน
ผีที่ห้าชอบเล่นม้ากีฬา                        ทั้งปลากัดถั่วโปไฮโลสิ้น
ผีที่หกชอบเกียจคร้านการทำกิน            มีทั้งสิ้นหกผีอัปปรีย์เอย

ดังนั้น ถ้าใครที่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหกดังกล่าวนี้ ก็คงกลายเป็นผีทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่  ไม่ต้องรอให้ตายก็เป็นได้  อีกประเด็นที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่เคยเห็นผีหรือไม่อยากเห็นผีก็ขอให้ญาติโยมได้พยายามสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอนอยู่ทุกคืน ๆ โดยเฉพาะคนที่เคยทำผิดต่อคนที่ตายไปแล้วหรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรามาแต่ชาติก่อนๆ  หรือญาติของเราที่ล่วงลับไปแล้ว  บางทีเขาอาจจะมาเข้าฝันหรือมาแสดงให้เราเห็นก็เป็นได้  ก็ควรที่จะทำบุญอุทิศไปให้เขาก็แล้วกันนะโยม  ขอเจริญพร 

อ้างอิง

http://www.5zaa.com/F/viewtopic.php?f=7&t=998&p=14778

http://www.coopthai.com/rataphum/credit.html

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B5

http://www.jengsud.com/webboard/pic2/238248241.jpg

 

หมายเลขบันทึก: 299907เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2009 20:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 14:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

นมัสการ พระคุณท่าน ครับ

บันทึกนี้ อ่านแล้วได้บรรยากาศ มากนะครับ ทั้งภาพและเสียง....ขนลุกครับ

...

...

ขอบอกครับว่า...ผีทั้ง 6 ตัวที่พระคุณท่านกล่าวถึง...น่ากลัวกว่าผีในภาพมากครับ

ผี 6 ตัว คือ 

ผีที่หนึ่งชอบสุราเป็นอาจิน                  ไม่ชอบกินข้าวปลาเป็นอาหาร
ผีที่สองชอบเที่ยวยามวิกาล                 ไม่รักลูกรักบ้านรักเมียตน
ผีที่สามชอบดูการละเล่น                     ไม่ละเว้นคลับบาร์ละครโขน
ผีที่สี่คบคนชั่วมั่วกับโจร                      หนีไม่พ้นอาญาตราแผ่นดิน
ผีที่ห้าชอบเล่นม้ากีฬา                        ทั้งปลากัดถั่วโปไฮโลสิ้น
ผีที่หกชอบเกียจคร้านการทำกิน            มีทั้งสิ้นหกผีอัปปรีย์เอย

 

พระคุณท่าน ครับ ภาพที่พระคุณท่านนำมาเสนอ เนี่ย!จริงเท็จประการใด ครับ

Image Hosted by ImageShack.us

ขอบพระคุณ ครับ

นมัสการ พระคุณท่านค่ะ

ขอเรียนถามว่าทำไมดิฉันมาอยู่เมืองนอกกลับไม่เคยรู้สึกกลัวผีเลยค่ะ ตอนอยู่เมืองไทยไม่กล้าไปที่มืดๆ ลองคิดดูได้ว่า

อาจเป็นเพราะสังคมสภาพแวดล้อมเมืองนอกไม่เข้ากับภาพของผีที่เรามีอยู่ในใจ พระคุณท่านคิดว่าเป็นเพราะอะไรคะ

เจริญพร..ทั้งคุณโยมแสงแห่งความดีและคุณโยมอ้อม ขอตอบคำถามโยมดังนี้ 

          โยมแสงฯถามว่า.."รูปภาพที่นำมาของจริงหรือเปล่า?"  อาตมาขอตอบว่า"จริงไม่จริงอาตมาไม่ขอฟันธง..แต่ที่อาตมานำมาประกอบก็เพื่อจะให้โยมเห็นภาพเรื่องผีๆได้ชัดขึ้น  ซึ่งนำมาจากเว็บดังที่อ้างอิงข้างบน  อาจไม่จริงหรือจริงก็ได้นะโยม..ขอให้โยมใช้วิจารณญาณในการดูก็แล้วกัน  อย่าเชื่อโดยที่ไม่ได้คิดอย่างแยบคายนะโยม"

          ส่วนโยมอ้อมถามว่า"ทำไมอยู่เมืองนอกไม่เห็นกลัวผี..แต่อยู่เมืองไทยกลับกลัวผี?" ขอตอบว่า"ความกลัวนั้นเกิดมาจากใจหรือความคิดของเราเอง..ถึงแม้ว่าจะมีหรือไม่มีผี..ถ้าคนเราคิดว่ามี..หรือนึกว่ามันมี..ก็ทำให้เกิดความกลัวได้..บางคนมีผีมาคุยด้วยแต่เขาไม่ได้คิดว่าเป็นผีก็เลยไม่กลัว..กลับคุยกับผีซะนิ..แต่บางคนแค่เห็นใบไม้ไหวเพราะลมพัด..ก็คิดนึกว่าเป็นผี..เกิดกลัววิ่งแจ้นไปก็มี..ทั้งที่ไม่มีผีอะไรเลย..การที่โยมอยู่เมืองนอกไม่กลัวผี..ก็เพราะว่าโยมไม่คิดว่ามีผีก็เลยไม่กลัว..แต่ที่เมืองไทยโยมแค่เห็นความมืดก็คิดว่าน่าจะมีผี..ก็เลยเกิดความกลัวขึ้นมา..นี่เป็นเพราะความคิดหรือใจของโยมเอง..และสภาพแวดล้อมเมืองไทยคงจะทำให้โยมคิดว่ามี..เพราะเมืองไทยเราเชื่อเรื่องผีสางเทวดากันมานาน  อีกทั้งหนังหรือละครก็พูดแต่เรื่องผีผี..ทำให้เวลาอยู่เมืองไทยจึงคิดกลัวผี..นั่นเอง.."

         มีประเด็นใดที่สงสัยอีก..ก็เจริญพรถามได้นะโยม..ยินดีตอบเสมอ..ขอเจริญพร

นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

รู้สึกแบบเดียวกับคุณอ้อมเลยค่ะ ก็เลยมานั่งพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่รู้สึกเช่นนั้น ก็เลยคิดว่าสภาพแวดล้อมในที่ที่เราโตมาปลูกฝังความคิดให้เรารู้สึกอย่างนี้ อย่างหนังผีก็ดี เรื่องเล่าผีๆก็ดี เหตุการณ์ล้วนเกิดในไทยใช่ไหมคะ หนังผีฝรั่งที่ได้ดู จำได้ว่ามีน้อยมาก ส่วนมากจะเป็นหนังฆาตกรโรคจิตมากกว่า จำได้ว่าตั้งแต่เด็กๆเลยล่ะค่ะว่าละครยอดฮิตที่ทุกครัวเรือนดู มีหนังประเภทนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้าสามารถดูซีรีส์ฝรั่งได้ ก็เห็นมีแต่ผู้ชายหุ่นล่ำๆ แบบว่าเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกมากกว่าเห็นผีหน้าเละลิ้นห้อยตาถลนออกมาข้างลึกโบ๋อีกหนึ่งข้างแบบละครไทย และด้วยที่ว่าตัวเองเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของชมรมคนตาขาวและปอดแหกก็เลยทำให้ไม่นิยมดูหนังประเภทนี้เลย ไม่เคยเจอนะคะ และก็ไม่อยากเจอ และก็หวังว่าคงไม่มีเหตุที่จะต้องให้มาเจอกันด้วยค่ะ สาธุ....จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย......

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท