กราบนมัสการท่านธรรมฐิตค่ะ
ไม่ได้เข้า gotoknow มาหลายวัน วันนี้เริ่มต้นด้วยการเข้ามารับธรรมะค่ะ
อ่านบันทึกท่านแล้ว เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาใดที่เหมาะสมแก่ภาวะของกิจการนั้นๆ ตามที่ท่านยกตัวอย่าง ถ้าไม่ทำเพราะเกียจคร้านย่อมเป็นการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ แต่ที่ท่านบอกว่า ด่วนทำเสียก่อนยังมาไม่ถึง เราจะพิจารณาได้อย่างไรว่า สิ่งใดควรลงมือกระทำหรือว่าสิ่งใดที่ควรจะรอเพื่อให้ถึงเวลา มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไรคะ?
เมื่อเรารู้จักตริตรองเหตุและผลอย่างนิ่มนวล
เราจักรู้ว่าเวลาไหนควรทำสิ่งใดก่อนสิ่งใดหลัง
และสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำขอรับ..
สาธุๆๆ
นมัสการเจ้าค่ะท่านธรรมฐิต
ยากยิ่งเจ้าค่ะ ติดตัวขี้เกียจอยู่ กำลังพยายามเลิกคบตัวขี้เกียจอยู่เจ้าค่ะ
ต้องค่อยๆเปลี่ยน เพราะการปฏิบัติยังไม่ถึงไหน ยังมีวิจิกิจฉาติดตัวมา ยังเกรงคนรอบข้างจะแตกตื่นอยู่เจ้าค่ะ
ทำดียังต้องรอ นี่แหละผู้อกาลัญญู แล้วจะเรียนรู้สู่การปฏิบัติ ในการทิ้ง อะ...ให้เป็นกาลัญญู เจ้าค่ะ
ขอบพระคุณท่านผู้ชี้แนะ ทางสว่างแก่สัตว์โลก
สาธุขอรับ..พี่นก..
..ความสำเร็จอยู่ที่ไหน..ความพยายามอยู่ที่นั่น..
ธรรมฐิตก็ยังโง่อีกเยอะขอรับ..
ขออนุโมทนาขอรับ..พี่ครูธรรมทิพย์..
นมัสการพระคุณเจ้า
สาธุขอรับพี่ครูตามไปอ่านมาแล้วกับบันทึกดีๆ..
ขอบพระคุณค่ะที่เตือนสติ ตอนนี้เหมือนกับอะไรก็เร่งรีบทุกอย่าง งานก็เหมือนกับมีแต่ด่วน กับด่วนที่สุด อย่าว่าแต่เวลาแต่ละนาทีเลยมีค่า ต้องบอกว่าทุกวินาทีมีค่า (ไม่เชื่อถามคนที่ตกรถไฟดูซิ)
นมัสการ
ก็เอาเป็นว่าถาม..พี่ไก่..นี้แหละจะรู้ทันทีเลย..
สาธุๆๆ
อามนฺตา