สวัสดีครับท่านรอง
มีเรื่องทำนองนี้มาแบ่งปันครับ (อาจไม่เกี่ยวกันซะทีเดียว)
วันนึงครูสมมุติสถานการณ์ขึ้นมา
ให้นักเรียนเขียนจดหมายถึงแม่ บอกว่าตัวเองพบรักแท้ ไม่อยากเรียนแล้ว จะไปแต่งงานใช้ชีวิตกับแฟนหนุ่ม ซึ่งร่ำรวยมาก มีเงินใช้ตลอดชาติก็ไม่หมด ครูย้ำว่า ต้องให้เหตุผลที่ทำให้แม่คล้อยตามเห็นด้วย...
วันที่สอง
ครูสมมุติให้นักเรียนเป็นแม่ หลังจากที่แม่ได้รับจดหมายแล้ว ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของลูก
และเขียนจดหมายถึงลูก อธิบายเหตุผลให้ลูกจากจุดยืนของแม่
...
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
เรื่องมีประมาณนี้ครับ จำได้เลา ๆ เลยเล่าได้ไม่เร้าใจ คนเล่าให้ผมฟังเล่าน่าสนใจกว่านี้ครับ
คุณหนานเกียรติครับ
เป็นความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มากครับ เกี่ยวกันโดยตรงเลยครับ สำหรับ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา
เสริมเติมเต็มได้ตรงประเด็น ตรงจุดเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
* เด็กๆสมัยนี้เขาต้องการพื้นที่ได้แสดงออกทางความคิดและกล้านำเสนอในสิ่งต่างๆมากขึ้นค่ะ
* สำหรับวัฒนธรรมการเรียนในชั้นของ Pually จะมีการวางกฎ-กติกา-มารยาท ร่วมกัน และมีบทลงโทษหากละเลยบทบาทหน้าที่ของตน ให้อิสระในการคิดและจัดการเรื่องต่างๆด้วยตนเอง โดยมีครูคอยช่วยชี้แนะและช่วยปรับให้เป็นไปตามกรอบของเนื้อหาเพื่อก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายตามวัตถุประสงค์ค่ะ
คุณK.Puallyครับ
จากที่เล่ามา ต้องขอชมเชยจากใจจริงครับ เป็นคุณครูแนวใหม่ใจกว้าง สรรค์สร้างการพัฒนาเด็กให้เขากล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก ดีมากเลยครับ
ขอแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ...อ่านความเห็นของคุณหนานเกียรติ...เลยนึกถึงเทคนิคการสลับบทบาท...ซึ่งนำมาใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน...โดยจำลองเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ที่ผ่านมา แล้วให้สองฝ่ายสลับบทบาทกัน...ว่าหากสถานการณ์เกิดขึ้นกับเขาอย่างนี้เขาจะมีความรู้สึกอย่างไร และโต้ตอบกลับไปอย่างไร เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เข้าใจสถานภาพเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน...และให้รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากขึ้น
ขอบคุณมากค่ะ...
อาจารย์ Vij ครับ
ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาช่วยเสริมเติมเต็มความคิดของคุณหนานเกียรติ ช่วยเสริมแนวคิดในการแก้ปัญหาเด็กในการหาทางออกร่วมกันด้วยครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ผมอ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆครับ
" เปิดใจครู รับรู้ปัญหา.. กล้าเผยความใน ให้หนทางแก้
จดแม้แนวคิด พิจารณาร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งที่ดี" ครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆ ครับ
คุณณัฐวรรธน์ครับ ตรงนี้สุดยอดเลยครับ
เปิดใจครู รับรู้ปัญหา.. กล้าเผยความใน ให้หนทางแก้
จดแม้แนวคิด พิจารณาร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งที่ดี"
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านความคิดเห็นดี ๆ มีประโยชน์ค่ะ
อีกแนวคิดหนึ่งคือ แนวคิด "เพลิน" หรือ Play & Learn ของท่านดร.ชัยอนันต์ สมุทวานิช ค่ะ
เด็กมักจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการเล่น...ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ อ. small man
มาเยี่ยมแล้วค่ะ
"พื้นที่ที่ปลอดภัย"
"พื้นที่แห่งความไว้วางใจ"
ชอบมากๆค่ะ
สองพื้นที่ไม่ต้องมากมาย...แค่มีความปลอดภัยและไว้วางใจ..ความอบอุ่นก็เกิดในรั้วโรงเรียนได้ค่ะ
คุณคนไม่มีรากครับ
แนวคิดเพลิน(เพลย์ แอนด์ เลิร์น) เป็นแนวคิดที่ดีมากเลยครับ ท่านเขียนไว้หลายปีมาแล้ว ถ้าคุณครูนำมาใช้ละก็ เด็กจะมีความสุขกับการเรียนครับ
ขอบคุณครับ
ครูจิ๋วครับ
มาช่วยกันสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย และ พื้นที่แห่งความไว้วางใจกันนะครับ
ขอบคุณมากครับ
คุณนกทะเลครับ
มีความปลอดภัย และ ความไว้วางใจ ความอบอุ่นเกิดในโรงเรียนแน่นอนครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับท่านรองฯ
ความไว้วางใจ เป็นที่มาของการเกิดพื้นที่ปลอดภัยครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณอาจารย์คมสันครับ
ท่านรองฯ..เห็นด้วยกับครูที่ปรึกษา(ประจำชั้น)ที่ดูแลนักเรียนไปทุกระดับจนจบชั้นเรียนดีหรือไม่ค่ะ...กับการไม่ได้สอนชั้นนี้แต่ได้มาประจำชั้น...ส่งผลดีและผลเสียหรือไม่..อย่างไร..
คุณRindaครับ
เรื่องการประจำชั้นของครู ขอตอบตอบความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ(อาจจะผิดก็ได้) ผมมีความคิดเห็นว่า ถ้าได้ครูดีครูก็น่าจะประจำชั้นเด็กไปจนจบชั้นเรียน(ถ้าเป็นไปได้) เพราะคุณครูจะรู้จักกับเด็กดี ติดตามแก้ไขได้อย่างต่อเนื่อง แต่ที่นี้ สมมติว่ามีคุณครูที่เด็กไม่ชอบ ประจำชั้นตลอดไป ก็จะสร้างปัญหาให้เด็กชั้นนั้นไปตลอดเหมือนกัน
มีอยู่โรงเรียนหนึ่งครับ เด็กย้ายหนี ไป 1 ปี เพราะไม่ชอบครูประจำชั้นคนนี้ พอพ้น 1 ปี ขึ้นชั้นใหม่ ก็ย้ายกลับมาโรงเรียนเดิมครับ
ทำไมถึงพลาดอ่านเรื่องนี้ แนวความคิดนี้เยี่ยมมากค่ะ อาจจะเคยทำแบบนี้บ้างแต่มันไม่เป็นระบบ หรือทำได้ไม่ครบทุกขั้นตอน ทำได้ครึ่งๆกลางๆ แล้วก็เปลี่ยนไปทำแบบอื่น โดยไม่ได้ดูผล จะนำแนวความคิดนี้ไปใช้อีกครั้งค่ะ /ขอบคุณมากๆ
.ใช้แล้วได้ผลอย่างไร อย่าลืมนำมาแชร์กันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ