ฝึกดูจิต ด้วยการ รู้ปกติ รู้ผิดปกติ และ รู้วิธีแก้ไขป้องกันฟื้นฟู


ผมไปได้ ๓ คำนี้ มาจาก หมอแผนโบราณ

คือ  รู้ปกติ   คือ รู้ว่าร่างกายยามปกติ ทำงานอย่างไร

รู้ผิดปกติ  คือ เมื่อผิดปกติ  เป็นอย่างไร

จากนั้น รู้บำบัด ฟื้นฟู แก้ไข และ ป้องกัน

จาก ๓ คำนี้   ผมเอา เทียบกับ การฝึกจิต

  เช่น

  • จิตปกติ จิตเป็นกลาง ลมหายใจเป็นอย่างไร  กายเป็นอย่างไร  กล้ามเนื้อผ่อนคลายไหม
  • จิตผิดปกติ  เป็นกุศล อกุศล   ลมหายใจเป็นอย่างไร  เรากลั้นใจไหม  ลมหายใจถี่หรือแรงขึ้นไหม   กล้ามเนื้อเกร็งตึงไหม
  • เมื่อจิตผิดปกติ  เป็นจิตอกุศล เราก็ ข่ม ดับ ระงับ  ความคิดอันสืบเนื่องมาจากจิตอกุศลนั้น   ไม่ลำเอียง ไม่เพ่งโทษ ไม่ผลักไส ไม่หวงแหน

การจะดูจิตได้นั้น 

(ก) พื้นฐานสมาธิต้องดีในระดับหนึ่ง  มิฉะนั้นจะดูไม่ทัน 

(ข) แยกแยะได้แล้วว่า จิตปกติ เป็นยังไง ผิดปกติเป็นยังไง

(ค) จับอาการได้ออกว่า เนี่ยคือ จิตไปส่งอิทธิผลต่อความคิด  และ เนี่ย คือ ความคิดที่เข้าไปทำให้จิตเกิดอาการ    ถ้าไม่มีทักษา  แยกไม่ได้ว่าอะไรคือจิต อะไรคือความคิด ก็จะหลอกตนเองว่า กำลังดูจิตอยู่   แต่ จริงๆ กลายเป็น คิดเองเออเอง  

(ค) จิตเป็นอกุศลให้ดับระงับ  อย่าไปตามดู  เพราะ การตามดูนั้น  อาจจะเคยตัว ทำให้กิเลสกำเริบได้  และ หลายท่าน  ยังแยกจิตกับความคิดไม่ได้  มักจะ เอาความคิด ไปคิดเอง เออเองว่าฉันดูจิต  (หลงไปใช้ฐานคิด)

เมื่อดูจิตบ่อยๆ  กำลังสติก็จะมากขึ้น

การดูจิตได้ต่อเนื่อง ก็ต้องมีสมาธิ (ไม่เผลอ ไม่ลืม) ในการดูจิต  จนในที่สุด จิตเป็นสมาธิ (ไม่วอกแวก ไม่โดนอิทธิพลจากความคิด  ไม่ไหลไปกับกิเลส ไม่อินอะไรง่ายๆ)

ถ้านั่งสมาธิ  เอาดูแต่ ลมหายใจ คือ มีสมาธิในการดูลมหายใจ    เป็นสมถะ   พอสมถะชำนาญแล้ว  ก็หัน มามี สมาธิในรู้เท่าทัน ความคิด รู้เท่าทันจิต  รู้เท่าทันเวทนา  รู้เท่าทันอาการของกาย ของลมหายใจ

ถ้าเอาแต่ดูลมหายใจอย่างเดียว  จนจมลึก จะกลายเป็น สมาธิหัวตอ (ไม่มีปัญญา)

ลองนั่งสมาธิ  จนดูลมหายใจให้ได้นานๆ ไม่เผลอ ---> แล้วลองหัด พัฒนาขึ้นไป  ตามดูความคิด ตามดูจิต ตามดูเวทนา   แล้ว ชำเลือง สำเหนียก (ดูลมหายใจไปด้วย และ ดูจิต ดูความคิดไปด้วย)    สังเกต ความเป็นปกติของจิต ของลมหายใจ     สังเกต ความผิดปกติของลมหายใจ ความคิด และ จิตใจ     รวมทั้ง หัด ดีด ข่ม ละ ความคิดอกุศลออกไป   ดับจิตที่เป็นอกุศลออกไป   ถ้าเป็นกุศล ก็รู้เฉยๆ    อย่าไปอิน    กลับมารักษาความเป็นกลางของจิต    ความคิดแบบปัญญาจะไหลออกมาเองเมื่อจิตปกติ ว่างๆ โล่งๆ ไม่มีอคติ ไม่มีลำเอียง

ในวง Dialogue  ใช้  "สติ" ในการดูจิต  จะทำให้  การสนทนา ไหล (Flow)  เกิดปัญญามากมาย

ถ้าไม่มีสติ  อาจจะ อิน   จนร้องไห้กระจองงอแงแบบขาดสติ   หรือ  รักแต่คนในวง ฯ ไม่รักคนอื่น  หรือ ติดใจ วันๆ เอาแต่ Dialogue ไม่ทำงานทำการ  หรือ เกิดอคติว่า "ใครไม่เข้า วง Dialogue เป็นคนโง่"  หรือ ยกตนข่มท่าน ว่าฉันเนี่ย เก่ง Dialogue  ฉันเก่งกว่าใคร ฯลฯ นี่แหละหลง   ทำ Dialogue ด้วยฐานคิดอย่างเดียว  ขาดสติ  

กลายเป็น Dialogue แบบนินทา  หรือ วง ฯ "พูดในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้"

 

หมายเลขบันทึก: 297970เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2009 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ยอดเยี่ยมมมมมม ทะลุ และ ปรุโปร่งม๊ากกกกกกกกกก

จากที่ ก้อยได้เคยศึกษามา มันก็เป็นเช่นนี้เลยค่ะ อธิบายได้ชัดเจนดีมาก

และมีเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่ทำให้กระจ่างขึ้นด้วย

ข้าน้อย ขอ คารวะ

คือ นั่งแล้วเห็นแสงสว่าง สีฟ้า จ้า เย็น สงบ

แล้วรู้สึก เหมือนตกจากที่สูง ลอย เบา ๆ

พอเห็นภาพก็ หลุด สมาธิ เลยครับอาจารย์

อาจารย์พอมีวิธี ชี้แนะ ไม่ให้หล่นสมาธิ มั๊ยครับ

ขอบคุณมาก ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท