ไทยโพสต์ 14 กย.52 ตีพิมพ์เรื่อง "หมอ รพ.ชุมชนปล่อยเกียร์ว่าง" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ผู้เขียนขอเรียนเสนอให้ท่านผู้อ่าน อ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ ขอให้ฟังความหลายๆ ฝ่าย เพราะโรงพยาบาลชุมชนทุกวันนี้มีปริมาณคนไข้เกินกำลัง
ความจริง... ไม่ใช่หมอ รพ.ชุมชนไม่ทำงาน แต่คนไข้และญาติกดดัน บีบคั้นหมอ (หมายถึงบุคลากรสุขภาพทุกฝ่ายรวมกัน) มาก เช่น เมาแล้วไปตะโกนหน้าสถานบริการ บังคับหมอให้ส่งต่อ, เอะอะอะไรก็ด่าหมอที่อยู่ไกลๆ ว่า ยาไม่ดี (คนไข้และญาติแบบนี้จะไม่ไปตะโกนในโรงพยาบาลจังหวัดเลย) ฯลฯ
...
เรื่องที่คนไข้และญาติโวยวายมีมากมาย เช่น เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วบังคับให้หมอรักษาให้หาย, เป็นเบาหวานซัดลำไยทีละ 2-3 กิโลฯ แล้วด่าหมอว่ายาไม่ดี ด่าหมอว่าไตเสื่อมจากยา ทั้งๆ ที่หมอ (หมายถึงบุคลากรสุขภาพทุกฝ่ายรวมกัน) ก็อธิบายไปอย่างต่ำหลายสิบครั้ง ฯลฯ
เวลามีปัญหาร้องเรียน... นักการเมืองจะหาเสียงลูกเดียวเป็นสำคัญ คนทำงานจะลำบากเดือดร้อนอย่างไรไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม, นี่เป็นธรรมดาของโลกที่ว่า เมื่อความคาดหวังสูงเกินกำลัง เช่น ญาติเมาไปด้วย ตะโกนหน้าสถานบริการไปด้วย... หมอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ฯลฯ
อนิจจา! หมอ รพ.ชุมชน 800 แห่งทั่วประเทศ ปล่อยเกียร์ว่าง ไม่ลงมือรักษาคนไข้เต็มที่ อย่างมากแค่ทำหมันชาย เน้นส่งต่อ รพ.ใหญ่ลูกเดียว เหตุกลัวโดนฟ้อง "วิทยา" สอนมวยต้องเน้นทำความเข้าใจผู้ป่วย-ญาติ ก่อนรักษา
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารรณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา "ร่วมคิดร่วมสร้างระบบคุณภาพสถานพยาบาลในประเทศไทย" และเปิดตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์กรมหาชน)
...
พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทิศทางนโยบายด้านคุณภาพของระบบบริการสาธารณสุข" ว่าจากที่รัฐบาลมีนโยบายรักษาพยาบาลให้กับประชาชน โดยจัดระบบการรักษาพยาบาลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษา
ทั้งระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการข้าราชการ ไม่เพียงแต่เป็นเหตุให้ประชาชนลดการสะสมเงินเพื่อรักษาพยาบาลตนเอง
...
เพราะเชื่อว่า ในยามเจ็บป่วยจะมีระบบรักษาพยาบาลรองรับทุกคน แต่ทำให้มีประชาชนเข้ารับบริการมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยล้น รพ.ทั้ง กทม.และ รพ.ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันบุคลากรในระบบสาธารณสุขยังคงเท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มตามภาระที่เพิ่มขึ้น หากไม่วางมาตรการแก้ไขปัญหา สถานการณ์การบริการในระบบภาครัฐก็จะมีผู้ป่วยล้นทะลักจนโรงพยาบาลแตกได้
...
ดังนั้นนอกจากพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลแล้ว จำเป็นต้องเน้นให้ประชาชนหันมาสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาประชาชนคาดหวังสูงมากกับระบบบริการสาธารณสุข หากได้รับการรักษาพยาบาลจะต้องหาย ถือเป็นความคาดหมายที่เกินธรรมชาติ เพราะหากแพทย์สามารถรักษาทุกคนให้หายได้ วันนี้มนุษย์ก็คงจะล้นโลก
...
ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้โดยการให้ความรู้ความเข้าใจและข้อเท็จจริงกับผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้ามารับการรักษาโดยที่ไม่รู้อะไรเลย และหมอเองก็ไม่บอก ไม่พูดคุย และเมื่อพูดคุยแล้วก็ไม่เข้าใจ เหมือนว่าพูดคุยกันคนละภาษา
และการที่หมอไม่ทำความเข้าใจกับผู้ป่วยบนความคาดหวังของประชาชน เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการตามมา วันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะ รพ.ชุมชนมีกว่า 800 แห่งที่ให้บริการ
...
แต่ขณะนี้หมอที่รักษาใน รพ.เริ่มเกิดความกังวลไม่กล้าวินิจฉัยหรือรักษาพยาบาล แต่ใช้วิธีการส่งต่อไป รพ.จังหวัดเพราะกลัวถูกฟ้อง กลัวว่าหากผิดพลาดจะถูกฟ้อง ทำให้ผู้ที่อยู่ในชนบทเป็นคนที่เสียโอกาส เป็นแค่ผู้ป่วยที่อยู่ในระบบการส่งต่อเท่านั้น
"สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แพทย์จำนวนมากไม่กล้าทำหน้าที่ตนเองอย่างเต็มที่ อย่างมากก็แค่ทำหมันชาย และที่ผ่านมาก็มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไปไม่ถึงการรักษาในระหว่างส่งต่อจากโรงพยาบาลชุมชนไปโรงพยาบาลจังหวัด
...
เนื่องจากเสียชีวิตก่อนที่จะไปถึง ดังนั้นหากวันนี้เราไม่ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น วันหน้าประชาชนก็จะมาร้องเรียนด้วยความไม่รู้เช่นกัน "นายวิทยา กล่าว
และว่า สำหรับภารกิจของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (สรพ.) จะเป็นองค์กรผลักดันให้ระบบบริการสาธารณสุขเป็นระบบที่ส่งเสริมสุขภาพประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล.
ไม่มีความเห็น