เรื่องเล่า-เล่าเรื่อง: ศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข


ศิลปะของการใช้ชีวิตให้มีความสุขขึ้นอยู่กับความตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง
เมื่อวันศุกร์ (๑๑ ก.ย.๔๒) ที่ผ่านมา.... มีโอกาสไปงาน สานจิตรเสวนา มหกรรมความรู้การพัฒนาจิต จัด ๒ วัน คือ ๑๐ – ๑๑ ก.ย. ๕๒ ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา  จัดโดยแผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส.
 
จริงๆ แล้วความคาดหวังส่วนตัวที่อยากไปคือ อยากรู้ว่าห้อง Workshop ศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และ ศิลปะบำบัด ว่าเขามีวิธีคิดและกระบวนการอย่างไร (ไม่ใช่ตัวเองไม่มีความสุขในชีวิตหรือต้องการบำบัดหรือฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ทุกข์ระทมนะคะ)  แต่เนื่องจาก ๒ ห้องนี้จัดพร้อมกัน  ตัวเองก็เลยเลือกศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข (เพราะศิลปะบำบัดมีสมาชิก สคส. ท่านอื่นสนใจเข้าอยู่แล้ว.. แล้วเราค่อยมาแลกเปลี่ยนกันใน Weekly Meeting ก็ได้)
 
Workshop ศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนี้ จัดโดย มูลนิธิ บราห์มา กุมารี ราชาโยคะ   Workshop นี้จัดในเวลาบ่ายโมงครึ่งถึงบ่าย ๓ ครึ่ง (เพราะผู้จัดเขามีประสบการณ์ว่าผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มักจะหนีกลับก่อน  ถ้ากำหนดเลิกบ่าย ๔ โมงครึ่งผู้เข้าร่วมก็จะกลับบ่าย ๓ โมงครึ่ง  ดังนั้นเขาก็จัดกระบวนการให้พอดีกับที่ผู้เข้าร่วมจะกลับเลยจะดีกว่าและได้ประโยชน์มากกว่า) 
 
Workshop ในห้องนี้รับผู้เข้าร่วม ๑๐๐ คน แต่เนื่องจากมีคนสนใจเยอะและบางคนก็ไม่ได้แจ้งชื่อมาก่อน (ตัวผู้เขียนเองก็ไม่ได้แจ้งไว้เพราะเวลากะชั้นชิด)   ดังนั้นการเข้าห้องนี้คนที่ลงชื่อไว้จะมีสิทธิเข้าห้องก่อน  สำหรับคนที่สนใจแต่ไม่ได้แจ้งชื่อก็ต้องลงชื่อ Waiting List ไว้และรอที่หน้าห้องเป็นตัวสำรอง  เมื่อถึงเวลาดำเนินกระบวนการผู้เข้าร่วมที่แจ้งไว้ไม่มาเขาจึงเรียกตัวสำรองที่รออยู่เข้าห้องได้ตามลำดับ  (เนื่องจากคนที่แจ้งไว้ไม่มากันเยอะ  ตัวสำรองก็เลยได้เข้าทุกคน  ผู้เขียนลงชื่อไว้เป็นอันดับที่ ๒๐ ยังได้เข้าเลยค่ะ)
 
เมื่อเทียบกับที่คาดหวังก็คิดว่าจะมีกิจกรรมที่ให้ลงมือทำอะไรหรือมีกระบวนการอะไรที่แปลกๆ หน่อย   แต่โดยภาพรวมแล้วส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าเรื่องให้ฟังและให้คิด  หรือมีคำถามแล้วให้ผู้เข้าร่วมตอบ   สิ่งที่จับได้ว่าศิลปะของการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขจากการได้เข้าร่วม Workshop ในครั้งนี้  คงไม่สามารถเขียนได้หมด  แต่ส่วนตัวสรุปว่า
"ศิลปะของการใช้ชีวิตให้มีความสุขขึ้นอยู่กับความตระหนักรู้และเข้าใจตนเอง"
 
ถ้าถามว่าสิ่งที่ได้มากเกินความคาดหวังมากๆ คือ การได้ฟังเรื่องเล่าหลายๆ เรื่อง เพราะส่วนตัวชอบและสนใจอยู่แล้ว  ทั้งวิธีการเล่าที่เรียบง่าย ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจอะไร แต่ทำไมนะเราจึงอยากฟังต่อไปเรื่อยๆ   มีเรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วชอบและอยากเล่าให้คนอื่นฟังบ้างคือเรื่องนี้ค่ะ
 

“มีชายคนหนึ่งเป็นคนขยันทำงานมาก  เช้าวันหนึ่งเขาขับรถออกจากบ้านแทนที่เขาจะขับรถตรงไปที่ทำงาน  แต่เขากลับขับรถออกจากเมือง  เขาขับรถออกจากตัวเมืองไปเรื่อยๆ ยิ่งขับห่างออกไปจากตัวเมืองเขาก็ยิ่งขับรถช้าลงๆ   เพราะเขาเห็นความงามข้างทาง  เห็นต้นไม้  ใบหญ้า  ที่ปกติเขาไม่เคยเห็น 
 
เขาขับรถไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นฝูงไก่กำลังจิกกินเมล็ดอยู่ เขาเพ่งมอง หยุดรถแล้วก็เดินลงมายังฝูงไก่ฝูงนั้น  ในฝูงไก่มีนกอินทรีย์สีทองตัวหนึ่งกำลังจิกกินเมล็ดที่หล่นอยู่บนพื้นดิน  เขาถามนกอินทรีย์สีทองว่า “ทำไมเจ้าจึงมาอยู่กับฝูงไก่  ทำไมมาคุ้ยเขี่ยจิกหาอาหารบนพื้นดินกินเช่นนี้  มันไม่สมศักดิ์ศรีเจ้าเลย”  ชายผู้นั้นพยายามพูด  พยายามอธิบายให้เจ้านกอินทรีย์เข้าใจว่าไม่ควรมาอยู่กับไก่   แต่เจ้านกอินทรีย์ก็ไม่เข้าใจ ยังคงจิกกินเมล็ดในพื้นดินต่อไป    
 
ด้วยความหวังดีชายผู้นั้นจึงอุ้มนกอินทรีย์สีทองขึ้นรถพาไปบนยอดเขาแล้วก็วางนกอินทรีย์ลงตรงริมหน้าผาและพูดว่า “เจ้ามองขึ้นไปบนฟ้านั่นสิ”   เมื่อเจ้านกอินทรีย์แหงนหน้ามองขึ้นฟ้า  มันก็เห็นฝูงนกอินทรีย์สีทองที่กำลังบินอยู่บนฟ้านั้น  เจ้านกอินทรีย์เห็นแล้วก็พูดว่า “ช่างสวย สง่างามเหลือเกิน”  ชายผู้นั้นจึงพูดว่า “เจ้าสามารถเป็นเช่นนั้นได้”  แต่เจ้านกอินทรีย์ก็เชื่อมั่นว่ามันไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้  ไม่สามารถบินให้สูงเช่นนั้นได้  และมันไม่ได้งามสง่าแบบนั้น    
 
ไม่ว่าชายผู้นั้นพูดและอธิบายเท่าไรนกอินทรีย์ก็ยังคงพูดว่า ทำไม่ได้  เป็นไปไม่ได้   ...และแล้วชายผู้นั้นก็อุ้มนกอินทรีย์ขึ้นแล้วปล่อยเจ้านกอินทรีย์สีทองนั้นลงสู่หน้าผา   นกอินทรีย์หล่นลงมาเรื่อยๆ  แล้วก็พูดว่ามันทำไม่ได้ ทำไม่ได้  ทำไม่ได้   จนกระทั่งตัวมันกำลังจะชนโขดหิน  มันก็กางปีกออก  ค่อยๆ กระพือปีก  สูงขึ้น  สูงขึ้น  สูงขึ้น ...สูงขึ้น จนมันบินอยู่ในระดับเดียวกับฝูงนกอินทรีย์สีทองนั้น  
 
ตั้งแต่วันนั้นเจ้านกอินทรีย์ตัวนั้นก็โบยบินอยู่กับฝูงนกอินทรีย์ตลอดมา  และไม่ลงมาอยู่กับฝูงไก่อีกเลย”
 
นิทานเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า....
 
 
uraiMan
หมายเลขบันทึก: 297429เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2009 13:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 20:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • แวะมาเยี่ยมชมครับ
  • นิทานเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า....  รู้ว่าอะไรครับ???
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท