อ่านเรื่อง ด.ญ.นารวย หงุดหงิดมาก น้องเหมือนน้องหม่องที่เป็นเด็กไร้สัญชาติที่มีสถานะบุคคลตามกฎหมายทะเบียนราษฎรประเภท ๐ (บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร) เหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกัน ก็คือ น้องนารวยเป็นคนสัญชาติไทยที่ถูกบันทึกเป็นคนต่างด้าว ในขณะที่...น้องหม่องเป็นคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยที่ถูกบันทึกเป็นคนสัญชาติพม่าในทะเบียนราษฎรประเภท ๐๐ จากข้อกฎหมายที่ซับซ้อน ก็สรุปได้ว่า การแก้ไขปัญหาย่อมไม่เหมือนกัน
การแก้ไขปัญหาของน้องนารวย ทำได้ง่ายมาก ก็คือ (๑) พาพยานบุคคลที่รู้เห็นการเกิดของน้องไปร้องขอทำหนังสือรับรองการเกิดที่อำเภอแม่อาย (๒) ถ้าอำเภอปฏิเสธที่รับคำร้อง หรือสืบปากคำแล้วไม่เชื่อ ก็อาจร้องขอให้ศาลปกครองช่วยฟังข้อเท็จจริงว่า น้องเป็นบุตรของบิดาห...รือมารดาที่มีสัญชาติไทย .... ใครช่วยไปบอกน้องหน่อยซิคะ
อ่านเรื่องน้องนารวยแล้ว อดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับน้องหม่อง ไม่อยากให้ใครดับฝันเด็ก และไม่อยากให้ใช้ลัทธิเชื้อชาตินิยมมาตัดสิน แม้บุพการีจะเป็นลาหู่ แต่ก็เป็นคนดั่งเดิมของแผ่นดินไทย โดยหลักกฎหมาย คนลาหู่เป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ปัญหาที่ตกหล่นจากทะเบียนราษฎรของรัฐไทย
น้องหม่อง
|
น้องนารวย
|
เปรียบเทียบ |
ไม่มีสัญชาติไทย แม้เกิดในประเทศไทย เพราะบิดามารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไม่ถาวร |
มีสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน เพราะเกิดในประเทศไทย จากบิดามารดาที่เกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติไทย โดยหลักสืบสายโลหิต เพราะบิดามารดา เป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิด แม้จะเพิ่งได้รับการบันทึกในสถานะคนสัญชาติไทยเมื่อไม่นานมานี้ |
ต่างกัน |
เกิดในประเทศไทย นอกโรง พยาบาล แต่ได้รับหนังสือรับ รองสถานที่เกิดจากอำเภอสันทราย |
เกิดในประเทศไทย นอกโรงพยาบาล แต่ไม่ได้รับหนังสือรับรองสถาน ที่เกิดจากอำเภอแม่อาย |
ต่างกัน |
ได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนประวัติประเภทบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรในสถาบันการศึกษาไทย จึงมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักขึ้นต้นด้วยเลขศูนย์ |
ได้รับการบันทึกชื่อในทะเบียนประวัติประเภทบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ในสถาบันการศึกษาไทย จึงมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักขึ้นต้นด้วยเลขศูนย์ |
เหมือนกัน |
ไม่ประสบความไร้รัฐ |
ไม่ประสบความไร้รัฐ |
เหมือนกัน |
ประสบความไร้สัญชาติ |
ประสบความไร้สัญชาติ |
เหมือนกัน |
การขจัดปัญหาความไร้สัญชาติอาจทำได้โดยการพาไปพิสูจน์สัญชาติกับประเทศพม่า ซึ่งเป็นประเทศต้นทางของบิดามารดา |
ไม่สามารถพาไปพิสูจน์สัญชาติกับรัฐต่างประเทศ |
ต่างกัน |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด ไทยมีอำนาจดุลพินิจที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดน.ให้แก่น้องหม่อง |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยอาจมีอำนาจหน้าที่บังคับการให้มีการลงรายการสัญชาติไทยให้แก่น้องนารวย |
ต่างกัน |
หากไม่ได้รับการอนุญาตให้มีสัญชาติไทย ก็ไม่อาจร้องขอให้ศาลปกครองบังคับการให้ |
หากไม่ได้รับการลงรายการสัญชาติไทย ก็อาจร้องขอให้ศาลปกครองบังคับการให้ |
ต่างกัน |
ความเป็นไปได้ที่จะมีสถานะคนสัญชาติไทยขึ้นอยู่กับคุณประโยชน์ที่ก่อให้เกิดแก่ประเทศไทย |
ความเป็นไปได้ที่จะมีสถานะคนสัญชาติไทยขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ความเป็นผู้สืบสันดานจากบุพการีสัญชาติไทย หรือเกิดในประเทศไทยจากบุพการีที่เกิดในประเทศไทย |
ต่างกัน |
ถูกจำกัดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานหลายประการ อาทิ สิทธิในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ |
ถูกจำกัดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานหลายประการ อาทิ สิทธิในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ |
เหมือนกัน |
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาเปิดบ้านได้ความรู้ใหม่ น้องนารวยกรณีนี้น่าคิดนะคะ
เกิดในบ้านแท้ๆ แต่ต้องประสบปัญหา ...
ขอบคุณค่ะ ชื่นชม เป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์ค่ะ
ขอบคุณคุณปูค่ะ
กรณีน้องนารวย เขาไม่ได้มาหารืออะไร
อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ค่ะ ก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำ แสดงความคิดเห็น
คนสัญชาติไทยแท้ๆ นะคะ
กลัวเหมือนกันว่า น้องจะถูกดับฝัน
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มีหัวใจเป็นสีทอง สาธุ
กราบสวัสดีครับอาจารย์
พอได้ยินข่าวกรณีน้องหม่อง ผมก็คิดเหมือนกันว่า ทำไม คนที่เป็นคนไทย แต่ตกอยู่ในสถานะไร้รัฐ-ไร้สัญชาติ จึงไม่ได้รับการปฏิบัติต่อ อย่างที่ น้องหม่องได้รับ บ้าง
ก็คิดเลยเถิดไปถึง กรณี อาจารย์ อายุ และ คนอื่น ๆ ด้วย
มาตรฐาน ที่ ไม่มาตรฐาน ผมก็คิดได้เช่นนี้ครับ
23 กย. 2552 12:18 น.
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=407038&lang=&cat=
ความคืบหน้ากรณี น.ส.นารวย จะเติง อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โชคดีจากโครงการไปรษณียบัตรตั้งชื่อแพนด้าน้อย "หลินปิง" ขององค์การสวนสัตว์นพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รางวัลที่ 3 เงินสด 100,000 บาท และตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-เฉิงตู แต่ไม่มีสิทธิเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากเป็นบุคคลไม่มีสัญชาตินั้น
ล่าสุดนายชัยณรงค์ บุญวิวัฒนาการ นายอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากปลัดอำเภอพร้อมเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สอบสวนและสำรวจข้อเท็จจริงอย่างรัดกุม ตลอดจนรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานต่างๆจนครบถ้วน ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าน.ส.นารวย เป็นคนไทยแน่นอน ล่าสุดเย็นวานนี้(22 ก.ย.)ตนได้ลงนามรับรองสถานะและสั่งการให้มีการเพิ่มชื่อ น.ส.นารวย จะเติง ลงในทะเบียนบ้านในฐานะคนไทยแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
แม้ขั้นตอนจะล่าช้าไปบ้าง แต่เจ้าหน้าที่เน้นทำตามระเบียบปฏิบัติตามข้อกฎหมายและหลักมนุษยธรรมเป็นหลัก รวมทั้งทำให้น้อง 3 คนของ น.ส.นารวยได้รับการลงสัญชาติไปพร้อมกันด้วย การดำเนินการอย่างรัดกุมเช่นนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กหากมีการร้องเรียนในภายหลัง และรู้สึกดีใจกับน.ส.นารวยที่จะได้ไปเที่ยวชมแพนด้าที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีนอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะเป็นเมืองเก่าที่สวยงาม ที่สำคัญเป็นเมืองที่มีแพนด้าอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก ซึ่งตอนนี้ทางอำเภออยู่ระหว่างประสานไปยังโรงเรียนเพื่อนัดหมายให้น้องนารวยเดินทางมาทำบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมกันทั้งครอบครัว
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ทราบว่า น.ส.นารวยเป็นเด็กที่มีศักยภาพแต่ที่ผ่านมาขาดโอกาส เจ้าหน้าที่ทุกคนที่นี่อยากช่วยให้ได้สิทธิ์ตามที่มี เพราะเป็นอนาคตของเด็กและจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยชนเผ่าต่างๆที่มีลักษณะเดียวกัน
สังคมไทยยังต้องการการเปิดเผยอีกมาก ขอบคุณค่ะที่ได้ให้สาระความรู้ที่เป็นประโยชน์
อีกแสนหม่อง ณ ชายขอบสังคม โดย สมชาย ปรีชาศิลปกุล
มติชนรายวันวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11524
-------------------------------------------------------------------
แม้เด็กชายหม่อง ทองดี จะสามารถเดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ประเทศญี่ปุ่นได้ด้วยความช่วยเหลือของหลายฝ่าย และยังได้ชัยชนะในการแข่งขันบางประเภทเมื่อกลับมาสู่เมืองไทยมีปัญหาที่เด็กชายคนนี้ต้องเผชิญรออยู่เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกเป็นจำนวนมาก
การไร้สัญชาติเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่เกิดขึ้นโลกปัจจุบัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่อยู่ของผู้คนไม่ว่าจะเป็นไปด้วยความเต็มใจหรือไม่ และเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วโลก
จำนวนไม่น้อยเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ด้วยความหวังว่าจะไปมีชีวิตที่ดีกว่าในประเทศอื่นเนื่องจากในบ้านเกิดของตนมีความยุ่งยากทางด้านเศรษฐกิจ หรือไม่สามารถทำมาหากินเพื่อเลี้ยงปากท้องของตนและครอบครัวได้ จำนวนไม่น้อยก็เป็นการอพยพเพื่อหลบหนีภัยความตายจากการต่อสู้หรือสงครามภายในประเทศ
แม้อาจไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวังมากกว่าการทนทุกข์อยู่ในบ้านเกิดเมืองนอน
เด็กชายหม่องเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงนี้ และเป็นปัญหาสำคัญไม่น้อยที่กำลังฝังตัวอยู่ในสังคมหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการอพยพย้ายถิ่นฐานดำเนินไปในรูปแบบที่เป็นการอพยพแบบไม่อาจหวนกลับสู่บ้านเกิด เมื่อเวลาเนิ่นนานไปบรรดาลูกหลานของผู้อพยพในลักษณะเช่นนี้จะถือกำเนิดขึ้นมาในอีกประเทศหนึ่ง เติบโต ดำรงชีวิต คุ้นเคยและรู้จักแต่เฉพาะดินแดนใหม่เท่านั้น ไม่รู้จักถิ่นฐานบ้านเกิดของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตน
ความยากลำบากที่แต่ละรัฐต้องขบคิดก็คือ เป็นไปได้ยากหรือแทบเป็นไม่ได้เลยในการผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ออกไปจากดินแดนของตน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือการไม่มีสัญชาติไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม ลองจินตนาการถึงเด็กชายหม่อง ผู้ซึ่งพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว เรียนในโรงเรียนไทย ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยนี่คือโลกแห่งเดียวที่หล่อเลี้ยงเขาขึ้น
แล้วจะไล่ให้กลับไปอยู่ประเทศพม่าที่เขาไม่รู้จักแม้แต่น้อยเลยกระนั้นหรือ
รัฐเป็นจำนวนมากก็เผชิญกับปัญหาในลักษณะที่กล่าวมา และก็ตระหนักถึงข้อเท็จจริงว่าไม่อาจขับไล่ไสส่งมนุษย์เหล่านี้ออกไปจากดินแดนของตนเหมือนหมูเหมือนหมา เพราะอย่างไรก็ไม่มีที่ไปให้คนกลุ่มนี้มากนัก
หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปจึงหันมาจัดการกับความยุ่งยากนี้ ด้วยการยอมรับให้บุคคลที่เป็นผู้อพยพหรือลูกหลานของผู้อพยพสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งนำไปสู่การสร้างอาชญากรรมแบบใต้ดินให้เกิดขึ้นติดตามมา
ทั้งนี้ ด้วยการยอมรับการให้สัญชาติด้วยหลักการใหม่ จากแต่เดิมที่การให้สัญชาติของรัฐแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะยึดอยู่กับหลักดินแดนและหลักสืบสายโลหิตเป็นสำคัญ โดยหลักดินแดนจะให้สัญชาติกับบุคคลที่ถือกำเนิดขึ้นภายในรัฐแห่งใดแห่งหนึ่ง และบุคคลผู้เป็นบิดามารดาอาศัยอยู่อย่างถูกกฎหมาย
ส่วนหลักสืบสายโลหิตจะเป็นการให้สัญชาติกับบุคคลตามสัญชาติของผู้ที่เป็นบิดามารดา เช่น หากบิดาหรือมารดาเป็นสัญชาติไทย เด็กที่เกิดขึ้นมาจากบิดาหรือมารดาที่ถือสัญชาติไทยก็จะได้รับสัญชาติไทยตามหลักสืบสายโลหิต
ซึ่งหากพิจารณาตามหลักการได้สัญชาติทั้งหลักดินแดนและหลักสืบสายโลหิตจะพบว่าบุคคลผู้อพยพผู้เข้าสู่ดินแดนของรัฐอื่นอย่างผิดกฎหมายหรือการหลบหนีภัยสงครามจะไม่สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นได้ แม้ในความเป็นจริงจะมีชีวิตแทบทั้งหมดอยู่ภายในสังคมแห่งนั้น
รวมทั้งลูกหลานของผู้อพยพก็ตกอยู่ในสถานะที่ไม่แตกต่างกัน
มีการพัฒนาหลักการให้สัญชาติในแนวทางใหม่ ด้วยการให้แก่บุคคลที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนั้นๆ มาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ยาวนานพอจะแสดงให้เห็นว่าสังคมแห่งนี้เป็นถิ่นฐานของเขาในการดำรงชีวิต และได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวให้เข้ากับสังคมผ่านกระบวนการบางอย่าง เช่น ในบางประเทศกำหนดให้ต้องเรียนในโรงเรียนเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือสามารถใช้ภาษาของประเทศนั้นได้
หลักการนี้ถูกเรียกว่าการให้สัญชาติโดยหลักพำนักอาศัย (jus domicile) อันเป็นหลักการที่ช่วยทำให้สามารถรับเอาบุคคลจำนวนมากซึ่งเป็นผู้อพยพแบบไม่หวนกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นได้มากกว่าการปล่อยให้เขาต้องเคว้งคว้างไป จะทำงานแบบสุจริตก็ทำไม่ได้ จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ระบบสวัสดิการทางสังคมก็ไม่มีรองรับ
สุดท้ายก็จบลงด้วยการประกอบอาชญากรรมในลักษณะต่างๆ ค้ายาเสพติด อาวุธสงครามเถื่อน
แน่นอนว่าการให้สัญชาติแก่บุคคลในลักษณะเช่นนี้ย่อมมีความแตกต่างจากการได้สัญชาติโดยหลักสืบสายโลหิตและโดยหลักดินแดน เนื่องจากอาจถูกพิจารณาได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับผู้ที่ได้สัญชาติอยู่ในลักษณะที่เบาบาง จึงอาจทำให้มีข้อสงสัยถึงความปลอดภัยหรือความมั่นคงต่อรัฐที่ให้สัญชาติได้
ซึ่งการให้สัญชาติด้วยหลักพำนักอาศัยก็ได้คำนึงถึงด้วยเช่นกัน การให้สิทธิกับบุคคลที่ถือสัญชาติในลักษณะนี้จะไม่ได้อยู่ในลักษณะเดียวกันกับบุคคลอื่นที่ถือสัญชาติ แต่มีข้อจำกัดบางประการเอาไว้โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิทางการเมือง เช่น สิทธิในการลงคะแนนเลือกผู้แทนหรือการลงรับสมัครเป็นผู้แทนในการเมืองระดับชาติ
แต่โดยที่ยังคงรับรองสิทธิในด้านอื่นๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองจากรัฐในชีวิตและร่างกาย สิทธิในสวัสดิการที่รัฐจัดไว้ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ สิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองแห่งรัฐ
การให้สัญชาติด้วยหลักพำนักอาศัยจึงเป็นการยอมรับถึงความเป็นจริง ว่ามีกลุ่มคนซึ่งอพยพมาอยู่ในดินแดนของรัฐแม้ว่าจะเป็นการเดินทางเข้ามาแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็ยากจะผลักดันให้พ้นไปจากสังคมของตน ยกเว้นจะปิดหูปิดตาไม่สนใจต่อความโหดร้ายว่าเมื่อไล่ไปแล้วเขาอาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ
ในขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าอาจต้องจำกัดสิทธิบางประการทางด้านการเมืองกับคนกลุ่มนี้ จนกว่าจะเกิดความมั่นใจหรือมีช่วงระยะเวลาที่แสดงให้เห็นได้มากขึ้นถึงความมั่นคงในการดำรงอยู่ในสังคมนั้น
ระบบกฎหมายของไทยในเรื่องการให้สัญชาติยังคงยึดหลักการให้สัญชาติด้วยหลักดินแดนและหลักสืบสายโลหิตเป็นสำคัญ ทำให้คนอีกจำนวนมากที่อยู่ในฐานะเฉกเช่นเด็กชายหม่องจึงยังต้องตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากอีกต่อไป
ในฐานะที่ตกเป็นเป้าสายตาของสังคม ในอนาคตเขาอาจได้รับการแปลงสัญชาติให้เป็นคนไทยได้
อย่างไรก็ตาม จะยังคงมีเด็กชายหม่องอีกนับหมื่นนับแสนอยู่ในสังคมไทย คนเหล่านี้อาจไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้เจอนายกรัฐมนตรี ต้องตกอยู่ในสถานะของการไร้สัญชาติและเผชิญกับความยากลำบากในชีวิตอีกต่อไป
ตราบเท่าที่ระบบกฎหมายไทยยังไม่ยอมรับการให้สัญชาติในรูปแบบใหม่ๆ ที่เปิดกว้างเพิ่มมากขึ้น
หน้า 6