เรื่องเล่า งานมหกรรมสมุนไพรเเห่งชาติ


หนทางไกลหมื่นลี้ สำคัญที่ก้าวเเรก

เรื่องเล่า งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ  

วันที่ 2-6 กันยายน พ.ศ.2552

 

                ด้วยงานแพทย์แผนไทยมีความประสงค์ที่จะประชาสัมพันธ์  งานแพทย์แผนไทย ของโรงพยาบาลสอง ให้แก่ ประชาชน ทั่วประเทศ ได้ รู้ว่า โรงพยาบาลสอง จังหวัดแพร่ เปิดให้บริการงานแพทย์แผนไทย และ ผลิตยาสมุนไพร เพื่อรักษาและจำหน่ายแก่ผู้สนใจทั่วไป เราจึงได้ปรึกษาและ ลงความเห็นกันว่า เราควรออกบูธและ ไปประชุมวิชาการ ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ  ณ. เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน พ.ศ.2552 ด้วยสาเหตุนี้เอง ทำให้ งานแพทย์แผนไทย โกลาหล อลมานเป็น การใหญ่  ท่านผู้อ่านก็จะเห็นได้ ว่า ช่วงนั้นฝ่ายแพทย์แผนไทยวุ่นวาย  เห็นหมอเด็ก ๆ เดินไปห้องโน่นห้องนี้ ซื้อโน่น ซื้อนี้ นั่นแหละค่ะ เหตุผล เพื่อโรงพยาบาลสอง ของเรานั่นเอง

                 วันที่ 1 กันยายน 2552 ฝ่ายแพทย์แผนไทย หายตัวกันไปไหนน่ะ ทุกคน ต่างสงสัย *-* พวกเรา ต่างขนข้าวของ เก็บอุปกรณ์  โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร โดยรถตู้ 1 คัน และ รถแวน 1คัน (โรงพยาบาลร้องกว้าง ใจดี ให้ยืมใช้)  โดยรถแวนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพ ตั้งแต่ ไก่โห ( 6 .00 น.) ไปถึงกรุงเทพ ก่อน รถตู้ เพื่อไปเตรียมสถานที่ ตกแต่งบูธ ที่เมืองทองธานี ส่วนรถตู้ ต้องรอ ผู้อำนวยการสะสางภารกิจ เสียก่อน (เฮ้อ!   วน 5 รอบแล้ว กว่าจะออกจากโรงพยาบาล เวลา 14.00 น.)  ระหว่างทาง ขอขอบคุณ คุณแม่พี่เนาวที่สนับสนุน  ไก่ย่าง ข้าวเหนียว และ น้ำพริกเห็ด น่ะค่ะ ซึ่งช่วยให้พวกเราทุกคนมีแรงในการเดินทาง พวกเราถึงที่ พักเวลา  22.30 น.   เกือบ ลืมแนะนำ ผู้ร่วมขบวน นำทีมด้วยผู้อำนวยการนายแพทย์วันชัย คุณเนาวราวรรณ (พี่เนาว์)  คุณอารีวรรณ (พี่นุช) คุณสายหยุด (ป้าหยุด)  คุณแสงดาว (พี่ดาว) คุณเชาวลิตร (พี่เอส) แพทย์แผนไทย ณัฐวลักษณ์ (พี่ยิม) แพทย์แผนไทยประยุกต์ อัจฉรา (น้องตาล)  และน้องใหม่ ยุวดี (น้องแป้งร่ำ)  และ พี่อ้อย พนักงานนวดแผนไทย ที่ขาดไม่ได้คือ  พี่ทองทศ และพี่แบ็ค ผู้กุมความพวงมาลัยและความปลอดภัยของชาวคณะ  (ถ้าไม่มีสองคนนี้ไปไม่ถึงกรุงเทพแน่นอนเลยค่ะ) รวมผู้เดินทางประมาณ 10 คน

                                วันที่ 2 กันยายน 2552 ไปจัดบูธที่เมืองทอง โดยเราได้เข้าไปจัดบูธเวลา 9.00 น. ก่อนผู้เข้าชมงาน 1 ชั่วโมง พวกเรา ช่วยกัน ขน อุปกรณ์ เวชภัณฑ์   ซึ่งหนักมาก  คิดดูสิค่ะ ผู้หญิงฝ่ายแผนไทยตัวเล็กๆ ต้องแบกกล่องยาหม่อง หนัก ราว 20 กิโลกรัม เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โอโฮ! เป็นบทเรียนในครั้งต่อไปว่า โรงพยาบาลของเรา น่าจะมีรถเข็นสำหรับขนของ น่ะค่ะ  เพราะที่งานไม่มีให้ยืม เนื่องจากทุกคนที่มาจัดบูธต่างมีรถเข็นส่วนตัวกันทั้งนั่น  งานนี้เราเจอศึกหนัก เนื่องจาก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ  มาออกบูธ ด้วย  ถึงไง โรงพยาบาลสอง สู้ๆ เราเป็นน้องใหม่ไง ก็ต้องพยายามและอดทนต่อไป   ภายในงานแบ่งเป็น หลายบูธ บูธของโรงพยาบาลสอง โชคดีหน่อย อยู่ตรงหัวมุมพอดี  เห็นได้ สองด้าน เราจัด บูธสไตส์ ญี่ปุ่นปนล้านนา  โดยมี อ่างน้ำพุเล็กๆ มีหินประดับ ดอกไม้ตกแต่ง ตลอดจนร่มล้านนา ที่เป็นเอกลักษณ์ เมือง ล้านนาเราไว้ เมื่อไฟที่บูธส่องมา สะท้อนกลับป้ายไวนิล 2 ชุด จะเห็นความงดงาม ซึ่งเข้ากันแบบลงตัวของบูธเราเป็นอย่างดี พวกเราตกลงกันไว้ว่า ผู้ที่อยู่บูธ ต้องใส่เสื้อหม้อฮ้อม ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ จังหวัดแพร่ ด้วย  เรา จัด ยาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแผ่นพับ ไว้อย่างสวยงามเพื่อเป็นการโฆษณา โรงพยาบาลเราด้วยน่ะค่ะ เมื่อเริ่มเปิดงาน ปุ๊บ! ผู้คนมาจากไหนไม่รู้หลั่งไหลมา ที่บูธเรา มากมาย ลีลาพนักงานขาย ของฝ่ายแผนไทยและพี่เนาว จึงเริ่มต้นขึ้น เหนื่อย! น้ำอยู่ไหนเนี้ย ! (คอแห้งค่ะ)   สิ่งแรก ที่ เราเจอคำถาม คือ โรงพยาบาลสอง คืออะไร ? โรงพยาบาลสอง นี่อยู่จังหวัดอะไร มีโรงพยาบาล หนึ่ง สาม สี่ ห้า หรือเปล่า? *-*  เราทุกคนต้องได้ตอบคำถามแบบนี้ซ้ำๆ ทุกๆวันและทุกๆคน ค่ะ เนื่องจาก ป้ายโรงพยาบาลสองที่ติดอยู่บูธเรา ไม่มี จังหวัด นั่นเอง แต่ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในวันแรกน่ะค่ะ ผลิตภัณฑ์ที่ ขายดี คือ ยาธาตุอบเชย ยาหม่องขมิ้นชัน ยาหม่องไพล ยาหม่อง เสลดพังพอน ตามด้วยกลีเซอรีนเสลดพังพอน ทิงเจอร์เสลดพังพอน และผลิตภัณฑ์ ยาอื่นๆตลอดจน กระเป๋าปักมือ  ชมพูสระผม ครีมนวด ของพี่เนาว นั่นเอง  แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำงานอย่างหนักน่ะค่ะ เราแบ่งคนส่วนหนึ่งไปประชุมวิชาการ และอีกส่วนหนึ่งเฝ้าบูธค่ะ  วันที่ 2 กันยายน พวกเราทุกคน ต่างเหนื่อยและอ่อนล้า แต่ทุกคนก็มีความสุข สนุกสนานแม้กระทั่งพี่นุช ป้าหยุด ก็ยังร่วมขายด้วยเลย   วันนี้ คณะเดินทางประชุมกันเรื่องการเดินทางไปดูงานที่ศิริราช ในวันที่ 3 กันยายน 2552  โดยประชุมเรื่อง เส้นทางการเดินทาง เนื่องจาก กรุงเทพ มี ปัญหา การจราจรค่ะและพวกเราไปไม่ถูก (แฮะๆ อันนี้เรื่องใหญ่)

               

วันที่ 3 กันยายน 2552 เราแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก นำโดยพี่เนาว และพี่อ้อย ไปเฝ้าบูธเราที่เมืองทองธานี ส่วนที่เหลือ  เดินทางไปที่สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช โรงเรียนอายุรเวทธำรง  (ไม่ต้องสงสัยน่ะค่ะ ชื่อนี้ได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ค่ะ องค์อุปถัมภ์แพทย์แผนไทย) นำทีมโดย นายแพทย์วันชัย เราไปถึงเร็วก่อนกำหนด ตั้ง 2 ชั่วโมง  เราเลย พากันเดิน ไปดูท่าเรือและ สำรวจ รอบๆ โรงพยาบาลศิริราช คณะศึกษาดูงาน โรงพยาบาลสอง จนกระทั่งเวลา 9.00 น. ก็ได้เวลาไปดูงาน ที่สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 13 เราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีมากๆ (ต้องขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านเป็นอย่างสูงค่ะ) จาก หัวหน้าสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คือ นายแพทย์ทวี เลาหะพันธ์  และคณะอาจารย์แพทย์แผนไทยประยุกต์   ได้ รับฟัง ประวัติความเป็นมาของแพทย์แผนไทยประยุกต์  และการก่อตั้งโรงเรียนอายุรเวทธำรง  จากนั้น จึงเป็นการดูงานที่หน่วยผลิตยาสมุนไพร ซึ่งโรงเรียนอายุรเวทธำรง ได้สร้างแบบแปลน โรงงาน GMP เพื่อเป็นแหล่งโรงงานต้นแบบ แหล่งผลิตยาสมุนไพรและแหล่งฝึกงานของนักศึกษาสาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งที่นี่มีวิทยากรคืออาจารย์เภสัชกรหญิง อริยะวรรณ เป็นผู้นำชม โรงงานผลิตยาสมุนไพรซึ่งตั้งอยู่ชั้น 13 ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช พวกเรา ได้รับความรู้มากมายในการเลือก วัสดุอุปกรณ์ การสร้างโรงงาน เครื่องมือผลิตยา การทำโรงงาน GMP (กระดาษที่เตรียมไป ไม่พอจดข้อมูลเลยค่ะ) จากนั้น คณะดูงานโรงพยาบาลสองก็ออกจากโรงงานผลิตยาไป ห้องเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งภายในห้อง ทางโรงเรียนอายุรเวทธำรงได้ จัดแสดง การดูแลมารดาหลังคลอด หรือทางแพทย์แผนไทยเรียกว่า การผดุงครรภ์แผนไทย ไว้ เป็นฐานๆ โดยให้คณะดูงานได้ศึกษา เริ่มต้นฐานแรก เป็นฐานตัวยาสมุนไพร ได้แก่ ไพล ว่านชักมดลูก ว่านสาวหลง  ตัวอย่างสมุนไพร ยาตำรับ ยาเดี่ยว และการขัดผิสำหรับมารดาหลังคลอด พร้อม อธิบายแลกเปลี่ยนความรู้ ( พี่นุช หัวหน้าใหญ่ของห้องคลอดเก็บข้อมูลมาเต็มกระเป๋าเลยค่ะ) มาถึงฐานสอง เป็นฐานอบสมุนไพร โดยมีการเข้ากระโจม ตัวอย่างยาอบสมุนไพร ได้แก่ การบูร ไพล ใบมะกรูด เป็นต้น โดยป้าหยุด ของเราเป็นผู้ทดลอง เข้ากระโจม (คุณป้าเคลิ้มเชียว คงกำลังย้อนนึกถึงอดีตอยู่แน่เลยอิอิๆ จากนั้นมาเป็น ฐานที่ 3 ฐานทับหม้อเกลือ สาธิต ส่วนประกอบการทับหม้อเกลือ อันได้แก่ เกลือตัวผู้ (ทำไมน่ะ!) ใบพลับพลึง ไพล ว่านนางคำ ว่านชักมดลูก  เป็นต้น นอกจากนี้ สาธิตการห่อหม้อเกลือ และการเตรียมหม้อเกลือก่อนที่จะมาทับให้แก่มารดาหลังคลอด ฐานที่ 4 เป็น ฐานนั่งถ่าน  คือ การอบแผลฝีเย็บโดยสมุนไพรและความร้อนให้แก่มารดาหลังคลอดที่ คลอดโดยวิธีธรรมชาติ โดย มี เก้าอี้นั่งขนาดเล็ก หรือที่บ้านเราเรียก ก่อมนั่ง เจาะรู ตรงกลาง  กะโหลก มะพร้าว ตาเดียวที่ผ่าครึ่งแล้ว   มีหม้อทะนน ซึ่งใส่ถ่านที่เผ่าไฟ  สำหรับมารดาหลังคลอดนั่งถ่าน (ถ้าท่านผู้อ่านท่านไหนสนใจก็เข้ามาถามที่แพทย์แผนไทยได้น่ะค่ะ) ฐานนี้คณะดูงาน ทุกๆ คนให้ความสนใจกันเป็นพิเศษ เพราะไม่เคยเห็นที่ไหนมา จากนั้นก็ มาฐานที่ 5 สอนการทับหม้อเกลือ และการพันผ้าหน้าท้อง ก็ได้ ป้าหยุดไปเป็นผู้ทดลองอีก ( ป้าหยุดแก ลองทุกอย่างละค่ะ) การทับหม้อเกลือช่วยให้มดลูกมารดาหลังคลอดเข้าอู่และบรรเทาอาการปวดเมื่อยร่างกาย  ส่วนการพันผ้าหน้าท้อง ช่วยให้มดลูกเข้าอู่แล้วยังช่วยเรื่องหน้าท้องของมารดาหลังคลอดด้วย แต่ที่ดึงดูดความสนใจทุกคนนั้นคือ ฐานที่ 6  ตาราง 9 ตา 9 ช่อง  

ตารางนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการออกกำลังกาย การฝึกสมาธิ ความสนุกสนาน โดยตารางนี้ถูกแบ่งเป็น ชายและหญิง คลายๆเกมส์เต้น ค่ะ ผู้อำนวยการ และคณะดูงานได้ทดลอง กันแล้วสนุกสนาน แต่ที่ติดใจมากคงเป็น ผู้อำนวยการของเรา ที่ถึงกับนำกลับมาเล่นที่โรงแรมอีก  อีกหน่อยโรงพยาบาลสอง จะได้มีเกมส์เต้น เพื่อสุขภาพแล้วน่ะค่ะ หลังจากนั้นเราก็มาถึง ฐาน ที่ 7 ฤาษีดัดตน โดยทุกคนได้ ลอง ฝึกโยคะกันดู ฐานต่อมา คือ ฐานที่ 8 ฐานสาธิตการนวดราชสำนักและการประคบสมุนไพร ค่ะ หลังจากจบฐานที่8 แล้ว เราก็ไปดูงานที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ตึกอดุลยเดชวิกรม  โดยแบ่งเป็นส่วนประชาสัมพันธ์ ค้นบัตร ส่วนจ่ายยาสมุนไพร (ตำรับ ยาต้ม ) ห้องชำระเงิน  และห้องตรวจเเพทย์แผนไทยประยุกต์และแพทย์แผนปัจจุบันที่จบเวชศาสตร์ฟื้นฟู มาตรวจคู่กัน ทัดถัดไปจากนั้นเป็นห้องนวด โดยแบ่งเป็น ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องอบสมุนไพรโดยใช้กระโจม ห้องสำหรับมารดาหลังคลอด และลูกประคบสมุนไพรเป็นต้น หลังจากนั้นคณะดูงานได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคณาจารย์แพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช และ กล่าวขอบคุณ  พร้อมอำลา มา เมืองทองธานี  มาขายของ ต่อ วันนี้ขายดี ผู้อำนวยการเรานำทีมพนักงานขาย ท่านเป็นนักขายที่เก่งที่เดียว ยอดขายวันนี้เลยสูง เป็นพิเศษ

 *-*

                วันที่ 4  กันยายน 2552 เป็นการประชุมวิชาการวันสุดท้าย เราก็ขายของได้ดี นำทีมโดยผู้อำนวยการของเราเช่นเดิม  และ อำลา กรุ๊ปประชุมวิชาการ (ผู้อำนวยการ พี่นุช พี่เนาว ป้าหยุด) ที่ต้องกลับก่อน ส่วน ฝ่ายแพทย์แผนไทยก็ออกบูธ ถึงวันที่ 6 กันยายน 2552  พวกเราเริ่มทำยอดขายได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มชินแล้วค่ะ ^-^แม้จะอ่อนล้า บ้างก็ตาม  

                ประสบการณ์ที่ได้ในครั้งนี้ทำให้ พวกเรารู้ว่า “หนทางไกลหมื่นลี้ สำคัญที่ก้าวแรก” งานสูติกรรมกับการผดุงครรภ์แผนไทย และ ในครั้งนี้ ทำให้โรงพยาบาลของเราเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป (ขอให้ท่านผู้อ่านเป็นกำลังใจให้แพทย์แผนไทยในการทำงานต่อไปด้วยน่ะค่ะ)

                  ขอขอบคุณ ทุกท่านที่ทำให้พวกเรามีความสำเร็จ ในการจัดบูธ ขอขอบคุณอาจารย์ โรงเรียนอายุรเวทธำรง ทุกท่าน ที่ ให้ความรู้ ในการ ดูงานในครั้งนี้ค่ะ

 ------------------------- ^-^ หมอน้อย เเผนไทย จ้าวววว *-* --------------------------------

หมายเลขบันทึก: 296213เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2009 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • ชื่นชมค่ะ 
  • คนที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ก็ได้อารมณ์เห็นภาพร่วมเช่นกันค่ะ

                                                

ใช่ค่ะ....สนุก โดยเฉพาะคนนั่งเก็บกะตัง นี่สิ เก็บด้วย ยิ้มด้วย 555....ครั้งหน้าถ้าไม่มีคนเก็บตังค์ ก็บอกได้เลยนะ.....555....ส่วนเกมส์ 9 ตา 9 เต้นก็สนุก สอบถามได้นะค่ะ...../ พี่นุช LR

เสียดายค่ะ..ที่ไม่ได้ไปด้วย ทั้งที่ตอนแรกก้อเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่มีชื่อในคณะนี้  แต่เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้ไปด้วยไม่ได้ แต่พอได้อ่าน สิ่งที่สัมผัสได้ จากการบรรยายของหมอน้อยแผนไทย ก้อเหมือนยังกะได้ไปด้วยเลยง่ะ สุดยอดเลยค่ะ เล่าได้เห็นภาพเลยแหละ ต่อไปนี้คงมีคนรู้จัก รพ. สอง เพิ่มขึ้นอีกเยอะ แล้วจะรอดูภาพของจริงนะคะ.../ juey

กลุ่มงานเวชมีตัวแทนไปร่วมงาน ขอชื่นชมด้วยคะ

แม้ไม่ได้ไปด้วยก็ส่งกำลังใจไปหาทุกวันด้วยโทรศัพท์และได้รู้ความเคลื่อนไหวของทีมตลอด  /ป้าไพ

ดีใจด้วยนะที่มีโอกาสไปเวทีระดับประเทศ วันหลัง เรียนผอ.วันชัย บอกว่าคุณท้องฟ้าขอติดตามไปด้วยจ้า

คุณ ท้องฟ้า เป็นกัลยาณมิตร ที่ดีของเรา มีโอกาสมากเลยค่ะ  อิอิ

ชื่นชมในความพยายาม ความสามัคคี ความเสียสละของคนทำงานด้านการแพทย์แผนไทย ทางไกลหมื่นลี้อาจจะไม่ไกลอย่างที่คิดก็ได้ / ธนภัทร งานแพทย์แผนไทย รพ.เถิน จ.ลำปาง

ดิฉันกำลงจะเรียนแพทย์แผนไทย เรียนเอาใบประกอบโรคศิลป์จะดีไหมคะ รบกวนตอบและอธิบายให้ด้วยนะคะเพราะคิดมานานแล้วคะ แต่ก็กลัวว่าจบแล้วจะไม่มีงานทำเลยค่ะ ตอนนี้ก็อายุ38ปีแล้วปัจจุบันทำงานโรงพยาบาลอยู่ห้องปฏิบัติ์การณ์รับหน้าที่เจาะเลือดและทำสิ่งส่งตรวจค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท