กำเนิดคัมภีร์วิสุทธิมรรค(๑)


เหตุการณ์อันเป็นจุดกำเนิดของคัมภัร์วิสุทธิมรรค

คัมภีร์วิสุทธิมรรค ถือเป็นเพชรน้ำเอกแห่งวงการวรรณกรรมศาสนา มีเนื้อความเกี่ยวกับ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างพิศดาร จนถูกใช้เป็นบทเรียนหลักในพุทธศาสนามากว่า 1,500ปี

คัมภีร์นี้เกิดในปลายราชวงศ์คุปตะในอินเดีย มีมูลเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นอย่างน่าตื่นใจมากค่ะ

ในยุคนั้น เหล่ากษัตริย์ในราชวงศ์ บางองค์นับถือศาสนาพราหมณ์ บางองค์ก็นับถือศาสนาพุทธ จึงเกิดการอุปถัมภ์ทั้งสองศาสนา และศาสนาทั้งสองก็ดูจะกลมกลืนกัน มีการผสมผสานวิถีวัฒนธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป ( *หน้า ๑๓๘ )

แม้จะดูกลมกลืนกัน แต่ลึกๆแล้ว ต่างต่อสู้ในแง่ปรัชญาและวิธีปฏิบัติ ฝ่ายพราหมณ์ได้เข้ามาบวชในศาสนาพุทธ ศึกษาธรรม แล้วนำข้อดีของศาสนาพุทธไปผนวกเข้ากับศาสนาพราหมณ์ ตั้งชื่อใหม่ว่า ฮินดู แต่สามารถเรียกชื่อ พราหมณ์ อันเป็นชื่อเดิมแทนกันได้ ได้แต่งคัมภีร์ใหม่ๆขึ้น เพื่อผนวกศาสนาพุทธเข้าไว้ในศาสนาตน คัมภีร์ที่แต่งขึ้นเล่มหนึ่งคือ คัมภีร์ปุราณะ กล่าวถึงพระคุณนาๆประการของพระวิษณุ และพระพราหมณ์ และได้กล่าวว่า พระพุทธเจ้า เป็นปางหนึ่งของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ อันเป็นปางที่ ๙ เพื่อมาปราบอสูร อสูร ในที่นี้ก็คือชาวพุทธซึ่งจะถูกกำจัดต่อไป( ** หน้า ๕๒ ) โดยมีเนื้อหาว่า พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระพุทธเจ้า หลอกล่อให้อสูรอันเป็นศัตรูของเทวดา ให้หลงผิด เลิกนับถือพระเวท เลิกบูชายัญ

คัมภีร์ยังระบุอีกว่า เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระพุทธเจ้า หลอกลวงอสูรให้ออกจากพระเวทแล้ว เมื่อสิ้นกลียุค พระองค์จะอวตารมาในปางที่ ๑๐ มาเป็น กัลกี หรือกัลกยาวตาร เพื่อปราบอสูรให้หมดสิ้นไป โลกกลับเข้าสู่ยุคทอง พระองค์ก็กลับสู่สรวงสวรรค์

(น่าจะสรุปความได้ว่า เหล่าพราหมณ์โกรธที่พระพุทธเจ้าสอนให้เลิกบูชายัญ สอนให้เลิกสวดอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลิกเอาใจเทพเพื่อป้องกันเทพโกรธและบันดาลเหตุร้ายให้เกิดแก่ตน แต่สอนให้พึ่งตัวเองในการที่จะมีชีวิตในสังคมแบบเป็นสุขกับชีวิตปัจจุบัน และสิ้นทุกข์อย่างถาวรโดยความพยายามให้ถึงซึ่งนิพพานนะคะและในปัจจุบัน ศาสนาคริสต์ในบางที่ก็ใช้วิธีนี้ คือกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนของพระเจ้า ที่ส่งลงมาประกาศธรรมในโลก )

อีกทั้งมีการรื้อฟื้นภาษาสันสกฤตขึ้นมาใหม่ และให้ความสำคัญในฐานะภาษาศักดิ์สิทธิ์ มีการโฆษณาว่าคำว่า "ธรรม" แปลว่าการทำตามหน้าที่ของวรรณะทั้ง ๔ในภพปัจจุบัน โฆษณาว่า คำว่า"ไตร" ซึ่งเป็นคำมงคลในศาสนาพุทธเป็นคำเลวร้าย เช่นเดียวกับเมืองกุสินารา เป็นเมืองเวลร้าย ใครตายที่เมืองนี้จะต้องตกนรก***

ตอนนั้น ศาสนาพุทธได้แยกเป็นสองนิกายใหญ่แล้ว ทางพุทธมหายานบางกลุ่ม เห็นว่า ลำพังเนื้อตัวของศาสนาไม่สามารถดึงประชาชนให้มาเป็นศาสนิกได้ จึงมีการเพิ่มเติมบทสวดมนต์ ฤกษ์ผานาที อาคมขลังเข้ามา เช่น บทสวดมนต์ล้างบาป เพื่อให้เห็นว่า พราหมณ์ล้างบาปในแม่น้ำคงคาได้ พุทธก็มีได้ด้วยการสวดมนต์

และพุทธศาสนาฝ่ายมหายานก็แตกกิ่งเป็นหลายสาขา ส่วนฝ่ายเถรวาทซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในอินเดีย ยังคงรักษาหลักธรรมของตนอย่างเหนียวแน่น ( ฝ่ายเถรวาทไปรุ่งเรืองในลังกา )

ในยุคนั้น ในตำบลพุทธคยา มีพราหมณ์ผู้หนึ่ง เป็นผู้ถวายความรู้แก่เหล่ากษัตริย์ในวัง วันหนึ่งเกิดติดขัดในข้อความรู้จะถวาย จึงจดใส่กระดานชนวนกลับไปขบคิดต่อที่บ้าน บุตรชาย คือโฆษะกุมาร เห็นเข้า จึงมาเขียนความต่อท้ายกระดาน พราหมณ์เมื่อได้เห็นความนั้น ก็รู้ว่าบุตรตนไม่ใช่คนธรรมดา จึงนำความไปทูลพระราชา พระองค์รับโฆษะกุมารเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อเติบใหญ่ ท่านโฆษะเรียนจบไตรเพท และเป็นนักโต้วาทีที่มีชื่อเสียงมาก

วันหนึ่ง ท่านมหาสถวีรเรวตะ ( ** หน้า ๕๓ ) หรือที่บางตำรากล่าวว่าคือพระธรรมโฆษาจารย์ ( * หน้า ๑๔๘ ) ได้ยินท่านโฆษะท่องสูตรจากปตัญชลี ได้เลื่อมใสการออกเสียงอย่างถูกต้องของท่านโฆษะมาก ( มาถึงที่นี้ บางตำราว่าท่านด้วยญาณเห็นว่ามานพน้อยนี้อีกหน่อยจะทำการใหญ่ให้พระศาสนาได้ จึงออกอุบายสยบด้วยกุศโลบาย ) จึงชวนโต้วาทีด้วยกัน

ท่านโฆษะถามว่า ท่านรู้สูตรเหล่านี้หรือ

พระมหาสถวีรเรวตะตอบว่า ใช่ เรารู้ สูตรเหล่านั้นไม่ถูกต้อง

จากนั้นท่านก็ได้วิพากษ์วิจารณ์สูตรเหล่านั้นอย่างรุนแรงจนท่านโฆษะเงียบไป

ท่านโฆษะขอให้ท่านมหาสถวีรเรวตะแสดงลัทธิของตนบ้าง

.พระเถระก็แสดงหลักอภิธรรมให้ฟัง ท่านโฆษะไม่เข้าใจจึงถามว่า นี่เป็นมนต์ของใคร

นี้เป็นพุทธมนต์

ท่านจะสอนให้ผมได้หรือไม่

ถ้าเธอบวช จะสอนให้

ท่านโฆษะจึงบวชในศาสนาพุทธ ต่อมาจึงเป็นที่รู้จักในนาม พระพุทธโฆษาจารย์ ผู้ทรงคุณูปการต่อศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก

ดิฉันอ่านที่มาของพระคัมภีร์แล้วสนุกกับการศึกษามากเลยค่ะและคิดว่าเป็นสิ่งที่โน้มน้าวให้เราอยากศึกษาหลักธรรมในศาสนามากขึ้น ไม่ทราบคุณจะมีความรู้สึกเดียวกันหรือเปล่า

ขอยกยอดที่เหลือไปต่อตอนหน้านะคะ

หมายเลขบันทึก: 295435เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2009 10:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม 2013 14:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

โอโห..มีสิ่งที่ผมยังเข้าไม่ถึงอีกเยอะเลยครับ..ขอบคุณมากครับ http://gotoknow.org/blog/yatsamer/294855

ขอติดตามอ่านไปให้รู้ชัด            กำลังหัดเรื่องคัมภีร์นี่ไม่รู้

ขอติดตามอ่านไปให้เป็นครู         เมื่อใดรู้ลึกซึ้งจึงต่อความ

อาจารย์กู้เกียรติคะ

เรื่องราวในพุทธศาสนาที่ดิฉันยังไม่รู้ก็มีอีกมากจริงๆค่ะ

ขอบคุณคุณวิโรจน์มากค่ะ ที่มาเยี่ยมเยียนกันเสมอค่ะ ตอนสองบันทึกแล้วค่ะ

แค่ผิวก็รู้สึกสบายแล้วค่ะ..พี่ตุ๊กตาถึงขั้นเปลือกก็ใกล้แก่นธรรมเข้าไปแล้ว..คงจะถึงซึ่งทางสงบได้ในเร็ววัน..อนุโมทนาค่ะ..

ขออนุโมทนาในการศึกษาทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติ ปรารถนาสิ่งใดขอให้ประสบความสำเร็จ

นมัสการพระคุณเจ้า MCUKM

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ที่เมตตามาเขียนความเห็นอันเป็นกำลังใจ

อดปลื้มไม่ได้เจ้าค่ะ แต่แล้วก็ละวางอารมณ์นั้นลงเสีย

เข้าไปชมในบล็อคพระคุณเจ้า ไม่เห็นที่จะเขียนความเห็น เลยกลับมาเขียนในบล็อคตนเองเจ้าค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท