ปัจจัยที่มีผลกระทบจากการเก็บสิ่งส่งตรวจ [SPECIMEN COLLECTION VARIABLES]
การเก็บตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ผลการทดสอบทางเคมีคลินิกผิดพลาด ตัวอย่างของการเก็บตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องได้แก่ เทคนิคในการเจาะเลือดไม่เหมาะสม การรัดเข็นผู้ป่วยนานเกินไป การใช้สารกันเลือดแข็งไม่ถูกต้อง ท่าทาง (posture) ของผู้ป่วย
Posture
การเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้ป่วยจากท่านอนเป็นท่านั่ง ทำให้มีการเคลื่อนที่ของน้ำออกจากหลอดเลือด ทำให้โปรตีนในพลาสมาและสารบางชนิดที่ยึดอยู่กับโปรตีนมีปริมาณสูงขึ้น การทดสอบที่มีผลการทดสอบเพิ่มขึ้นได้แก่ total protein, albumin, lipids, enzymes, calcium, iron
การเปลี่ยนแปลงจากท่านั่งเป็นท่านอนมีผลในทางตรงกันข้ามกล่าวคือ จะมีการเคลื่อนที่ของน้ำเข้าสู่หลอดเลือดทำให้มีการเจือจางของสารภายในหลอดเลือด ระดับของโปรตีนและสารที่ยึดอยู่กับโปรตีนจะลดต่ำลง วิธีการที่จะลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงท่าทางทำได้โดยก่อนการเจาะเลือดให้ผู้ป่วยนั่งพักอย่างน้อย 10 นาที เพื่อให้มีการปรับสมดุลย์ต่างๆในร่างกาย
การใช้ tourniquet รัดแขนผู้ป่วยนานเกินไปหรือภาวะ venous stasis มีผลทำให้น้ำและสาร ที่มีมวลโมเลกุลต่ำซึมผ่านผนังหลอดเลือด ทำให้ระดับของโปรตีนและสารที่ยึดกับโปรตีนมีปริมาณเพิ่มขึ้น การรัดแขนผู้ป่วยนานๆมีผลเพิ่ม anaerobic glycolysis ทำให้ปริมาณ lactate เพิ่มขึ้นและ blood pH ลดลง นอกจากนี้การที่เนื้อเยื่อขาดออกซิเจนมีผลทำให้มีการหลั่ง potassium จากเซลเข้าสู่พลาสมา
การใช้สารกันเลือดแข็ง
Lithium heparin ในทางเคมีคลินิกนิยมใช้ lithium heparin เป็นสารกันเลือดแข็ง เนื่องจากทำให้การแยกพลาสมาสะดวก รวดเร็ว
EDTA นิยมใช้เป็นสารกันเลือดแข็งในงานโลหิตวิทยา เนื่องจากช่วยในการรักษาสภาพของเซลล์ได้ดี
Sodium Fluoride (NaF) ในการส่งตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนิยมใช้ sodium fluoride เป็นสารรักษาสภาพเนื่องจากยับยั้ง glycolysis โดยมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ enolase ตัวอย่างที่ไม่ได้ใช้สารยับยั้งการสลายกลูโคส จะมีระดับของกลูโคสลดลง 10 mg/dL ต่อชั่วโมงที่อุณหภูมิ 25 °C
Hemolysis
ในการเจาะเลือดอาจเกิดภาวะ hemolysis สาเหตุที่ทำให้เกิด hemolysis เกิดจากการที่เลือดไหลผ่านเข็มช้าหรือเร็วเกินไป การฉีดเลือดออกจาก syringe อย่างแรง การที่ไม่ปล่อยให้แอลกอฮอล์แห้งก่อนการเจาะเลือด ระดับของสารเคมีบางชนิดในเม็ดเลือดแดงมีปริมาณมากกว่าในพลาสมา (ตารางที่ 1) ดังนั้นการเกิดภาวะ hemolysis มีผลทำให้สารที่อยู่ภายในเม็ดเลือดแดงถูกปล่อยออกสู่ซีรัมหรือพลาสมา ทำให้ความเข้มข้นของสารบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น potassium, magnesium, LDH, AST, ALT, ACP, total protein, iron, phosphate ภาวะ hemolysis ทำให้ phosphate สูงขึ้น
ฮีโมโกลบินที่ถูกปล่อยออกจากเม็ดเลือดแดงสามารถดูดกลืนแสงได้ จึงอาจรบกวนการตรวจวัดสารบางชนิดเช่น cholesterol, triglycerides, creatine kinase ทำให้ค่าสูงกว่าความเป็นจริง
Intravenous fluid
การเจาะเลือดจากหลอดเลือดที่ให้ intravenous fluid จะทำให้การตรวจวัดสารบางชนิดมีค่าผิดปกติ ผู้ป่วยที่ได้รับกลูโคสหรือโปตัสเซียมอาจมีผลการตรวจวัดสารดังกล่าวสูงกว่าความเป็นจริงหลายเท่า ดังนั้นจึงควรเจาะเลือดจากแขนข้างที่ไม่ได้ให้ intravenous fluid
ตารางที่ 1 ระดับของสารเคมีในเม็ดเลือดแดงและในพลาสมา
Glucose (mg/dL) 74.0 90.0
Nonprotein nitrogen (mg/dL) 44.0 25.0
Urea nitrogen (mg/dL) 14.0 17.0
Creatinine (mg/dL) 1.8 1.1
Uric acid (mg/dL) 2.5 4.6
Total cholesterol (mg/dL) 139.0 194.0
Sodium (mmol/L) 16.0 140.0
Potassium (mmol/L) 100.0 4.4
Chloride (mmol/L) 52.0 104.0
Bicarbonate (mmol/L) 19.0 26.0
Calcium (mg/dL) 1.0 10.0
Inorganic phosphate (mg/dL) 2.5 3.2
Acid phosphatase (Units) 200.0 3.0
...ได้ความรู้เกี่ยวกับการเจาะเลือดผู้ป่วยมากเลยค่ะ...
...ขอบคุณนะค่ะ...
ใส่บลอกผิดหรือเปล่า บลอกนี้ไม่ได้เครดิตนะ จะย้ายก้ได้ เข้าไปใน "ย้ายบันทึก " แล้วย้ายไปเก็บเครดิต ก็จะได้แต้ม / boss
ใครง่ะ bossanova
ขอบคุณคะ อยากถามว่า เจาะเลือดทิ้งไว้นานกว่า 3 ชั่วโมง มีผลให้เลือด hemolysis รึป่าวคะ