ผมรู้จักผู้นำชุมชน คนหนึ่งที่มีฝันมีไฟในการพัฒนาเเละรักงานศิลปเป็นชีวิตจิตใจ ผมเลยสกัดเป็นความรู้เล็กๆเรื่องประวัติของผู้นำชุมชนคนต้นแบบมาฝากครับ
1. ประวัติ
ชื่อ นายอำนวย สุทธัง
ชื่อคู่สมรส : นางวรรณา จำนวนบุตร : 2 คน
วันเกิด : 14 ก.พ. 2499
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 3 บ้าน ปลาขาว ต. ยาง อ. น้ำยืน จ. อุบลราชธานี
รหัสไปรษณีย์ 34260
การศึกษา :
การอบรม/ประสบการณ์ : -มหาวิทยาลัยศิลปากร ดูงานด้านศิลปะ
-เป็นวิทยากรที่ราชภัฏอุบลราชธานี,วิทยาลัยอาชีวอุบลราชธานี
-ตามสถานที่จัดงาน ด้านศิลปะ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด
ผลงานที่ผ่านมา
-ผู้นำอาชีพก้าวหน้าดีเด่น ประจำปี 2543
-2547 เกียรติบัตร เป็นกรรมการตัดสิน การประกวดแห่เทียนพรรษา เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี ของจังหวัด อุบลฯ
2. การเรียนรู้การผลิต
นายอำนวย สุทธัง ประธานศูนย์ศิลปกรรมไทย ต.ยาง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เปิดเผยถึงแนวคิดการเขียนภาพไทยลงบนผืนผ้าใบกับศูนย์ข่าวประชาสังคมจังหวัดอุบลราชธานี ว่า เป็นแนวคิดที่ตนเองอยากทำมานานแล้วเพราะเป็นการอนุรักษ์ศิลปกรรมไทย โดยแนวคิดภาพไทยที่ได้บรรจงวาดลงบนผืนผ้าใบนั้น เป็นภาพที่เกี่ยวกับเรื่องราวในวรรณคดีและประเพณีไทย
3. กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
นอกจากนั้นทางกลุ่มยังมีการพัฒนาการเขียนภาพไทยเป็นแบบสมัยใหม่ และแบบย้อนยุค อาทิ ภาพไทยในแบบของวิถีชีวิตของชาวนา การละเล่นต่าง ๆ รวมทั้งภาพไทยในทางพระพุทธศาสนาด้วย เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น ปัจจุบันตลาดส่งออกภาพไทยของชุมชนบ้านปลาขาวส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ โดยจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อที่กลุ่มแล้วนำไปจำหน่ายให้แก่พ่อค้าชาวต่างชาติต่อไป ซึ่งราคาของภาพไทยนั้นจะมีราคาตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป จนถึงประมาณ 50,000 - 70,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องราวของภาพไทยและความยากง่ายที่วาดลงไปบนผืนผ้าใบด้วย
สำหรับระบบการทำงานของกลุ่มวาดภาพไทยที่บ้านปลาขาวนั้น จะแยกเป็นแผนกเพื่อให้คล่องต่อการทำงานและเพื่อความเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่แผนกลงสีพื้นผ้าใบ แผนกร่างตัวละคร แผนกลงสีเสื้อผ้า แผนกลงเครื่องประดับ และแผนกเก็บรายละเอียด พนักงานส่วนใหญ่ที่มาวาดภาพไทยที่ศูนย์ศิลปกรรมไทยปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 50 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานหญิงซึ่งมีความชำนาญและเก็บรายละเอียดได้ดี โดยมีเวลาทำงานตั้งแต่ 08.00 น. 17.00 น. แต่ในช่วงหน้านาพนักงานเริ่มขาดแคลน เนื่องจากส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร ทำให้ในบางช่วงส่งงานไม่ทันตามความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตามในเรื่องของรายได้ของศูนย์ศิลปกรรมไทยนั้นโดยประมาณแล้วจะอยู่ที่ 300,000 - 400,000 บาท/เดือน แต่ในช่วงหลังมีการปฏิรูปการปกครองกำลังการสั่งซื้อภาพไทยจากลูกค้าลดลงประมาณ 40 % ทำให้ที่ศูนย์ต้องลดจำนวนพนักงานลงด้วย
ผู้นำที่มีผลงานดีเด่นมีมากมายในเมืองไทย จะพยายามนำมาเเลกเปลี่ยนเป็นคลังความรู้ร่วมกันครับ
สวัสดีครับอาจารย์ศรีกมล ท่านให้เกียรติผมเสมอเลยครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ฝากไว้ในแผ่นดินอีกท่านหนึ่งครับ
นายสงวน บัวเกตุ
อายุ 62 ปี
ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6
ภูมิหลัง นายสงวน บัวเกตุ เป็นชาวบ้านท่าหลักดินโดยกำเนิด หมู่ที่ 4 ตำบลนาบัว อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เดิมชาวบ้านท่าหลักดิน มีอาชีพทำนาเป็นหลักอาชีพรองคือการทอผ้า การทอผ้ามัดหมี่ย้อมคราม ชาวบ้านท่าหลักดินได้รับการถ่ายทอดมรดกทางภูมิปัญญา จากบรรพบุรุษ ราว 150 ปี โดยประมาณและมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญามาจนถึงปัจจุบัน นายสงวน บัวเกตุในฐานะผู้นำทางธรรมชาติและผู้นำสังคมโดยตำแหน่งได้มีส่วนสืบทอดสืบสานมรดกทางปัญญาด้านการทอผ้ามัดหมี่ย้อมครามของบ้านท่าหลักดินร่วมกับคนในชุมชนจนก่อเกิดรายได้และการมีชื่อเสียงและเอกลักษณ์ของบ้านท่าหลักดิน มาจนถึงปัจจุบัน
การเรียนรู้การผลิต ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น
แรงบันดาลใจในการเริ่มเรียนรู้ ด้วยวิถีชีวิตของคุณ บ้านท่าหลักดินมีความผูกพันกับการทอผ้ามาตลอดกับคนทุกรุ่น การทอผ้าเดิมเป็นการทอผ้าย้อมครามและทอผ้ามัดหมี่ย้อมครามไว้ใช้ในครัวเรือน เหลือใช้เก็บไว้เป็นของฝาก และทำบุญตามประเพณี ด้วยความงดงามและการทอผ้าที่มีฝีมือประณีตบรรจง จึงเป็นที่สนใจแก่ผู้พบเห็นจึงขอซื้อเก็บไปไว้ใช้ เป็นจุดเริ่มต้นของการตลาด เมื่อผ้าในุชุมชนได้ขาย คนในชุมชนจึงมีแนวคิดในการสืบค้นเรียนรู้ลวดลายดั้งเดิมมาทอใหม่อีกครั้งจนเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
กระบวนการเรียนรู้การถ่ายทอดเดิมการเรียนรู้ด้านการทอผ้า การเก็บขิด การมัดหมี่ การย้อมคราม มีการสอนกันในครัวเรือนสืบทอดกันต่อมาประมาณปี 2536 ได้มีส่วนราชการ(สำนักงานพัฒนาชุมชน)เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนด้านการจัดตั้งกลุ่ม การบริหารจัดการด้านวิชาการ จึงมีการรวมกลุ่มถ่ายทอดการเรียนรู้แบบภูมิปัญญาดั้งเดิมสอนกันภายในกลุ่มภายในหมู่บ้าน ต่อมาปี 2542 นายสงวน บัวเกตุ โดยช่อกลุ่มทอผ้ามัดหมี่ย้อมครามบ้านหลักดิน โดยมีสมาชิก ก่อตั้งเริ่มแรก 45 คน ปัจจุบันมีสมาชิก 252 คน กับอีก 5 เครือข่ายตำบล มีที่ทำการกลุ่มอยู่บ้านเลขที่ 45 เป็นอาคารไม้ เป็นที่ทำการกลุ่มเป็นจุดศูนย์กลางการเรียนรู้และเป็นจุดแสดงและจำหน่ายสินค้าของกลุ่ม ต่อมาในปี 2549 ได้ใช้สถานที่อาคารบ้าน นายสงวน บัวเกตุ เป็นอาคารที่ทำการกลุ่มแบบถาวร มาจนถึงปัจจุบัน เป็นจุดศึกษาดูงาน/จุดศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมของอำเภอเพ็ญและจังหวัดต่างๆ มีความสนใจเรื่องผ้าและการทอผ้ามัดหมี่ย้อมคราม
กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลิตชุมชนและท้องถิ่น
เดิมผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีการทอผ้าบ้านสมาชิกแต่ละคนและต่อมาการจัดตั้งคณะกรรมการในการบริหารจัดการกลุ่ม ฝ่ายต่างๆเช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ และคณะกรรมการด้านการตลาดการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เดิมตรวจสอบคุณภาพกันเองภายในกลุ่มโดยใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมและได้พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดหมี่ย้อมครามมาเป็นผ้ามัดหมี่โคลนสีได้มีการพัฒนาด้านคุณภาพและกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยได้ส่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเข้าส่งตรวจสอบคุณภาพ เพื่อขอมาตรฐานการผลิต (มผช.) ได้ผ่าน มผช. เมื่อปี 2546 ของอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี
ปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา
ปัญหาด้านการผลิต/การแก้ไขปัญหา
ด้วยการต้องการของตลาดช่วงปี 25545 ถึงปัจจุบันผ้าบ้านท่าหลักดินเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของตลาดมีมากจึงมีปัญหาด้านการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในการแก้ไขปัญหาของกลุ่มคือ ขยายการผลิตไปสู่หมู่บ้านอื่นหรือตำบลอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ที่มีความเป็นมาตรฐานของบ้านท่าหลักดิน ด้านสีสัน ลวดลายคณะกรรมการกลุ่มที่ควบคุมคุณภาพการผลิตจะต้องมีการสอนงานให้กับกลุ่มเครือข่ายที่จะรับงานไปทำที่บ้าน
ปัญหาด้านการทุน/การแก้ไขปัญหา
ด้วยอัตราคำสั่งการผลิต และความต้องการด้านการตลาดมีสูง กลุ่มจึงมีปัญหาด้านทุนดำเนินการ การแก้ไขปัญหาของกลุ่มได้มีการระดมทุน/หุ้นจากสมาชิกเพิ่มและได้ประสานของบประมาณในการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลนาบัว และมีส่วนราชการอื่น ในการบริหารจัดการกลุ่มมีการจัดทำแผนการดำเนินงาน/แผนธุรกิจ
เกียรติประวัติ/ผลงานดีเด่น
ปี พ.ศ.2548 ได้รับรางวัลหมู่บ้านหัตกรรมดีเด่น หม่อมงานจิตบุระฉัตร
ปี พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบันได้รับมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
ชื่อ ผ้ามัดหมี่ย้อมครามลายพุ่มโคมไฟ
สถานที่ผลิต กลุ่มทอผ้าบ้านท่าหลักดิน หมู่ที่ 4 ตำบลนาบัว อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี
ผลงาน ได้รับรางวัลประกวด ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้า otop ปี 2546-2550
เรื่องราวของผลิตภัณฑ์
ลายพุ่มโคมไฟ เป็นลายผ้าที่สืบทอดกันมาของบ้านท่าหลักดิน หลายช่วงอายุคน เป็นลายโบราณ มาจากแนวคิดสมัยก่อนคนในชนบทไม่มีไฟฟ้าใช้ จะใช้แสงสว่างจากไฟตะเกียง โคมไฟ จากของใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้เฒ่าสมัยก่อนจึงคิดนำรูปแบบโคมไฟมาประยุกต์ลงในผืนผ้า โดยการเก็บขิดทอเป็นลวดลาย มาใช้ลูกหลานได้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน จึงถือว่าเป็นลายผ้าดั้งเดิมของบ้านท่าหลักดิน
ขอบคุณอาจารย์ที่นำ"คนดี"ที่น่ารู้จักมาให้เรียนรู้
มีผู้นำชุมชนหลายคนที่ถูกลืมไปจากใจ คนรุ่นใหม่ เราจึงน่าจะช่วยกันเผยแพร่คนเหล่านี้ให้ตรึงใจคนไทยไว้ครับ
ผมมีบทเรียนของคนของแผ่นดินอีกมากเลย ผมใช้กิจกรรมการเรียนของนักศึกษาให้ทุกคนได้สืบค้นชีวิตรคนเก่งของแผ่นดินเหล่าน้แล้วนำมาเผยเเพร่
คนส่วนใหญ่ในชุมชนไม่ค่อยยอมรับคนที่เป็นผู้นำที่อยู่ในหมู่บ้านตนเองเนื่องจากค่านิยมที่ว่าหรือ ความคิดส่วนตัว ความคิดที่ว่าเกิดที่เดียวกันแล้วเก่งกว่าจะมาสอนคนในชุมชนไม่ได้ ความอิจฉา ริษยา เก่งกว่าได้อยางไร แต่ถ้าเป็นคนต่างถิ่นมาจะให้การยอมรับเป็นอย่างดี
กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหกช่วงเวลาที่ดิฉันทำงานในแวดวงข้าราชการเป็นระยะอันสั้นแต่ก็ค้มค่ายิ่งนักได้ทั้งบทเรียนราคาแพงที่หาไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้ดิฉันท้อแท้แต่อย่างใด กลับพัฒนาศักยภาพตนเองและครอบครัว ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าตนเองไม่พัฒนาตัวเองก่อนก็ไม่รู้จะสอนใครได้
บางชุมชนมีผุ้นำที่ดี แต่บางชุมชนไม่รู้ว่าผู้นำพช มีที่มาที่ไปจากใหน ประวัติส่วนตัวก็แสนจะไม่ดี มาเป็นผู้นำพช ในชุมชนของตนเอง และได้รับรางวัลผู้นำดีเด่น ชาวบ้านก็ไม่รุ้ว่าเป็นอย่างไร จะให้เขายอมรับได้อย่างอย่างไร รางวัลของกรมพันาชุมชน มีแต่เส้น มาดูที่อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เราไม่รู้ว่าผู้นำที่ได้มาจากใหน เอางานที่ตัวเองทำในงานประจำมาโชว์ เพื่อนำเสนอเอารางวัลทุเรศ