ความเปลี้ยของคนคุณธรรม


พ่อแม่รังแกฉัน

    ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนเมืองกระบี่รับนักเรียนชั้นม.1 ได้ไม่เต็มแผนการจัดชั้นเรียน  คือเขาให้รับ 520 คน  แต่เรารับได้เพียง 500 คน ตัวเลขขลุกขลิกอยู่แถวนั้น  ตัวแปรที่สำคัญคือโรงเรียนยอดนิยมอีกโรงหนึ่งยังไม่นิ่ง  แต่ในที่สุดแม้เราจะมีความกังวลอยู่พอสมควรกับการที่ถูกขนานนามว่าโรงเรียนยอดนิยมด้วย  แต่เราก็จำเป็นต้องประกาศปิดการรับนักเรียนด้วยเหตุผลทางการบริหาร

    จู่ ๆ หลังจากวันประกาศปิดรับนักเรียน 3 วัน ก็ได้มีสามี - ภรรยาคู่หนึ่ง เข้ามาที่ห้องผู้อำนวยการโรงเรียนพร้อมกับจูงมือเจ้ากะเปี๊ยกคนหนึ่งเข้ามาด้วยแบบถูลู่ถูกัง  ผมเหลือบตาดูเพียงแวบเดียวก็สรุปในใจได้ว่า สองสามี-ภรรยาคู่นี้หาใช่ พ่อ-แม่ของเจ้าเปี๊ยกตัวดำเมี่ยมนั้นไม่  ความจริงถูกเฉลยทันทีที่ชายแก่เอ่ยปากพูด

    "ทั่นผอ.ครับ ผมฝากหลานเข้าเรียนสักคนนะครับ" ผอ.โรงเรียนตั้งตัวไม่ทัน

    "สงสารเถอะค่า  พ่อมันไม่มี มันมีแต่แม่  แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงมันหรอกค่า ฉันกับตามันเป็นคนเลี้ยงมันมากะมือคะ  ผอออ" ยายเป็นคนปะติดปะต่อเรื่องให้ผอ.พอตั้งตัวได้แม้แกจะพูดเสียงยานคางก็ตาม  สายตาของสองผัวเมียมีแวววิงวอน

   "เราปิดรับสมัครไปแล้วละครับ  นี่ก็เลยเวลารับนักเรียนมามากแล้ว และเราก็จัดห้องเรียนเสร็จแล้วด้วยครับ" ผอ.พูดเด็ดเดี่ยว"ผมรับไม่ได้แล้วครับ น่าจะไปเรียนที่โรงเรียนขยายโอกาสนะครับ  อยู่ใกล้แค่นี้เอง เขายังรับนักเรียนอยู่"

   "อีกสักคนไม่ได้หรือครับ สงสารมัน นี่ผมก็ 70 แล้ว  ยายมันก็ 58 เลี้ยงมันมาตั้งแต่มันยังหัวเท่ากำปั้นเลยครับ" ฟังดูคุณตาแกเป็นคนช่างพูดอยู่เหมือนกัน

   "พ่อกะแม่ของเด็ก ไปไหนหรือ" ผอ.ถาม

   "พ่อมันไปเสียนานแล้ว  ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ส่วนแม่มันยังอยู่  แต่อยู่ที่ภูเก็ตโน่นแนะครับ  นาน ๆ มันจึงจะมาเยี่ยมลูกมันสักครั้ง  มาแต่ละครั้งได้เอาตังค์มาให้บ้าง  ไม่ได้ให้บ้าง  เพราะมันก็มีลูกใหม่กับผัวใหม่ของมัน" ดูซิ แกเรียกร้องความสนใจได้ถึงขนาดนั้น

   "รับผมเถอะครับ  ผมอยากเรียนหนังสือครับ" ไอ้ตัวกะเปี๊ยกเปิดปากพูดฉาดฉานเรียกความสนใจของผอ.ได้พอสมควร

   "ไม่ได้หรอกลูก  หากครูรับเธอประเดี๋ยวคนอื่นก็จะตามกันมาอีกเป็นโขยงนะซี"

    เจ้าตัวกะเปี๊ยกหลุบสายตาลงต่ำ กระพริบตาถี่ ๆ ไม่ได้เสแสร้ง

   "ไหนเธอเล่าเรื่องของเธอให้ฟังหน่อยซิ เรื่องครอบครัวเธอนะ และให้เหตุผลหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากจะเรียนหนังสือนัก  แล้วบอกครูด้วยว่าเมื่อโตขึ้นเธออยากเป็นอะไร" ผอ.เสียงอ่อนลงเล็กน้อย

    แล้วทันใดนั้นประวัติของตัวกะเปี๊ยกก็พรั่งพรูออกมา  โดยมียายและตาคอยเสริม  ผอ.โรงเรียนจึงได้รู้ว่าคุณตาแม้อายุ 70 แล้ว แต่ทุกวันนี้ยังคงขับรถสองแถวรับจ้างอยู่แถวอ่าวนาง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด  คุณยายเป็นลุกจ้างประจำอยู่ที่สำนักงานของทางราชการแห่งหนึ่ง  บ้านพักของทั้งสามคนอยู่หลังโรงเรียนเมืองกระบี่นี่เอง  เขาคิดถึงแม่มาก อยากอยู่กับแม่  และโตขึ้นอยากเป็นตำรวจ  อยากช่วยตากับยายเมื่อยามแก่เฒ่า

   "เอาอย่างงี้  เธอตอบคำถามครูหน่อย" ผอ.พูดสีหน้าจริงจัง

   "เธอรักแม่ของเธอมากไหม" คำถาม

    "มากครับ"  คำตอบ

    "เธอรักตายายมากไหม" อีกคำถาม

    "มากครับ" ตอบสวนทันที

    "รักใครมากกว่ากัน  ระหว่างตา-ยาย และแม่ ในเมื่อตา - ยาย เป็นคนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่แบเบาะ  แม่ก้ไม่ค่อยจะได้มาเยี่ยมเธอ" คำถามยาวหน่อย  รู้ในใจว่าคำตอบต้องไม่ยาวแน่

    "เท่ากันครับ" คำตอบสั้นอย่างที่คิดจริง ๆ

   "อีกคำถามเดียว " ผอ.มองตาเจ้าเปี๊ยก "เมื่อเธอตอบว่าเธอรักตาและยายของเธอมาก  ครูขอให้เธอโกนหัวบวชเณรทดแทนบุญคุณตาและยายในเร็ว ๆ นี้ได้ไหม"

   "ได้ครับ" เขาตอบไม่ลังเลเลย แถมแววตาเด็ดเดี่ยวอีกด้วย

   "บวชพรุ่งนี้ยังได้เลยครับ"

   "เอาละ...พรุ่งนี้เธอใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเมืองกระบี่มาได้เลย" ผอ.จบการสนทนา

    จบการคัดเลือกนักเรียนด้วยหลักคุณธรรม  แต่นิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉันยังอาละวาดได้เสมอ เมื่อโรงเรียนเตรียมทุนการศึกษาให้เจ้าตัวเปี๊ยก  ตั้งใจจะมอบให้ในวันแม่  เมื่อถึงวันแม่ของปีนั้น  เจ้าตัวเปี๊ยกไม่อยู่ในโรงเรียนเสียแล้ว  เขาขาดเรียนบ่อยครั้ง มิใยที่ครูประจำชั้นจะไปเยี่ยมที่บ้านและช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้วก็ตาม..

หมายเลขบันทึก: 286322เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2009 22:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท