ครั้นก่อนนั้นชีวิตฉัน “ทุกข์” อย่างยิ่งเมื่อรอคอย...
เมื่อรอคอยใครสักคน จิตใจฉันนั้นระคนอยู่กับ “ความทุกข์”
หายใจเข้าก็ “รอ” หายใจออกก็ “รอ” รอแล้ว รอเล่า เฝ้าแต่รอ
การรอคอยนั้นนำความทุกข์ด้วยเหตุมาจาก “ความคาดหวัง”
สมหวังก็ดีใจ ไม่สมหวังก็เสียใจ
และทุก ๆ นาทีแห่งลมหายใจก็เต็มไปด้วยลมหายใจแห่ง “ความผิดหวัง...”
แต่วันนี้จิตใจฉันมี “สรรพสิ่ง” เป็นเพื่อน
ครั้นเมื่อฉันต้อง “รอ” ฉันได้สานต่อจิตใจสู่สรรพสิ่ง
ฝูงวิหค นกกา ดอกไม้ ใบไม้ ดิน ฟ้า อากาศ
ฉันเฝ้าพินิจพิจารณาสิ่งที่อยู่รอบกายเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ร้ายแห่ง “การรอคอย”
วันนี้ฉันมี "โอกาส" ได้แหงนหน้าดูต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม
วันนี้มุมปากของฉันได้ยิ้มเมื่อเห็นใบไม้ที่กวัดไกว
แตกต่างจากเมื่อวันที่ ที่คิ้วของฉันขมวดเกร็ง ดวงตาทั้งสองเพ่งเล็งการมาของสิ่งที่ “รอคอย”
ไม่เพียงอารมณ์นั้นที่ฉัน “หายโง่” ที่จิตใจต้องเต็มโอ่ด้วย “ความโกรธ”
ดวงตาของฉันได้เห็นสรรพสิ่งทั้งที่ไม่จีรังและยั่งยืงได้อีกมาก
ความรู้ในสรรพสิ่งทั้งหลายมีค่านัก ทำให้ฉันรัก “การรอคอย”
ขอบคุณนะที่ให้ "โอกาส" ฉันได้รอ เพราะถ้าหากคุณมาเร็วฉันคงไม่ได้เห็นความสวยงามของสรรพสิ่ง
การรอคอยทำให้ชีวิตฉันได้เห็น “ความเป็นจริง”
ชีวิตฉันได้รับ “ความสุข” ยิ่ง จากการรอ...
การรอคอยนั้นเป็นทุกข์นั้นจริงแท้บางครั้งการรอคอย+จิตที่เป็นห่วง+วิตกกังวลจะยิ่งทำให้การรอคอยยิ่งหน้ากลัวยิ่งขึ้นเช่นถ้าต้องรอทราบข่าวเพื่อนที่ไม่สบาย ติดต่อไม่ได้ ไม่ยอมรับสาย จิตที่กังวลนั้นก็จะยิ่งเพิ่มความกังวลมากขึ้นๆทุกขณะจิตเลยที่เดียวด้วยความที่เป็นห่วงนั้นเป็นแรงส่งทำให้การรอคอยนั้ดูน่ากลัวมากๆโยมเคยเจอแบบนี้มา ใจยังคิดเลยถ้าแบบหายตัวได้แล้วเจอเลยก็อยากไปเจอไปเห็นเลยว่าไม่สบายมากแค่ไหนหนักมากไหมมีใครดูแลอยู่หรือเปล่าถ้าได้เห็นได้เจอแล้วใจคงสบายมากกว่าที่จะรอฟังข่างอยู่ทางนี้มันทุกข์จริงๆคะเข้าใจเลยที่เดียว