ปัญหาเรื่องความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมในสังคมไทยบนอินเทอร์เน็ต
บทนำ
วัฒนธรรม หมายถึง
แนวปฏิบัติของสังคมซึ่งเป็นการแสดงออกถึงแนวคิดที่สังคมเห็นพ้องว่าเป็นสิ่งที่ดีงามสมควรได้รับการปฏิบัติต่อเนื่องกัน
จนกลายเป็นวัฒนธรรมซึ่งมีค่าบังคับในทางสังคม
จนเรียกได้ว่าเป็นจารีตประเพณีของสังคม
แม้อาจจะไม่มีค่าบังคับทางกฎหมายแต่กลับมีผลบังคับในทางธรรมชาติสังคมนั้นๆ
นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สังคมมีไทยการความแปรเปลี่ยนของวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง
และมีลักษณะการแปรเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สาเหตุหลักของความแปรเปลี่ยนของวัฒนธรรมในสังคมเกิดขึ้นจาก
การแพร่กระจายของค่านิยมหรือวัฒนธรรมจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือของสังคมใดสังคมหนึ่งเข้ามายังสังคมอีกสังคมหนึ่ง
และค่านิยมนั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงขึ้นไปลดระดับค่าของวัฒนธรรมเดิมหรือเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเดิมจนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ในสังคมนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกาย
ค่านิยมในเรื่องการทดลองอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน เป็นต้น
ในขณะที่อินเทอร์เน็ตในฐานะของเครื่องมือสื่อสารในสารสนเทศแบบ 2 ด้าน กล่าวคือ ผู้เข้าไปใช้สื่ออินเทอร์เน็ตสามารถเป็นผู้ผลิตสื่อได้เอง และในขณะเดียวกันผู้ผลิตสื่อก็เป็นผู้เข้าไปใช้สื่อเองด้วย ลักษณะของอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสื่อสารสนเทศที่ผู้ใช้สามารถตอบโต้กับสื่อได้อย่างอิสระ
ประกอบกับความไร้ตัวตนของมนุษย์ (Virtual Man) ในโลกแห่งอินเทอร์เน็ต ที่ไม่สามารถระบุหรือพิสูจน์ตรวจจับตัวตนที่แท้จริงของบุคคลบนโลกเสมือนนี้ได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้มนุษย์ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการสื่อสารโดยไม่มีขอบเขตทางด้านความชอบธรรมของเนื้อหาของสื่อได้อย่างเสรี
อินเทอร์เน็ตจึงเป็นเครื่องมือในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของมนุษย์ได้อย่างเสรี ทำให้มนุษย์ในสังคมไทยสามารถที่จะวิพากษ์หรือวิจารณ์ซึ่งแนวคิดของตนต่อบุคคลอื่นในที่สาธารณะได้อย่างชัดเจน
แต่กลับพบว่ามนุษย์ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การแสดงออกซึ่งพฤติกรรมในมุมมืดที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่สามารถที่จะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่แปลกประหลาดถึงขั้นที่สังคมไม่อาจยอมรับได้ในช่วงเวลานั้นสามารถเป็นไปได้
และเมื่อกล่าวถึงพื้นฐานทางธรรมชาติของมนุษย์ มีแนวโน้มที่จะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมทางธรรมชาติฝ่ายต่ำ แต่พฤติกรรมของมนุษย์เหล่านั้นถูกกดหรือทับถมด้วยวัฒนธรรมหรือจารีตประเพณีที่ดีงาม อันเป็นลักษณะเด่นของความเป็นมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์มีความต้องการทางเพศ แต่ไม่อาจไปเป็นชู้กับภรรยาหรือสามีของคนอื่นด้วยเหตุผลทางศีลธรรม เป็นต้น
ในทางตรงกันข้ามยังมีประชากรบนอินเทอร์เน็ตที่เห็นถึงพฤติกรรมฝ่ายสูงของมนุษย์ซึ่งเป็นเรื่องศีลธรรมอันดีของสังคม เช่น การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้น จึงได้ใช้คุณลักษณะที่โดดเด่นของอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ดังเช่นกรณีของ www.backtohome.com ซึ่งเป็นการสร้างค่านิยมในการสอดส่งดูแลสังคมในการช่วยกันติดตามเพื่อนมนุษย์ที่หายไปจากสังคมอย่างไร้ร่องรอยให้กลับมายังบ้านอย่างปลอดภัย
ในที่สุดแล้วบนโลกอินเทอร์เน็ตมนุษย์นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมฝ่ายสูงแล้วยังเป็นสถานที่ที่มนุษย์สามารถแสดงออกซึ่งพฤติกรรมฝ่ายต่ำได้ในทุกรูปแบบโดยไม่ได้รับการกดทับหรือครอบด้วยศีลธรรมหรือวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมอีกต่อไป
ดังนั้น พฤติกรรมของการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทยจึงมีแนวโน้มในการเพิ่มปริมาณมากขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมฝ่ายต่ำเหล่านั้น
1. ความเบี่ยงเบนในเรื่องแนวคิดของเสรีภาพ เป็นการเปลี่ยนแปลงของแนวคิดเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แต่เดิมเคยมีอยู่อย่างจำกัดมาเป็นเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นได้อย่างกวางขวางและไม่มีขอบเขต เช่น กระดานข่าวเพื่อการวิพากษ์ทางการเมือง เป็นต้น
2. ความเบี่ยงเบนในพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในการประทุษร้ายสังคม เป็นเรื่องของการใช้อินเทอร์เน็ตในเรื่องเพศและความรุนแรง เช่น การถ่ายทอดประสบการณ์ในการเพศสัมพันธ์ของคนในครอบครัว หรือกับสัตว์ การแอบถ่าย ชมรมเซ็กส์หมู่ การแลกเปลี่ยนคู่นอน การโชว์ภาพอวัยวะเพศของตนเอง รวมตลอดถึงการโชว์ภาพการมีเพศสัมพันธ์ของตนเองบนอินเทอร์เน็ต หรือ ชมรมคนรักชุดชั้นใน เป็นต้น
3. ความเบี่ยงเบนในพฤติกรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตในการประกอบการ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีคุณลักษณะที่โดดเด่นทางด้านความรวดเร็ว สะดวก และราคาถูก ผู้ประกอบการจึงมีแนวโน้มในการนำอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นเครื่องมือในการประกอบการเพื่อประโยชน์ในการลดต้นทุนการผลิตมากขึ้น
4. ความเบี่ยงเบนในพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในการพัฒนาสังคม เป็นความเบี่ยงเบนในเรื่องความเข้มแข็งของชุมชน สามารถแบ่งได้เป็น
4.1 เพื่อเรียกร้องสิทธิของตนหรือร้องเรียนความเดือดร้อนที่ตนได้รับ มนุษย์รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการเรียกร้องสิทธิของตน เช่น การเรียกร้องสิทธิของตนผ่านกระดานข่าว www.archanwell.com หรือ 4.2 เพื่อการสร้างประชาคมบนโลกอินเทอร์เน็ตโดยเป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะเดียวกันหรือเหมือนกันเพื่อจัดทำกิจกรรมบางอย่างจนเกิดความเข็มแข้งของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น เช่น
www.anyjaree.com เป็นต้น
4.3
เพื่อเผยแพร่ แสวงหาและพัฒนาองค์ความรู้
อินเทอร์เน็ตเป็นห้องสมุดที่มีองค์ความรู้มากมาย
ประกอบกับสามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นองค์ความรู้ได้ง่าย
จึงเป็นสาเหตุให้มนุษย์นิยมใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อแสวงหาองค์ความรู้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน
อินเทอร์เน็ตก็เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของการกระทำนั้นไปได้อย่างกว้างขวางในทุกมุมของโลกและมีความรวดเร็วอย่างมาก
มีจำนวนประชากรที่เข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์เหล่านี้จำนวนมากขึ้น
สื่อเหล่านี้มีมาเป็นเวลานานแล้วพร้อมกับการเกิดของอินเทอร์เน็ต
เพียงพอที่จะก่อให้เกิดผลบางอย่างต่อวัฒนธรรมของสังคม
ทุกวันนี้ประชากรในโลกอินเทอร์เน็ตมีจำนวนมากขึ้นเพราะการสนับสนุนจากภาครัฐบาล
และคนที่เข้าไปใช้บริการในอินเทอร์เน็ตอย่างน้อยต้องเคยเข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์เหล่านี้
จากการสำรวจของโครงการวิจัยพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมไทยบนอินเทอร์เน็ต
พบว่า มีประชากรที่เข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก
และมีแนวโน้มที่มากขึ้น
ในจำนวนผู้ที่เข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์เหล่านั้น
พบว่าเป็นคนกลุ่มเดิมที่วนเวียนอยู่ในเว็บไซต์เหล่านั้น
และขยายตัวออกไปยังผู้ใช้บริการหน้าใหม่ๆ
ในบรรดานักท่องโลกอินเทอร์เน็ตเหล่านั้น
เด็กและเยาวชนเป็นประชากรกลุ่มหนึ่งที่จะพยายามเข้าถึงสื่อเหล่านี้ตามเหตุผลทางจิตวิทยาและมนุษยวิทยา
เด็กเหล่านี้สามารถเข้าถึงสื่อเหล่านี้อย่างอิสระและยังคงวนเวียนอยู่ในเสื่อเหล่านี้อีกเป็นเวลานาน
การเข้าไปในสื่อเหล่านั้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง
อาจไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม
แต่หากเข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์เหล่านั้นบ่อยครั้งขึ้น
จนเกิดเป็นความคุ้นชินต่อสื่อเหล่านั้น
จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถกระทำได้ จะนำพาไปสู่
“การเบี่ยงเบนทางพฤติกรรมของมนุษย์” จนถึงขั้น
“การเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมของมนุษย์บนโลกอินเทอร์เน็ต”
ผลของปริมาณของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตประกอบกับความสม่ำเสมอในการเข้าถึงสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ได้
กล่าวคือสามารถก่อให้เกิดความเบี่ยงเบนในทางพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมไทยได้
ซึ่งมีมีทั้งการเบี่ยงเบนไปในทางลบและการเบี่ยงเบนไปในทางบวก
(1.)
การเบี่ยงเบนไปในทางลบซึ่งพฤติกรรมของมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงในแนวคิดของเสรีภาพที่เชื่อว่าไม่มีขอบเขตทำให้มนุษย์ในสังคมไทยเชื่อว่าสามารถใช้เสรีภาพได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีขอบเขต
ด้วยสาเหตุนี้เองจึงมีผลต่อเนื่องมายังแนวคิดในเรื่องเพศและความรุนแรง
ทุกคนกำลังมองว่าภายใต้โลกแห่งไซเบอร์นี้สามารถทำทุกอย่างได้อย่างเสรี
โดยเฉพาะการกระทำในเรื่องเพศ
การเบี่ยงเบนทางพฤติกรรมไม่ได้มีผลกระทบต่อสังคมโลกไซเบอร์เท่านั้น
แต่อาจจะมีผลกระทบออกมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ เช่น
การมีเพศสัมพันธ์ของคนในครอบครัว (Family Incest)
ซึ่งผู้ที่ได้รับสื่อเหล่านี้มากจนเกิดเป็นความเคยชินและเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้
เพราะผู้อื่นสามารถทำได้เช่นกัน ก็จะนำไปกระทำต่อครอบครัวของตนเองบ้าง
และนำมาถ่ายทอดสิ่งที่ตนกระทำมาในอินเทอร์เน็ตบ้าง
ผู้อื่นก็จะนำไปกระทำต่อและนำมาเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตต่อสืบเนื่องกันไปเป็นวัฏจักร
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์จริงในสิ่งเหล่านั้น
อาจมีการวางแผนเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ เช่น
การวางแผนเพื่อแอบถ่ายภาพลับเฉพาะของบุคคลอื่น
การวางแผนเพื่อให้มีเพศสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
เป็นต้น
เนื้อหาในส่วนนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงหรืออาจจะเป็นเพียงการตกแต่งขึ้นมาอย่างจงใจ
ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงก็ตาม
แต่ข้อเท็จจริงประการนี้ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจและชวนให้กระทำตามนั้น
เนื้อหาดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์ใน 2 ลักษณะ
กล่าวคือ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนแต่อย่างเดียว
ไม่มีผลประโยชน์ในรูปของตัวเงินหรือ
เพื่อผลกำไรในเชิงธุรกิจจากสื่อเหล่านี้
มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำสื่อที่มีเนื้อหาเหล่านี้มาเป็นวัตถุของการประกอบการ
ยิ่งเนื้อหามีระดับของความรุนแรงเท่าไหร่
ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อผู้ประกอบการมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
ตนเองก็ได้ผลกำไรมากขึ้น
เมื่อมีผลกำไรมาก ก็ดึงดูดให้มีผู้ประกอบการมากขึ้น เหล่านี้เอง
เป็นจุดเริ่มต้นของความพังทลายลงของความสัมพันธ์ของมนุษย์ในสังคม
ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ในครอบครัว
บทบาทของสถาบันครอบครัว
ถูกมองว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองทางเพศ
การแอบถ่ายทำให้สังคมไม่อาจมีการไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
การระแวงภัยที่จะเกิดขึ้นกับตนทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ในสังคมลดน้อยถอยไป
การแลกเปลี่ยนคู่นอน รวมทั้งการเซ็กส์หมู่
ทำความเชื่อในเรื่องของความสัมพันธ์แบบคู่เดี่ยวที่ลึกซึ้งและแน่นแฟ้น
ถูกมองข้ามไป
การโชว์ภาพลับของตนเองรวมทั้งการโชว์ภาพการร่วมเพศของตนเอง
ทำให้สังคมมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
สามารถแสดงอวดให้ผู้อื่นดูได้อย่างโจ่งแจ้ง
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมในการประทุษร้ายต่อผู้อื่นและสังคม
หากพฤติกรรม
หรือค่านิยมเหล่านี้ได้รับการสั่งสมจากมนุษย์ในสังคมจนเกิดเป็นความคุ้นชนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สามารถกระทำได้จนกลายเป็นเรื่องของ
“การเบี่ยงเบนไปซึ่งวัฒนธรรมของมนุษย์ในทางลบบนอินเทอร์เน็ต”
วัฒนธรรมเหล่านี้กำลังแพร่ตัวอย่างรวดเร็ว
และขยายจำนวนออกไปอย่างกว้างขวาง
หากปล่อยให้วัฒนธรรมหรือจารีตประเพณีที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เอื้อต่อการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมฝ่ายต่ำของมนุษย์เหล่านั้น
วัฒนธรรมที่ดีงามถูกละลายไป
ในที่สุดสังคมไม่อาจจะอยู่รอดได้
(2) การเบี่ยงเบนไปในทางบวกซึ่งพฤติกรรมของมนุษย์
ในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของมนุษย์โดยมนุษย์รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อ
ประกอบการ
หรือรักษาสิทธิและประโยชน์ของตนรวมทั้งเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น
มนุษย์เริ่มนิยมใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการประกอบการ
ซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์จากการประกอบการบนอินเทอร์เน็ตมากมาย อาทิ
ลดต้นทุน ความรวดเร็ว ความทันสมัย
เหล่านี้เป็นจุดดึงดูดให้ผู้ประกอบการหันมานิยมประกอบการบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้นอันเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอย่างมาก
นอกจากนั้นบนอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้มีการรวมตัวเพื่อสร้างความเข้าใจและความเข้มแข็งของบุคคลเฉพาะกลุ่มเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
กล่าวคือ มีการรวมตัวกันเพื่อสร้างประชาคมของกลุ่มเฉพาะ
เช่น
กลุ่มรักร่วมเพศ
ใช้พื้นที่บนอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกัน
ตลอดจนเป็นพื้นที่ในการแสดงออกถึงอิสระในทางความคิดได้อย่างเสรี
รวมตลอดถึงการเสริมสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้าใจให้กับสังคม
กลุ่มทำงานเพื่อสังคมเพื่อติดตามผู้ที่สูญหายไปจากบ้าน
เพื่อช่วยเหลือติดตามผู้ที่สุญหายไปจากบ้านอาศัยการรวมตัวของประชากรบนอินเทอร์เน็ตในการช่วยสอดส่องดูแลบุคคลดังกล่าวที่สูญหายไปจากบ้านแล้วแจ้งความคืบหน้าบนอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น
เหล่านี้ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของการประสานงานเพื่อช่วยเหลือสังคม
ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามแต่เดิมของสังคมไทย
แนวคิดนี้กำลังขยายตัวออกไปในวงกว้างที่จะขยายตัวออกมาสู่สังคมบนโลกแห่งความเป็นจริง
ซึ่งหากมีการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับแนวคิดในลักษณะนี้อย่างจริงจังจะช่วยให้สังคมไทยหันกลับมาให้ความสำคัญกลับวัฒนธรรมของการให้ความช่วยเหลือกัน
อีกทั้งอินเทอร์เน็ตมีความสะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นองค์ความรู้และถูกจัดอย่างเป็นระบบ
และทันสมัย ประกอบกับการนำเสนอที่เป็นระบบมัลติมีเดีย
ทำให้ดึงดูดให้มนุษย์เข้าไปค้นหาข้อมูลข่าวสาร
อันเป็นการช่วยให้มนุษย์สามารถพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ของตนได้มากขึ้นกว่าสมัยก่อนมากมาย
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมในเชิงบวก
ซึ่งมนุษย์มีแนวโน้มที่จะแสดงออกซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มากขึ้น
ซึ่งหากได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนเกิดเป็นความเคยชิน
และปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมา พฤติกรรมเหล่านี้เองจะกลายเป็น
“วัฒนธรรมที่ส่งผลดีต่อสังคมของมนุษย์” ในที่สุด
การจัดการต่อสื่อบนอินเทอร์เน็ตซึ่งมีผลกระทบในเชิงการแปรเปลี่ยนซึ่งพฤติกรรมของมนุษย์นั้นมีความแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับประเภทของสื่อ กล่าวคือ
หากเป็นสื่อทีก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมที่ดี
ก็สมควรที่จะส่งเสริมสื่อเหล่านั้น
แต่ในทางตรงกันข้ามหากเป็นสื่อที่ทำร้ายหรือทำลายพฤติกรรมที่ดีของมนุษย์ลงไปจำเป็นต้องมีมาตรการในการปราบปรามและป้องกันสื่อเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ในแง่มุมขององค์กรที่เกี่ยวข้องในการจัดการจำเป็นต้องกลับมามองถึงบทบาทและภาระหน้าที่ของตนในฐานะของผู้รับผิดชอบต่อมาตรการที่ถูกจัดทำขึ้นในการแก้ไขปัญหา
ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบอินเทอร์เน็ตจำเป็นที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการประกอบการเพื่อป้องกันมิให้สื่อที่มีเนื้อหาเลวปรากฏเผยแพร่อยู่ในสังคมไทยได้
ภาคสังคมและภาคประชาชนต้องช่วยกันป้องกันและตรวจตราสังคม
โดยรวมตัวเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม
ภาครัฐเองจำเป็นต้องเสริมสร้างมาตรการในการปราบปรามสื่อเลวให้หมดไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมให้สื่อที่ดีปรากฏตัวในสังคมมากขึ้น
ในขณะเดียวกันอาจจะดำรงตนอยู่ในฐานะของผู้กำกับดูแลภาคธุรกิจและภาคสังคม
โดยจัดทำมาตรการที่เอื้อให้ต่อภาคสังคมและภาคธุรกิจสามารถเข้ามาร่วมจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. สรุป
ในท้ายที่สุดของเรื่อง พฤติกรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตที่จะไปส่งผลถึงความเบี่ยงเบนในทางพฤติกรรมของมนุษย์ที่อาจจะดีหรือเลวก็ได้ ขึ้นอยู่กับ “ความรู้ของมนุษย์” ที่จะรู้จักใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างชาญฉลาด
ซึ่งสำหรับประเทศไทยในวันนี้ ภารกิจในการจัดการให้อินเทอร์เน็ตนำไปสู่พฤติกรรมของมนุษย์ที่เบี่ยงเบนสู่ความดีงามเป็นภารกิจของ “กระทรวงวัฒนธรรม” ดังนั้นจึงน่าจะเป็น “หน้าที่” ของส่วนราชการนี้ที่จะแสวงหาองค์ความรู้ในการที่จะส่งเสริมให้มนุษย์ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมตลอดถึงการปราบปรามและการป้องกันการกระทำของมนุษย์ที่ส่งผลหรืออาจส่งผลไปยังเพื่อทำร้ายผู้อื่นและสังคม
อย่างไรก็ดี ภารกิจดังกล่าวไม่อาจปล่อยให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำแต่เพียงลำพังผู้เดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของสังคมพร้อมกัน ทั้งจากภาคราชการ ภาคธุรกิจ และภาคเอกชน กล่าวคือ เป็นองค์รวมนั่นเอง
สมา โกมลสิงห์[4]/สมบัติ บุญงามอนงค์[5]/พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร[6]/กฤตยา อาชวณิชกุล[7]
โครงการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมไทยบนอินเทอร์เน็ต
กองทุน ศาสตราจารย์ คนึง ฦาไชย
วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖