... WHO (องค์การอนามัยโลก) ประกาศในวันอังคารที่ผ่านมา (4 สิงหาคม 2552) ว่า คนบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ 6,775.57 ล้านคน จะติดไข้หวัดใหญ่ H1N1, ไข้หวัดเม็กซิโก, ไข้หวัดหมู, หรือหวัด 2009 ราว 1/3 = 2 พันล้านคน [ census ] ก่อนหน้านี้มีการประมาณการณ์กันว่า การระบาดน่าจะนาน 6 เดือนจนถึง 3 ปี และจะมีผู้เสียชีวิตรวมประมาณ 2 ล้านคน ถ้าอัตราตาย = 1/1,000 (= 1/1000 คูณ 2,000 ล้านคน) ... ไข้หวัดใหญ่ทั่วไปก็ไม่ใช่ไม่มีคนตาย ตายกัน 250,000-500,000 ราย/ปี แต่ไม่ดังเพราะตายเป็นประจำอยู่แล้ว และคนที่เสียชีวิตมักจะเป็นคนสูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัว ไข้หวัดหมูหรือหวัด 2009 ดัง เพราะคนตายเกินครึ่งเป็นคนสูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัว อีกเกือบๆ ครึ่ง (40-45%) เป็นคนแข็งแรง โดยเฉพาะวัยรุ่น-หนุ่มสาว ... ปัญหาตอนนี้ คือ ไม่มีใครรู้ว่า มีคนติดเชื้อจริงๆ ไปแล้วกี่คน เนื่องจากคนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ เรื่องนี้ตรงกับที่ผู้เชี่ยวชาญ UK แนะนำว่า น่าจะมีการทำโพลล์ เจาะเลือดตรวจไม่ว่าคนจะมีอาการหรือไม่เป็นระยะๆ (serial poll) เช่น สุ่มประชากรหลายๆ ประเทศทั่วโลก เจาะเลือดตรวจทางสถิติ แล้วมีค่าตอบแทนเป็นค่าเสียเวลาเล็กน้อย (เช่น 200-1,000 บาท ฯลฯ) ฯลฯ ... ถ้าเรารู้ตัวเลขจากโพลล์ทั่วโลกหลายๆ แห่งจะพอเดาได้ว่า การระบาดคราวนี้จะถึงจุดอิ่มตัวเมื่อใด ดังที่ WHO รายงานว่า จุดอิ่มตัวน่าจะอยู่ที่ 30% = เกือบ 1/3 ของประชากรโลก หรืออยู่ในช่วง 15-45% ถ้าเมืองไทยทำโพลล์ได้ก่อน... เราจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก แล้วประกาศผลเป็นระยะๆ พร้อมโฆษณาการท่องเที่ยวไปทุกครั้ง ... ตัวอย่างเช่น เชิญสื่อมวลชนทั่วโลกมา อย่าเพิ่งบอกผลโพลล์ เลี้ยงต้มยำกุ้งหรืออะไรที่อร่อยก่อน กินไปให้ชมโฆษณาการท่องเที่ยวไป อิ่มแล้วค่อยประกาศโพลล์ทุก 1-2 เดือน ฯลฯ WHO รายงานยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2552 ว่า ที่ตรวจเลือดยืนยันแล้ว... ป่วย 134,503 ราย ตาย 816 ราย คนที่เจาะเลือดเป็นคนที่มีอาการหนัก หรือมีอาการชัดเจน คนที่มีอาการน้อยประมาณ 90-95% ของคนที่ติดเชื้อไม่ได้เจาะเลือด ... ฝรั่งมีหลักคิดหนึ่ง คือ ของที่ปรากฏมักจะเห็นแบบยอดภูเขาน้ำแข็ง (tip of the iceberg; tip = ยอด; iceberg = ภูเขาน้ำแข็ง) คือ เห็น(เหนือน้ำ) 1 ส่วน ไม่เห็น(ใต้น้ำ) 10 ส่วน ถ้าเราลองมองโลกจากหลักการนี้... มีความเป็นไปได้ว่า ตอนนี้มีติดเชื้อไปแล้วอย่างน้อย 10 เท่าของที่ตรวจพบ = 134,503 คูณ 10 = 1,345,030 คน = 1.34503 ล้านคน ... ถ้าเป็นแบบนั้น... โอกาสตายจะมีประมาณ 816/1345030 = 1/1648 หรือติดเชื้อ 1,648 รายจะตาย 1 ราย ที่ช่วงแรกดูจะตายน้อย... อาจเป็นผลมาจากการป้องกันดี โดยเฉพาะการล้างมือ ดูแลรักษาที่ดี โดยเฉพาะยาต้านไวรัส และการใช้เครื่องช่วยหายใจ โอกาสตายมีแนวโน้มจะใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป คือ โอกาสตายประมาณ 2 ในพัน หรืออยู่ในช่วง 1-3 ต่อพัน ... แต่ถ้าคิดไปว่า จะมีคนติดเชื้อเพิ่มจนถึง 2,000 ล้านคน จะพบยอดคนตาย = 816 x 2000/1.345030 ล้านคน = 1.218 ล้านคน หรือมากกว่านั้นไม่เกินครึ่งหนึ่ง ใกล้กับที่ WHO ประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ คือ ยอดคนตายสะสมจะมีประมาณ 2 ล้านคน เรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญกลัวกัน คือ ... การทดลองในสัตว์ที่ติดเชื้อพบว่า การรับเชื้อจำนวนน้อย มีแนวโน้มจะทำให้อาการอ่อนหรือเบากว่าการได้รับเชื้อคราวละมากๆ ตรงนี้มีความสำคัญมาก คือ ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่... การล้างมือด้วยสบู่ให้ถูกวิธีบ่อยๆ ช่วยได้ ... วิธีการคือ ล้างก๊อกก่อนล้างมือ (เพื่อลดโอกาสติดเชื้อจากก๊อกหลังล้างมือ), ล้างให้บ่อยอย่างน้อยวันละ 6 ครั้ง + "ก่อนกินอาหาร-ก่อนดื่มน้ำ-ก่อนนำมือไปแตะใบหน้า ตา หู จมูก หรือปาก-หลังสัมผัสข้าวของเครื่องใช้ร่วมกัน เช่น หลังใช้ยานพาหนะทั้งส่วนตัว และขนส่งมวลชน ฯลฯ การล้างมือให้ดี... ควรล้างทั้งหน้ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว รอบหัวแม่มือ และเสริมดวงด้วยการถูลายนิ้วมือกับลายมือเบาๆ หลายๆ ครั้ง ทั้งการใช้ปลายมือนิ้ว "ชี้-กลาง-นาง-ก้อย" ถู และปลายนิ้วมือ "หัวแม่มือ" ถูฝ่ามือตรงลายมือ ... แพทย์แผนจีนส่วนหนึ่งเชื่อว่า การกระตุ้นมือ-เท้า-ใบหูบ่อยๆ ทำให้สุขภาพดี... เรื่องนี้ใช้การได้ดีเสมอ โดยเฉพาะการกระตุ้นด้วยการถูมือหลายๆ ส่วนเบาๆ ตอนล้างมือ จะเสริมดวงให้แข็ง ไม่ติดหวัด 2009 ง่าย เพราะการล้างมือเป็นวิธีลดปริมาณเชื้อได้ดีที่สุด... ถ้าล้างมือไม่ได้ ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ถูหลายๆ ครั้งแทน ... รองลงไปเป็นการหลีกเลี่ยงห้องแอร์ เพราะการไอ-จามแต่ละครั้งจะทำให้เชื้อกระจายไป 6 ฟุต หรือ 1.8 เมตร... ถ้าไอ-จามในที่โล่ง เชื้อจะกระจายและเจือจาง ทำให้โอกาสติดโรคต่ำมากในระยะเกิน 2-5 เมตร, แต่ถ้าไอ-จามในห้องแอร์ เชื้อจะลอยไปลอยมา และจะตกลงใส่หัวใส่หน้าคน ทำให้ติดโรคได้ง่าย ... คนทั่วโลกมีส่วนช่วยป้องกันการระบาด และการกลายพันธุ์ของหวัด 2009 ได้ โดยการพยายามอย่าให้มีคนติดเชื้อพร้อมกันมากๆ เนื่องจากโอกาสในการกลายพันธุ์แปรตามจำนวนไวรัส เช่น 1 ในหมื่นครั้งของการสร้างไวรัสใหม่ ฯลฯ ถ้ามีคนติดเชื้อพร้อมๆ กันน้อย... จำนวนเชื้อหมุนเวียนจะน้อย, ถ้ามีคนติดเชื้อพร้อมกันมากๆ... จำนวนเชื้อหมุนเวียนจะมาก และโอกาสกลายพันธุ์จะมากตามไปด้วย ... คนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิด... ถ้าลงมือทำ ตั้งใจ และยืดหยันทำเรื่อยไป ถ้าคนทั้งโลกช่วยกันล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ และช่วยกันไม่เข้าไปในห้องแอร์โดยไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นต้องเข้าห้องแอร์... ให้รีบออก และล้างมือด้วยสบู่หลังออกจากห้องแอร์ทันที ... วิกฤตการณ์เช่นหวัด 2009 ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้พวกเรายอมแพ้ แต่เกิดมาในโลก เพื่อสอนให้พลโลกล้างมือด้วยสบู่ให้ถูกวิธี หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ให้หลีกลี้หนีห้องแอร์ และรักษาสุขภาพอนามัยให้ดี ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ > แนะนำให้อ่าน > [ วิธีล้างมือ ]; [ วิธีล้างก๊อก+ล้างมือ ] > Reuters ที่มา
น่ากลัวมาก อาจเป็นการคัดกรองสายพันธุ์มนุษย์ให้คนร่างกายแข็งแรงอยู่รอดสืบพันธุ์ต่อไป
อย่าเพิ่งกลัวครับ... ผมเชื่อในศักยภาพของพวกเรา ล้างมือไว้+ไม่ไปห้องแอร์โดยไม่จำเป็น ช่วยลดโรคภัยได้แยะเลย