รมว.ศธ. กล่าวว่า สกศ. ได้นำเสนอแนวทางปฏิบัติเรื่องการกำหนดตัวชี้วัด เป้าหมายที่จะทำให้ผู้เรียนเก่ง ดี มีความสุข และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยได้มีการสรุปทำตัวเลขฐานสำหรับชี้วัดผลสัมฤทธิ์ในอนาคตที่จะทำให้ผู้เรียนดี มีความสุข และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ซึ่งไม่รวมความเก่ง เพราะมีคะแนน O-NET เป็นตัวชี้วัดอยู่แล้ว ได้มีการกำหนดตัวเลขฐานเบื้องต้น ที่ได้ทำการสำรวจผู้เรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ - ระดับปริญญาเอก พบว่า ผู้เรียนเป็นคนดี ๕๙.๙% มีความสุข ๔๙.๗% และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ๕๒.๘% โดย ศธ.ได้ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นไว้ว่า จะทำให้ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๖% ภายในปี ๒๕๕๕ เพื่อให้ตัวเลขฐานนี้มีความแม่นยำมากขึ้น ก็จะทำการสำรวจอีกครั้งในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ และอาจมีการปรับวิธีการสำรวจเพื่อให้ได้ตัวเลขฐานที่มีความแม่นยำ
รมว.ศธ. กล่าวถึงผลของสวนดุสิตโพลที่สำรวจพบว่า ศธ.มีผลงานในอันดับ ๑ ในนโยบายเรียนฟรี ๑๕ ปี อย่างมีคุณภาพ เป็นผลงานในภาพรวมของรัฐบาลที่ได้มีส่วนช่วยผลักดันจนงานของกระทรวงศึกษาธิการเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยโครงการเรียนฟรี ๑๕ ปีอย่างมีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับ ๑ นั้น เป็นเรื่องของการให้ความสำคัญกับการลงทุน การสร้างคน และสร้างอนาคตให้กับประเทศ เป็นโครงการที่ต้องการช่วยลดภาระให้กับผู้ปกครอง
นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพทางด้านการสร้างคนและด้านการศึกษาด้วย และโครงการเรียนฟรี ๑๕ ปีอย่างมีคุณภาพก็ไม่ได้ยุติแต่เพียงเท่านี้ แต่ยังต้องเน้นในเรื่องคุณภาพ ซึ่งขณะนี้มีแผนในการเร่งรัดพัฒนาคุณภาพ ที่บรรจุไว้ในการปฏิรูปการศึกษารอบ ๒ ด้วย ซึ่งจะสอดคล้องกันทั้งระบบในการมุ่งเน้นคุณภาพในทุกระดับ ทั้งระดับปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา รวมทั้งการศึกษานอกโรงเรียน การศึกษาระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ทั้งโรงเรียนภาครัฐและเอกชน.
อ้างอิงจากhttp://www.moe.go.th/websm/2009/jul/276.html
ไม่มีความเห็น