ร้านขายยา


้านขายยา ... ที่พึ่งพายามปวดฟัน ... วันนี้เอง ที่ได้ยินลูกค้า กับแม่ค้าคุยกัน ที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง

  • "เอายาแก้ปวดฟัน ... อย่างแรงหน่อย"
  • "อูย ย ย แผงนี้ไม่ใช่"
  • "แล้วที่เคยซื้อ ราคาเท่าไรล่ะ"
  • "แผง 20 บาท"
  • "เอ้า นี่เลย"
  • "เอา 2 แผง"

จริงอยู่นะคะ ร้านขาย เป็นที่พึ่งพายามปวดฟันได้ แต่ไม่หายขาดดอกค่ะ เพราะว่า ถ้าเรามีอาการปวดฟัน มันก็ต้องมีสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น โรคฟันผุ โรคปริทันต์ การอักเสบจากฟันคุด เป็นแผลในปาก ฟันแตก ฟันร้าว และอื่นๆ อีกมากมาย

เพราะฉะนั้น ไม่ควรที่จะนึกแค่ ปวดฟัน ก็ซื้อยามากิน หายปวดก็แล้วไป ไม่ต้องทำอะไรต่อ ... ไม่ได้นะคะ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการสะสมโรคให้เกิดขึ้น ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จากสาเหตุเพียงเล็กน้อย ก็จะลุกลามใหญ่โตได้

อย่ากระนั้นเลย ไปหาหมอฟันเพื่อตรวจดูอาการ เป็นดีที่สุดค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 282478เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2009 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • P
  • สวัสดีค่ะ
  • ภาพนี้ น่ารักมากเลย
  • ไปหาหมอ  กลัวถูกถอนฟัน  เลยหาซื้อยากินเองดีกว่า
  • เอาเรื่องดี ๆ  เกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์มาฝากค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/cob-virus/281715
  • ส่วนไวรัสคน H1N1  ให้หมอยาจัดการเองเน้ออออ... 
  • P
  • เราคิดไปอีกทางหนึ่งนะ ว่า ... เขาคงไม่มีเวลาไปหาหมอแหล่ะ จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่การไปหาหมอ เหมือนต้องใช้เวลา ยุ่งยาก ไปไม่ถูก ไม่รู้ไปหาที่ไหน มาร้านขาย ซื้อยาไปก็หายเหมือนกัน
  • อยู่ในกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการเหมือนกันเลย
  • ความรู้เรื่องฟัน เราลืมไปว่า คนที่ยังไม่รู้เรื่อง ว่าควรจะทำอย่างไรก็ยังมีอยู่นะ
  • ไปฟังเรื่องนี้ดีกว่า สร้างเสริมกำลังกาย กำลังใจ ให้ผู้สูงวัยสุขภาพดี (2) นิทานเรื่องที่หนึ่ง จากรองฯ โส

น้ำฝนเป็นคนหนึ่งที่ดัดฟัน แล้วมักจะโดนล้อเสมอว่า "ฟันเหล็ก" เพราะเราก็อายุมากแล้วดั๊นมาดัดฟันตอนแก่อ่ะค่ะ มีครั้งหนึ่งเร็ว ๆ นี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวอุ้มผาง จ.ตาก กับผู้บริหารและเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน พอดีผ่านด่านตรวจจำได้ว่าหลายด่านมาก ตอนขาไปยังไม่เท่าไหร่ แต่พอขากลับนี่สิต้องแยกเขี้ยวยิงฟันกันทุกด่าน ด้วยเหตุและผลที่ว่า พี่ตำรวจทหารเขาตรวจเข้มมากอาจเกรงว่ารถเราจะบรรทุกเพื่อนต่างด้าวมาด้วย เพื่อน ๆ ในรถของน้ำฝนสงกะสัยจะเบื่อกับการตรวจตรา จึงบอกกับน้ำฝนว่าให้น้ำฝนอ่ะยิ้มโชว์ฟันเหล็กในทุก ๆ ด่าน ไอ้เราก็งง ว่าทำไม จึงได้คำตอบว่า "พม่าชายแดนอ่ะไม่มีใครดัดฟันหรอก ถ้าน้ำฝนยิ้มเห็นฟันเหล็กเขาจะได้มั่นใจว่าเราคนไทย 100%" อูยยยย !! ดู ดู ดู ดู เธอ ทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้

ทำไมไม่มองนะว่า การดัดฟันน่ะ มันช่วยให้เราดูแลเรื่องสุขภาพปากของเรามากกว่าปกติ เพราะเราจะต้องหมั่นคอยแปรงฟันเสมอหลังมื้ออาหาร (ด้วยเกรงว่าจะเป็นยิ้มกรีนพีส ค่ะ) อีกทั้งคุณหมอของเรายังช่วยดูแลเรื่องฟันที่ไม่ดีให้เราอีกด้วยเวลาเราไปเปลี่ยนยางอ่ะค่ะ

รอหน่อยเดี๋ยวฟันน้ำฝนสวย ทีนี้นะ อย่ามาง้อแล้วกัน ^_^

  • P
  • สวัสดีค่ะ น้องน้ำฝน
  • คิดบวกก็ดีนะคะ เพราะว่า ถ้ายิ้มยิงฟันแล้วทำให้เพื่อนฝูงรอดพ้นจากด่านตรวจ ... เพราะเห็นร่องรอยการจัดฟัน ที่ถูกต้อง ... ไม่ใช่จัดฟันแฟชั่นด้วยนะ ... เพราะเดี๋ยวนี้ เรื่องจัดฟันแฟชั่น คงเห็นผลเสียกันแล้วนะคะ ถึงตายก็ได้ ...
  • และก็ ดี ดีมากเลยค่ะ ตรงที่ "การจัดฟันน่ะ มันช่วยให้เราดูแลเรื่องสุขภาพปากของเรามากกว่าปกติ เพราะเราจะต้องหมั่นคอยแปรงฟันเสมอหลังมื้ออาหาร" ... ทำให้เป็นพฤติกรรมประจำเลย ก็ยิ่งดีนะคะ เพราะการแปรงฟันให้สะอาดน่ะ สุดยอดที่สุด ของวิธีการทำความสะอาดฟันเลยละค่ะ

เรื่องที่อยากคุยด้วยกับพี่หมอฟัน ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องดัดฟันค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า...

หน่วยงานของน้ำฝนได้พาคณะเด็กนักเรียนนอกระบบ ไปเข้าค่ายที่จังหวัดชลบุรี ด้วยเป็นเด็กนอกระบบจึงก๋ากั่นกว่าเด็กในระบบค่ะ ประมาณว่าดื้อผิดปกติ อิอิ

เด็กในคณะที่ดัดฟันคนหนึ่งถามน้ำฝนว่า "ครูดัดฟันอ่ะ ดัดจริงหรือดัดแฟชั่นค่ะ" น้ำฝนทำหน้างงแกมตกใจ แล้วตอบไปว่า "ดัดจริงสิคะ" พร้อมยิ้มฟันโชว์ เด็กคนนั้นก้อบอกน้ำฝนว่า "ของหนูอ่ะดัดแฟชั่น" พร้อมบอกราคาเสร็จสรรพ แถวบน 900 แถวล่าง 900 ถ้าหลุดชิ้นละ 50 บาท ยังบอกอีกนะคะว่า "ถ้าของครูหลุดครูบอกหนูนะเดี๋ยวจะพาไปใส่"

อูยยยย!! คุณน้องนักเรียนขา ของคุณครูน้ำฝนอ่ะ ดัดจริงนะคะ น้ำฝนก็เลยถามกลับไปว่า "ไปดัดแฟชั่นทำไมเหรอ ทำไมไม่ดัดจริงๆ หละ ไม่กลัวสารพิษเข้าสู่ร่างกายเหรอ" เค้าก็ตอบกลับมาว่า "ไม่กลัวค่ะ เพราะเพื่อน ๆ ที่มาค่ายด้วยกันอ่ะ เค้าก็ดัดแฟชั่นกันทั้งนั้น" ในค่ายวันนั้นมีเด็กดัดฟันประมาณ 5 คนค่ะ สังเกตดี ๆ บ้างก้อติดซะสูง บ้างก้อติดแค่แถวบนแต่ฟันล่างเกซะ ฯลฯ

การดัดฟันแฟชั่นมันอันตรายมากไหมคะ แล้วทำไมไม่มีการประชาสัมพันธ์หรือมาตราการดำเนินการเรื่องนี้เหรอคะ แล้วการดัดแฟชั่นทำให้สุขภาพปากเราเสียไหมคะ ^_^

  • P
  • สวัสดีค่ะ ... คุยเรื่องจัดฟันแฟชั่น ทันสมัยพอดีเลยนะ
  • ดูแล้วแพงนะ ไปดัดฟันแฟชั่น 900 บาท บน-ล่าง
  • อยากจะบอกว่า การจัดฟัน (เราเรียกว่า จัดฟันดีกว่านะคะ) เป็นการจัดระเบียบการเรียงตัวของฟัน ที่มีปัญหาเรื่องระบบการบดเคี้ยว ฟันยื่น ฟันเหยิน ซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดระเบียบฟันใหม่ ...
  • ฟันคนที่สวยงาม ก็ไม่ควรไปทำอะไรอีกแล้ว เพราะว่า ความสวยงามของฟันอยู่ที่ ฟันไม่มีริ้วรอยใดๆ ก็คือ ไม่มีฟันที่ผุ ไม่มีโรคเหงือกที่ทำให้ฟันโยก ไม่มีฟันที่แตก หรือมีสีดำ สีคล้ำ หรือฟันตกกระ หรือฟันติดสี หรือฟันที่คล้ำจากการสูบบุหรี่ ฯลฯ
  • ฟันที่สวยงาม คือ ฟันที่เงางาม เรียงตัวเป็นระเบียบ อาจมีฟันเกได้บ้าง ... แต่ข้อสำคัญคือ ฟันนั้นจะต้องไม่มีคราบฟันติด ก็คือ การทำความสะอาดฟัน หรือการแปรงฟันให้สะอาดหมดจดนั่นเองละค่ะ
  • พี่คิดว่า คนที่เขาไปดัดฟันแฟชั่น ยังไม่เข้าใจจริงๆ นะคะ ว่า เราจัดฟันเพื่ออะไร ... ถ้าเขาเข้าใจ เขาก็น่าจะไม่เลือกไปจัดฟันแฟชั่นกันหรอก
  • น้องน้ำฝนค่ะ มีโอกาสได้พูดคุยกับนักเรียนเยอะ ช่วยพูดคุยซักถามเด็กๆ ให้หน่อยสิคะ ว่าเขาคิดอย่างไรกัน ถึงไปดัดฟันแฟชั่น ทำแล้วได้อะไรดีหรือเปล่า ทำอย่างอื่นอะไรที่ดีกว่ากัน จะมีไหม ... พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

สวัสดีค่ะ พี่หมอฟัน

เรื่องที่พี่หมอฟันอยากทราบว่าทำไมเด็กนักเรียนของน้ำฝนถึงนิยมไป "จัดฟันแฟชั่น"

สอบถามได้ความมาแล้วค่ะว่า...

1.เด็กนักเรียนของน้ำฝนเป็นเด็กนอกระบบ หมายถึง เด็กที่ไม่ได้ศึกษาในโรงเรียน แต่มาเรียนกับพวกน้ำฝน บ้างมีงานทำแล้วเรียนไปด้วย บ้างไม่มีงานทำแต่เป็นเด็กดื้อ เรียนในโรงเรียนไม่จบ คนพวกนี้จึงค่อนข้างดื้อ ก๋ากั๋น มีความเป็นตัวเองสูงเกินเด็กนักเรียนในโรงเรียนปกติค่ะ

2.เค้าบอกว่าการ "จัดฟันจริง" มีราคาค่อนข้างแพงกว่าการ "จัดฟันแฟชั่น" ค่ะ

3.เค้าไม่มีเงินพอที่จะไปจัดฟันจริงค่ะ

และสุดท้ายข้อ 4.เค้าบอกว่า ที่จัดฟันแฟชั่นเพราะเห็นหลายคนเค้าไปจัดฟันจึงอยากทำบ้างค่ะ พูดง่าย ๆ คงอยากจะอินเทรนด์บ้างมั้งค่ะ เพราะสังเกตเห็นเด็กบางคน ฟันสวยเรียงเป็นระเบียบและก็ขาวด้วยค่ะ แต่ยังอยากจัดฟันแฟชั่นค่ะ

น้ำฝนเองก็ได้บอกไปบ้างนะคะสำหรับอันตรายที่อาจเกิดจากการจัดฟันแฟชั่น (คือพอแนะนำได้บ้าง แต่ไม่สามารถเหมือนพี่หมอฟันนะคะ)ถึงขนาดยกตัวอย่างว่า มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไปซื้อลวดจัดฟันแฟชั่นมา แต่เขาเอากาวตราช้างติด สุดท้ายต้องเดือดร้อนคุณหมอฟันช่วย เนี๊ยะ!! กลายเป็นเรื่องขำไปสำหรับเขาซะนี่ เฮ้อ!!! >_< เวรกรรม

  • สวัสดีค่ะ น้องน้ำฝน
  • ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูล
  • ความอินเทรนด์ของเด็กๆ หลายครั้งห้ามกันไม่ได้เลย ... ตั้งแต่เจาะรู้ต่างๆ (ที่บอกอย่างนี้ เพราะว่า มันมากกว่าเจาะหูนะคะ) การสัก การป้ายสีต่างๆ ไปที่ร่างกาย การเคลือบสีแจ๊ดๆ การทาเล็บ ทาปาก (ที่ใช้สารผสมที่อันตราย) และก็อาจจะมีอื่นๆ เพราะว่า สิ่งเหล่านี้ เท่ากับเป็นการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกายทั้งนั้นเลย และก็เป็นเหตุให้ทำร้ายร่างกายเราเองทั้งนั้น โดยที่เราไม่รู้ตัว
  • สงสัย ต้องให้ความรู้เรื่องสุขภาพกับเขา เออ ไม่ใช่ วิธีการนี้อาจไม่สำเร็จ เพราะเท่ากับเป็นการยัดเยียดความรู้ไป โดยที่เขาอาจไม่ต้องการ ก็จะไม่รับฟัง
  • ... เราคงต้องให้โอกาส ที่เขาจะได้เรียนรู้ เรื่อง สุขภาพด้วยตัวเอง จะได้เข้าว่า สุขภาพสำหรับต่อร่างกาย ต้องส่งเสริมสุขภาพ ต้องป้องกันสุขภาพในอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยก็ต้องจัดสภาพแวดล้อมของตัวเองให้ปลอดภัยด้วย
  • สถานศึกษา ควรให้โอกาสการเรียนรู้เรื่องสุขภาพ กับเด็กๆ มากกว่า เรื่องเรียนทั่วๆ ไป ซึ่งก็คงมีอยู่แล้วนะคะ เพียงแต่ว่า อาจต้องมาช่วยกันดูว่า แล้วจะทำอย่างไรให้ได้ผลมากกว่านี้
  • และสุดท้าย หวังว่าตอนนี้ เด็กๆ คงจะได้รู้ซึ้งกันบ้างแล้วนะคะ ว่า จัดฟันแฟชั่น ไม่สามารถทำอย่างปลอดเชื้อได้ และผลก็จะตามมา จนถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน
  • ของคุณ น้องน้ำฝน มากค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท