แม่....จิตวิญญาณแห่งชีวิต

แม่

แม่...จิตวิญญาณแห่งชีวิต

นายนรรัชต์ ฝันเชียร
“แม่” คำ ๆ นี้มีความหมายกับพวกเราทุก ๆ คน ไม่ว่าเชื้อสาย เผ่าพันธุ์ใด เพราะแม่เป็นทั้งผู้ให้กำเนิด ผู้สร้างสรรค์ และผู้อบรมเลี้ยงดูให้พวกเราทุกคนเติบโตมาเป็นคนดีและทำประโยชน์กับสังคม ทุก ๆ ประเทศในโลกส่วนใหญ่ ต่างยกย่องผู้เป็นแม่ โดยมีทั้งการกำหนดวันแม่เป็นวันพิเศษ และมีกิจกรรมให้ร่วมกันทำต่าง ๆ มากมาย ซึ่งประเทศไทยก็ถือเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก
วันแม่ของประเทศไทยนั้น มีความแตกต่างจากวันแม่ของประเทศอื่น เนื่องด้วยเราได้ใช้เกณฑ์การตั้งวันแม่ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ ยกเอา วันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (12 สิงหาคม) ของทุกปี เป็นวันแม่แห่งชาติ ทำให้ในวันนั้นมีทั้งงานที่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับองค์สมเด็จพระราชินี และงานที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างแม่กับลูกด้วย

      วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี นอกจากเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถแล้วยังเป็นวันแม่แห่งชาติด้วย
      ก่อนที่วันแม่แห่งชาติจะถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปีแล้ว เชื่อหรือไม่ว่า สมัยก่อนนั้นก็เคยมีการจัดวันแม่ขึ้น ด้วยวันที่แตกต่างกันไปมากมาย ซึ่งประวัติความเป็นมาของวันแม่นั้น เริ่มต้นจัดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ด้วยสภาวะสงคราม จึงจัดขึ้นได้แค่ปีนั้นเพียงปีเดียว แล้วเมื่อหลังจากที่สงครามสงบลง ก็ได้มีการรื้อฟื้นการจัดวันแม่อีกครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงวันจัดทุก ๆ ปี ภายหลังเมื่อคณะรัฐบาลได้รับรองในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2493 ก็ได้กำหนดใช้มาระยะหนึ่งก่อนจะถูกยกเลิกไป เนื่องจากกระทรวงที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดนยุบ และไม่มีผู้สนับสนุนต่อ
     หลังจากนั้นเป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ ในที่สุดวันแม่ก็ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2515 โดย สมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ในวันที่ 4 เมษายน แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงจัดได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดจัดวันแม่ใหม่ให้เป็นที่แน่นอน โดยถือเอาวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นวันแม่แห่งชาติ และได้เริ่มให้วันที่ 12 สิงหา เป็นวันแม่แห่งชาติตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2519 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลากว่า 30 ปีมาแล้ว (อ้างอิงข้อมูลจาก วิกิพีเดีย )
     สัญลักษณ์ของวันแม่นั้น ได้ถูกกำหนดให้เป็น ดอกมะลิ ซึ่งเป็นสีขาวสะอาด เหตุผลที่เลือกใช้ดอกมะลินั้น เนื่องจากวัฒนธรรมของคนไทยได้ถือว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้มงคล เพราะใช้ร้อยเป็นมาลัยเพื่อประกอบพิธีกรรมและประเพณีต่าง ๆ โดยเฉพาะพิธีกรรมในศาสนาพุทธ นอกจากนี้ ดอกมะลิยังเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่อยู่นานและกระจายออกไปได้ไกล อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ที่ขึ้นในเมืองไทยได้ตลอดทั้งปี และมีประโยชน์ในการนำมาใช้ปรุงยาสมุนไพร ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางโรคด้วย ดอกมะลินี้เปรียบได้กับความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก และจะอยู่กับลูกรักต่อไปไม่เสื่อมคลาย (อ้างอิงข้อมูลจาก Cablephet.com )

ดอกมะลิ เป็นดอกไม้มงคลของชาวไทย เพราะมีกลิ่นหอมนานและมีสีขาวสะอาด
จึงนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของวันแม่แห่งชาติ ในทุก ๆ ปี (อ้างอิงภาพจาก www.watchari.com )
มีงานวิจัยหลายชิ้นต่างยืนยันถึงความสำคัญของแม่ที่มีต่อการพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เด็กที่อยู่ในครรภ์จนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งพฤติกรรมของแม่นั้นมีผลกับลูกแทบทั้งสิ้น เวลาที่ผู้เป็นแม่กำลังตั้งครรภ์ ถ้าผู้เป็นแม่รู้จักฟังเพลงอ่านหนังสือ รวมไปถึงรับประทานอาหารที่เหมาะสม ก็จะทำให้เด็กอย่างเรา ๆ ที่เกิดมานั้น มีความฉลาด เก่ง และอารมณ์ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด การที่ท่านยอมอดทนอุ้มท้องเรามากว่า 9 เดือนนั้น นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่คน ๆ หนึ่งยอมทำเพื่อให้เราได้เกิดมา

กิจกรรมวันแม่ตามโรงเรียนต่าง ๆ นั้น มักจะจัดก่อนวันงาน 1 วัน และส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กแสดงความเคารพต่อมารดาผู้เป็นที่รัก (อ้างอิงภาพจาก www.thai-school.net )

       เมื่อเข้าสู่วัยเด็ก แม่กลายเป็นแบบอย่างที่ดีให้เรา ในเรื่องของมารยาท จริยธรรม การพูดจา รวมไปถึงการวางตัวกับบุคคลในแต่ละระดับด้วย ท่านคอยปกป้องเราจากภัยอันตรายต่าง ๆ ที่เข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือไม่สามารถรับมือได้ ซึ่งถ้าจะกล่าวไปแล้ว บุคลิกภาพหรือการปรับตัวต่าง ๆ ของเรา เป็นสิ่งที่คนเป็นแม่ได้สร้างสรรค์ไว้แทบทั้งนั้น และเมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่นและวัยทำงาน เวลามีปัญหาที่อยากหาใครสักคนมาช่วยให้คำปรึกษา ผู้เป็นแม่ ก็นับเป็นคำตอบอันดับหนึ่งของใครหลาย ๆ คน ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ท่านทั้งหลายก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษากับผู้เป็นลูกอย่างเต็มที่

      สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ากล่าวไม่ผิดว่า แม่นั้นคือจิตวิญญาณแห่งชีวิตของเราอย่างแท้จริง เพราะท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ให้กำเนิดเราเท่านั้น แต่เป็นทั้งผู้อบรมเลี้ยงดู ผู้คอยให้ความช่วยเหลือเรา รวมไปถึงเป็นผู้ให้ชีวิตกับเรา เพื่อให้เรามีโอกาสได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดี
       ปัจจุบันนี้ วันแม่ถูกทำให้ลดความสำคัญลงด้วยสื่อบางสื่อที่พยายามหาประโยชน์จากวันแม่ จะเห็นได้ว่าวันแม่นั้นเป็นวันหยุดราชการ และเหมาะที่จะจัดกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ สำหรับวัยรุ่น โดยอ้างว่าเป็นกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก เช่น กิจกรรมคอนเสิร์ต หรืองานมหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งก็เป็นกิจกรรมเพื่อจัดให้กับกลุ่มคนที่เป็นวัยรุ่นเท่านั้น แล้วเช่นนี้จะถือเป็นกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรักระหว่างแม่กับลูกที่ควรจะเป็นเหตุผลหลักนี้ได้อย่างไร

        ในความเห็นของข้าพเจ้า ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าอยากให้วันแม่เป็นวันที่ลูกได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกันกับผู้เป็นแม่ ซึ่งอาจจะไปรับประทานอาหารร่วมกัน ชวนไปท่องเที่ยว หรือใช้เวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ร่วมกัน ในช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้าน มากกว่าจะเป็นวันที่บรรดาลูก ๆ จะสรรหากิจกรรมอื่น ๆ ภายนอก แล้วปล่อยให้ผู้เป็นแม่ท่านนั่งเหงาอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกลับไปหาคุณแม่ได้จริง ๆ ด้วยภาระงานและเหตุผลบางอย่าง การได้มีโอกาสโทรศัพท์ไปหาไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ หรือ อาจจะส่งของขวัญที่เหมาะสมให้กับท่านสักชิ้น ก็นับเป็นวิธีการที่ไม่เลวเลยทีเดียว

      ผู้ที่แม่ยังคงมีชีวิตอยู่นับเป็นสิ่งที่นับว่าโชคดี และควรค่าที่เราจะต้องดูแลท่าน ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญอย่างมากของผู้เป็นลูกที่ดีทุก ๆ คน แต่สำหรับผู้ที่แม่ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่แสนเศร้า แต่จงคิดเสียว่า การที่แม่ได้ให้เราเกิดมานั้นนับเป็นสิ่งที่วิเศษสุด และการที่เรามีความเข้มแข็ง และใช้ชีวิตอยู่ได้ต่อไปแม้ในตอนนี้และในอนาคตนั้น ก็คือพรอันศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้มอบไว้ให้เรานั่นเอง เราควรที่จะรักษามันไว้อย่างดีที่สุดด้วย

       เอาล่ะ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะกลับไปหาคนที่เรารัก และเหนือสิ่งอื่นใด คือคนที่รักเรามากที่สุด โปรดอย่าอ้างเหตุผลที่ไม่เข้าท่า เพียงการติดงานหรือติดประชุม เพราะสำหรับผู้เป็นแม่แล้ว ท่านไม่เคยไม่ว่างสำหรับเรา แต่เราเองซะอีก ที่เสมอมาไม่เคยว่างสำหรับท่าน อย่างนี้ต้องกลับไปถามตัวเองแล้วว่า ทำเช่นนี้ บาปมากพอแล้วหรือยัง แล้วจะรออะไรอีกล่ะ ...อย่าช้าเลย...กลับไปหาแม่เถอะค่ะ

อ้างอิงข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/วันแม่แห่งชาติ
http://www.cablephet.com/board/n_view.php?nc_id=20&n_id=1975

เขียนใน GotoKnow โดย พรสวรรค์
ใน รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

คำสำคัญ (Tags): #แม่

หมายเลขบันทึก: 282091เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2009 13:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน