สังคมโลกในอนาคตหากจัดกลุ่มโดยใช้ความรู้เป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ประเทศหรือสังคมที่ใช้หรือมีความรู้ กับ ประเทศหรือสังคมที่ไม่ใช้หรือไม่มีความรู้ ความแตกต่างมีให้เห็นได้อย่างชัดเจนในหลายมิติ ประเทศที่มีความรู้จะใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์เสริมสร้างความมั่นคง มั่งคั่งในมิติใด มิติหนึ่ง ได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน เป็นประเทศที่มีสินค้าและบริการอันเกิดจากความรู้เป็นที่ต้องการของประเทศที่ไม่มีความรู้ จึงมีความได้เปลี่ยนในเชิงการแข่งขันทุกด้าน ขณะที่ประเทศที่ไม่มีความรู้หรือใช้ความรู้ไม่เป็นจะตกเป็นเบี้ยล่าง เสียเปรียบ เสียประโยชน์ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวเสมอ โลกข้างหน้าเป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประชากร และการขาดแคลนอาหารและพลังงาน เป็นโลกที่ปัจจัยชี้ขาดขึ้นอยู่กับ ไบโอ (Bio-Technology) อินโฟ (infomatics) และนาโน (Nano-Technology) องค์การสหประชาชาติได้กำหนดวาระสำคัญของโลกในอนาคตไว้ ได้แก่ เรื่องผู้สูงอายุ การเกษตรและอาหาร พลังงานและพลังงานอะตอม ภาวะโลกร้อน การศึกษา ธรรมาภิบาล เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาสังคม และการัพฒนาที่ยั่งยืน การค้า การก่อการร้าย และเรื่องของเด็กและเยาวชน ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ต้องใช้ความรู้ในการป้องกันแก้ไข พัฒนา และวางแนวทางสำหรับอนาคตทั้งสิ้น
การจัดการความรู้จึงเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ในระดับบุคคล กลุ่ม องค์กร และสถาบันต่างๆ ที่ต้องใช้ความสามารถในการสกัด วิเคราะห์ จัดเก็บ เผยแพร่ และแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนาความรู้เดิมที่มีอยู่ให้มีความทันสมัย และลึกซึ้งเพิ่มขึ้น เป็นความรู้หรือชุดความรู้ใหม่ที่เหมาะสมกับบริบทต่างๆ ด้วยการใช้กระบวนการต่างๆ ที่เหมาะสม อย่างมีเป้าหมาย ผลลัพธ์ การประเมินผลสำเร็จ การปรับแต่งต่อยอดกระบวนการให้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานจริง เพื่อพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาองค์กรให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่พึงประสงค์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบทเรียนและประสบการณ์ในการใช้การจัดการความรู้ที่ผสมผสานกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีการดำเนินงานตามแผนการจัดการความรู้ที่พบความสำเร็จและไม่สำเร็จบ้าง ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การบรรยายเผยแพร่เรื่องการจัดการความรู้ การอบรมการเขียนบล็อก การเล่าเรื่องความสำเร็จและไม่สำเร็จ KKU Show & Share เป็นต้น นับว่าเป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติที่สำคัญให้มีข้อสรุป และปรับใช้การจัดการความรู้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง แม้ว่ายังกล่าวได้ไม่เต็มที่นักว่า บรรลุความสำเร็จจากการใช้การจัดการความรู้สนับสนุนวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย แต่เป็นก้าวเริ่มต้นที่สำคัญและมั่นใจว่า การจัดการความรู้ เป็นเครื่องมือที่สำคัญหนึ่งในการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่พึงประสงค์ดังกล่าว
การจัดการความรู้ในภาคราชการ แม้ว่าจะมีโครงสร้างใหญ่โต ผู้ปฏิบัติงานและผู้เกี่ยวข้องมากมาย มีเป้าหมายกว้าง ดำเนินงานตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร วัดผลสำเร็จได้ยาก หากเริ่มต้นหรือมีการเข้าใจที่ถูกต้อง ใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสม ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำตามกระแสหรือแฟชั่นใดๆ อีกทั้งไม่ตั้งเป้าหมายผลสำเร็จที่สูงหรือรวดเร็วเกินไป เริ่มจากงานที่ประสบความสำเร็จก่อนแล้วค่อยขยายผลภายใต้เป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อการพัฒนาให้ต่อเนื่อง มีการทำความเข้าใจและสื่อสารให้ตรงกัน และที่สำคัญ คือ การปรับกระบวนทัศน์ของผู้บริหารและวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างยิ่ง
การจัดการความรู้ในภาคเอกชน แม้ว่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่ผลกำไรและการวัดความสำเร็จจะเน้นที่ตัวเงินเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันสมัยนี้ภารเอกชนเริ่มคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น จะสามารถดำเนินการจัดการความรู้ได้ผลที่รวดเร็วกว่า เนื่องจากขนาดขององค์กรและจำนวนบุคลากร มีไม่มาก สามารถระบุชุดความรู้ที่ต้องการได้ชัดเจน ทำให้จัดโครงสร้าง ปรับระบบบริหารจัดการ และใช้การสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งความรู้เป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ต้องการใช้เพื่อการสร้างนวัตกรรมการแข่งขันเพื่อให้ได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่ง การจัดการความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในอนาคตข่าวสารข้อมูลตลอดจนความรู้จะมีอยู่มากมาย การคัดกรองความรู้หรือชุดความรู้เพื่อการวิจัยพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างนวัตกรรม จะมีความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน ปัจจัยเสริมสร้างให้ภาคเอกชนมีความเข้มแข็งหรือได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน จึงมิได้อยู่ที่มีอาคาร เครื่องไม้เครื่องมือ บุคลากร มากมายใหญ่โต แต่อยู่ที่สินทรัพย์ที่มองไม่เห็น ได้แก่ ความรู้นั่นเอง และความรู้นี้เกิดจากบุคลากร ทำให้การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนดีด้วย จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การจัดการความรู้ในภาคประชาสังคม จะมีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เพราะความรู้มิได้จำกัดอยู่เฉพาะในบางชนชั้น หรือภาคราชการ หรือภาคเอกชน เท่านั้น แต่ความรู้ในภาคประชาสังคม ยังเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้าน สามารถที่นำมาพัฒนาต่อยอดเป็นชุดความรู้ให้เหมาะกับภารประชาสังคมได้ เพื่อมิให้ตกเป็นผู้เสียเปรียบในฐานะผู้ที่เป็นฝ่ายบริโภค เป็นผู้ซื้อฝ่ายเดียวโดยไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ เสียเปรียบในฐานะที่เป็นฝ่ายผู้ผลิต ผู้ที่ไม่สามารถกำหนดราคาของผลิตผลของตนเองได้ และยังเสียเปรียบในทุกด้านตั้งแต่ เกิดจนตาย หรือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพราะสาเหตุเดียว คือ ไม่มีความรู้ ดังนั้นการที่ภาคประชาสังคมจะเร่งทำความรู้ และความเข้าใจ ตลอดจนสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อการจัดการความรู้รองรับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่จะเสียเปรียบในอนาคตแล้ว จะเป็นภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี สามารถอยู่รอดได้ด้วยความรู้ที่แสวงหา จัดเก็บ ปรับใช้ และพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้
การจัดการความรู้ไม่ใช่เรื่องยากง่าย ไม่ใช่เรื่องถูกผิด ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่เรียนรู้ได้ และยิ่งเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัตินั้นจะมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่า จึงเป็นเครื่องมือสาธารณะที่ทุกภาคส่วนสามารถนำมาใช้หรือจัดการให้เกิดประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดี ประหยัด เสียค่าใช้จ่ายน้อย ก่อให้เกิดการรวมพลัง ในการต่อยอดพัฒนาความรู้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านกลไกของคนหรือทุนมนุษย์ที่มีอยู่ในองค์กร จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหารสูงสุดขององค์กรในการสนับสนุนส่งเสริมและผลักดันให้ใช้ความรู้ความสามารถ ดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรได้อย่างไร ซึ่งพิสูจน์ได้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
ไม่มีความเห็น