หางาน สัมภาษณ์งาน - ตอน1


เรียนจบ สมัครงาน สัมภาษณ์งาน

 

เดือนนี้หลายๆมหาวิทยาลัยมีงานรับปริญญากันอยู่ ยินดีด้วยนะคะกับบัณฑิตใหม่ทุกคน การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยจบแล้ว แต่การเรียนในชิวิตการทำงานกำลังจะเริ่มขึ้นค่ะ สำหรับคนที่หางานทำได้แล้วก็ยินดีด้วยนะคะ ส่วนคนที่ยังไม่ได้ก็พยายามต่อไปเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เด็กจบใหม่ก็เยอะ คนตกงานก็แยะ จะหางาน/งานใหม่ทั้งทีบางทีก็ยากแสนยาก แต่บางครั้งถ้าโชคดี เจองานที่ใช่ทั้งคนสมัครและคนรับสมัคร ก็อาจจะได้งานแบบโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยก็ได้

 

จากประสบการณ์คนที่เคยเป็นเด็กจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน จนกระทั่งเริ่มมีประสบการณ์บ้างแล้ว เคยเป็นทั้งผู้ถูกสัมภาษณ์ และผู้สัมภาษณ์ รวมทั้งประสบการณ์ของเพื่อนๆ ที่ได้รับรู้มา วันนี้ก็เลยจะมาเล่าวิธีการหางาน การสมัครงาน การกรอกใบสมัคร และการสัมภาษณ์งานให้ฟังกัน อันนี้สำหรับคนทำงานบริษัทเอกชนนะคะ เน้นทางสายวิทย์สายค่ะ เพราะทางสายศิลป์กับงานข้าราชการไม่มีประสบการณ์ค่ะ

 

การหางานก็มีมากมายหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการหาตามสื่อต่างๆ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การหาทางอินเตอร์เน็ท เว็ปไซด์หางานต่างๆ Job… เพราะหาได้ง่าย หลากหลาย สะดวกรวดเร็ว ไม่เสียเวลาเดินทาง และ ประหยัดอีกต่างหาก การหาตามหนังสือพิมพ์และหนังสือสมัครงาน เดี๋ยวนี้ก็เริ่มน้อยลง เพราะค่าใช่จ่ายในการประกาศตามหนังสือพิมพ์จะแพงกว่าตามเว็บไซด์ และ เจาะกลุ่มคนหางานได้น้อยกว่าการใช้เว็บไซด์ การเข้าไปกรอกใบสมัครตามและสัมภาษณ์ตามที่บริษัทนั้นจัดขึ้น หรือที่เรียกว่า  walk in interview แบบนี้ส่วนมากคนจะไปสมัครเยอะ เพราะมักจะเป็นบริษัทใหญ่ และเปิดรับสมัครหลายๆตำแหน่งในคราวเดียวกัน

 

ถ้าไปสมัครยังไงก็ได้สัมภาษณ์แน่ แต่อาจจะได้สัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลก่อน ถ้าเข้าตา ก็อาจะได้ไปสัมภาษณ์กับคนที่จะเป็นหัวหน้าของเราต่อไปเลยก็ได้ ถ้าโชคดีก็อาจจะได้งานในวันนั้น อีกแบบหนึ่งที่ยังได้รับความนิยม คือ Job Fair เพราะมีบริษัทหลากหลายบริษัทมาเปิดบูทรับสมัครงาน บางที่ก็แค่ให้เขียนใบสมัครไว้ บางที่ก็ได้สัมภาษณ์รอบแรกไว้ก่อน ถ้าคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการก็จะมีการเรียกมาสัมภาษณ์ภายหลัง ส่วนมากพวก Job Fair มักจะจัดตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ช่วงที่เด็กเริ่มจบใหม่ๆ เหมือนช่วงนี้แหละ การไป walk in interview และ Job Fair ต้องเตรียมหลักฐานเอกสารไปให้พร้อมไม่ว่าจะเป็นหลักฐานการศึกษา สำเนาบัตรประชาชน (อย่าลืมเซ็นกำกับว่า ใช้ในการสมัครงานเท่านั้นล่ะ) รูปถ่าย และ Resumeอันนี้ขอย้ำ รูปถ่ายต้องค่อนข้างดูดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวจริงกับรูปถ่ายต่างกันลิบลับ เวลาไปสัมภาษณ์อาจะทำให้ผู้สัมภาษณ์คิดว่าเป็นคนละคนกันได้

 

แต่ถ้าถ่ายออกมาแล้วดูแย่กว่าตัวจริง หน้าทั้งดำ ทั้งมัน ก็ทิ้งไปเถอะไม่ต้องเสียดาย ถ่ายใหม่ดีกว่า เพราะบางทีผู้สัมภาษณ์เห็นรูปแล้วอาจจะไม่อยากเรียกมาสัมภาษณ์ก็ได้ เพราะขนาดรูปถ่ายที่เป็นสิ่งที่จะแสดงตัวตนของเราให้เขาเห็นภายในแว๊บแรก เรายังดูแลให้ดีเท่าทีควรไม่ได้เลย แล้วจะมาทำงานดูแลงานในบริษัทเขาได้ยังไง  เรื่องแบบนี้มีจริงๆอย่าประมาทนะ ถ่ายรูปให้ออกมาดูดี สะอาด สุภาพเรียบร้อยก็พอ สำหรับบริษัททั่วๆไป ขอรูปถ่ายขอแบบทั่วไปที่ถ่ายไว้สมัครงานนะ เคยเห็นบางคนเอารูปที่แบบโพสต์ท่าเอียงๆ ยกมือ มีท่าทางเล็กน้อยมาแปะบนใบสมัครงาน หรือบน Resume มันดูไม่ค่อยสุภาพยังไงไม่รู้ ถ้าจะให้ดีก็เอารูปปกติๆดีกว่า เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยอมรับแบบนั้น ไม่ใช้ว่าจะใช้ไม่ได้นะคะ บางที่อาจจะชอบก็ได้ อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนแล้วกัน

 

ถ้าหางานที่ถูกใจเราได้แล้วก็ส่งใบสมัครไป ถ้าส่งจดหมายก็ช้าหน่อยไม่ค่อยนิยมกันแล้ว ส่งอี-เมลล์ดีกว่า เร็วดี ประหยัดด้วย เวลาส่งก็อย่าตอบกลับทาง website นั้นเลย ให้ใช้อี-เมลล์ ของเราส่งไปหาอี-เมลล์ของเขาโดยตรงจะดีกว่า เพราะสวนมากถ้าตอบกลับทาง website  นั้นเลย เวลาได้รับมันจะอ่านค่อนข้างยาก มีรายละเอียดที่เรากรอกบ้างไม่ได้กรอกบ้างก็ขึ้นมาหมด ถ้าต้องอ่านๆ หลายฉบับก็น่าเบื่อเหมือนกัน เลือกอ่านที่ส่งมากอี-เมลล์โดยตรงก่อน ส่วนที่ตอบกลับมาก็ดูบ้าง ถ้าเวลาและพออ่านได้ ภาษาที่ใช้เขียน ถ้าใช้ภาษาอังกฤษได้ก็จะดีมากเลย เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติ

 

หรือถึงแม้จะเป็นบริษัทของไทยก็จะต้องมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ หรืออาจมีชาวต่างชาติ ทำงานอยู่บ้าง ถ้าเกิดตำแหน่งที่เราสมัครต้องไปเป็นลูกน้องเขาละก็ จะอ่านกันออกไหมล่ะ เหมือนตอนที่แผนกเราจะรับพนักงานเพิ่ม มีคนสมัครเข้ามาเยอะมาก หัวหน้าให้เราเป็นคนสกรีนให้ก่อน ด้วยความที่มันเยอะมากอันไหนที่อ่านยากๆเราก็ต้องเอาไว้ทีหลัง บางอันมีเวลาก็มาดู บางอันก็ผ่านไปเลย ตอนลงประกาศรับสมัครงานเขาไม่ได้เขียนกำชับไว้ว่าต้องสมัครมาเป็นภาษาอังกฤษ

 

ปรากฏว่ามีส่วนหนึ่งเขียนมาเป็นภาษาไทย หัวหน้าเราใจดีเลยให้เราแปลให้เขาฟังว่าเขาเขียนมาว่ายังไงบ้าง แล้วก็เลือกคนที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ และรู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับงานเข้ามาสัมภาษณ์ การเขียนในจดหมายสมัครงาน ก็แนะนำตัวก่อนว่าเราเป็นใคร เรียนจบที่ไหน สาขาอะไร รู้มาจากที่ไหน หรือจะเพิ่มประสบการณ์ของงานที่เคยทำมาลงไปด้วยก็ได้

 

ถ้าได้รับการเรียกไปสัมภาษณ์ก็อย่าลืมถามรายละเอียดเส้นทางเขาว่าบริษัทอยู่ที่ไหนอย่างไร ถ้าไม่มีเวลาไปดูล่วงหน้าก็เผื่อเวลาเดินทางไว้ด้วย เกิดฝนตกรถติดขึ้นมาจะไปไม่ทัน การเรียกไปสัมภาษณ์ส่วนมากก็ให้กรอกใบสมัครแนบเอกสารต่างๆเก็บไว้ แต่บางที่ก็ไม่ต้องมีการกรอกใบสมัครนะ ถ้าจะรับแล้วค่อยกรอกใบสมัครให้เขา บางที่ก็แค่เรียกให้มากรอกใบสมัคร แล้วก็ทำข้อสอบ ถ้าสอบไม่ผ่านก็ไม่ต้องมาอีก

 

แต่ก็ทำไงได้ตอนนี้เราเป็นตัวเลือกนี่น่า สำหรับคนที่จบใหม่ๆยังไม่มีแค่ได้ไปสัมภาษณ์ก็ดีแล้ว  ถือว่ามีประสบการณ์มากขึ้นอีกนิด  การสอบก็มีมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นสอบภาษาอังกฤษทั้งแบบอัตนัยและปรนัย คล้ายๆที่สอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษนั่นแหละ ยากบ้าง ง่ายบ้างแล้วแต่บริษัทและตำแหน่งงานที่จะสมัคร นอกจากนี้ก็มีสอบทัศนะคติ สอบความถนัดพื้นฐาน(ที่มีรูปมาให้เลือกว่ารูปไหนต่างจากพวก หรือรูปทรงนี้เมื่อแยกแล้วจะเป็นแบบไหน) หรือว่าจะให้เติมปฏิกิริยาเคมีที่เขาใช้ในโรงงานนั้นก็มีนะ ถ้าสอบเสร็จแล้วก็สัมภาษณ์ต่อไป บางที่โหดหน่อยถ้าสอบข้อเขียนไม่ผ่านก็ไม่ต้องสัมภาษณ์นะ กลับบ้านไปได้เลย ไม่รู้อันไหนดีกว่ากัน ถ้าสอบไม่ผ่านแล้วเรียกมาสัมภาษณ์แต่ยังไงก็ไม่คิดจะรับอยู่แล้ว กับในเมื่อไม่คิดจะรับก็ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งคู่


........................ไว้อ่านต่อตอน2 นะคะ..............................

 

คำสำคัญ (Tags): #หางาน
หมายเลขบันทึก: 279858เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2009 21:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท