ตอนบ่ายของวันจันทร์ปี 2548 ทีมงานส่งเสริมสุขภาพจะทบทวนคุณภาพ 12 กิจกรรม โดยหัวหน้างานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ร่วมกับเพื่อนพยาบาลอีก 5 คนที่รับผิดชอบในคลินิกANC ได้รับรายงานและพูดคุยกับทีมงานเวชปฏิบัติ ฯ ว่า “ พี่คะวันนี้หนูพบความเสี่ยงของคนไข้ที่มาฝากครรภ์อายุเพียง 12 ปี ยังเป็น ด.ญ. อยู่เลย ” หนูได้พาไปให้คำปรึกษาที่ห้อง Counseling พบปัญหาของเขาหลายอย่าง เช่น โครงสร้างร่างกายเขาเล็กมากโดยเฉพาะกระดูกเชิงกรานแคบ ขณะเดียวกันเขาก็ซีดด้วย “ เจาะเลือด Hematocrit ได้ แค่ 29 % เราจะทำอย่างไรดี ”
ทีมงานทุกคนในห้องฟังอย่างตั้งใจ ขณะเดียวกันก็ตกใจด้วย เพราะสิ่งที่ได้ฟังนั้นเป็น “ ความเสี่ยงของงานในคลินิกANC ” เราทั้งหมด ต้องช่วยกันขบคิดหาทางในการแก้ไขปัญหา เพราะทุกคนทราบดีว่าเกณฑ์มาตรฐานหญิงไทยที่ควรจะมีบุตรได้ดีคือ ควรมีอายุ 17 ปี ถึง 35 ปี แต่สิ่งที่ทีมงานพบคือ“ ยังเป็นเด็กหญิงและตั้งครรภ์ขณะเรียน ” อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่6 (ป.6) ต้องถือว่าเป็นปัญหา “ เป็นโจทย์ที่ทีมงานANCและทีมPCT ” ต้องสนใจอย่างรีบด่วน เพราะเป็นความเสี่ยงทางคลินิกของโรงพยาบาลบ้านลาด ทีม PCTและงานคลินิกANCได้ดูแลหญิงตั้งครรภ์อายุ 12 ปี ตามกระบวนการฝากครรภ์คุณภาพ โดยส่งพบแพทย์ของโรงพยาบาลบ้านลาด ให้ดูแลรักษาให้ยาบำรุงเลือดและให้ความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเอง ต่อมาองค์กรแพทย์โรงพยาบาลบ้านลาดได้Referหญิงตั้งครรภ์รายนี้ ไปให้สูติแพทย์ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า(โรงพยาบาลทั่วไป) ดูแลเป็นระยะๆ เนื่องจากโรงพยาบาลบ้านลาดเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียงไม่มีสูติแพทย์ เพื่อให้การรักษาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแม่และลูก จนกระทั่งหญิงตั้งครรภ์อายุ 12 ปีครบกำหนดคลอดและทำการคลอดโดยวิธี “ ผ่าทางหน้าท้อง ” เนื่องจากกระดูกเชิงกรานของแม่ไม่ขยายพอที่จะคลอดบุตรด้วยวิธีปกติได้ ภายหลังจากแม่อายุ 12 ปีกลับจากโรงพยาบาลพระจอมเกล้าแล้ว ทีมงานเยี่ยมบ้าน (Home Health Care : HHC) ซึ่งมาจากหลายหน่วยงาน จากงานวางแผนครอบครัว งานส่งเสริมสุขภาพ งานสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่ Case Counseling ขณะเดียวกันก็มีการประสานงานไปยัง PCUตำหรุ เพื่อร่วมกันเยี่ยมบ้าน เป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ ร่วมกับเครือข่าย (Network)PCU ตำหรุ ซึ่งจะรู้จักบ้านของหญิงตั้งครรภ์ดีกว่าทีมโรงพยาบาลบ้านลาดการ ไป HHC. ก็จะแนะนำแม่อายุ 12 ปี คุมกำเนิดให้ต่อเนื่องรอจนกว่าอายุที่พร้อม อย่างน้อยที่สุดต้องอายุเกิน 17 ปีขึ้นไป แนะนำให้คุมกำเนิดที่ PCUตำหรุ หรือมาที่โรงพยาบาลบ้านลาดก็ได้ ขณะเดียวกันเรื่องลูกต้องไปรับวัคซีนที่ PCU ตามที่หมออนามัยนัดหมายจนครบ แม่อายุ 12 ปีมีปัญหาเรื่องมีน้ำนมไม่พอให้ลูกดื่ม ทีมงานต้องประสานกับงานบริหารทั่วไปของโรงพยาบาลเพื่อของบประมาณสนับสนุนชื้อนมผงช่วยเหลือ แม่อายุ12ปีไม่มีทักษะการเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง ทีมสหสาขาวิชาชีพร่วมกับPCUตำหรุ ต้องช่วยกันสอนทักษะการเลี้ยงลูก การดูพัฒนาการของลูกแต่ละช่วงอายุและลงไปเยี่ยมเยียนเป็นระยะ ขณะเดียวกันทีมงานต้อง “ เสริมพลังใจ ” ให้กับครอบครัวด้วย
หลังจากที่เราลงไปเยี่ยมเป็นระยะ ทำให้ทีมงานทราบว่า แม่อายุ 12 ปีรายนี้มีปัญหาครอบครัวแตกแยก พ่อแม่หย่าร้างกัน หลังตั้งครรภ์ต้องอาศัยอยู่กับป้า และเมื่อตนเองรู้ว่าตั้งครรภ์ ก็ต้องออกจากโรงเรียนทำให้เรียนไม่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทีมHHC. จึงได้แนะนำให้แม่อายุ 12 ปี เรียนหนังสือต่อที่ “ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน : กศน. ” ซึ่งจะเปิดสอนในวันเสาร์ อาทิตย์ แนะนำให้เขา “ คิดถึงอนาคตตนเองในวันข้างหน้า ” ส่วนสามีของแม่อายุ 12 ปีกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก็ยังต้องศึกษาต่อให้จบ ทีม HHC. ได้ให้คำปรึกษาแนะนำ “ ป้า ” ของหญิงตั้งครรภ์อายุ 12 ปี ให้เข้าใจและ “ ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่กล่าวโทษ ไม่ตอกย้ำซ้ำเติมในเรื่องนี้อีก ” และ “ หยุดความโกรธและความทุกข์ ” เพราะเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ “ สามารถทำสิ่งที่ดีในอนาคตได้ ” เพื่อชีวิตของทุกคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข คำพูดของคนนอกบ้านถ้าเรานำมาคิด “ คนที่ทุกข์ใจคือคนในครอบครัวของเรา ” ชีวิตจะสุขหรือทุกข์ “ ไม่ใช่ ” คนอื่นทำให้เรา คนในครอบครัวต่างหากที่จะ “ เติมพลังสุขทางใจให้กันเอง ” ไม่ใช่สังคมภายนอก ขณะนี้ครอบครัวของแม่อายุ 12 ปีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลูกมีพัฒนาการสมวัย
จากเรื่องราวที่แม่อายุ 12 ปีตั้งครรภ์ทำให้ทีม PCT โรงพยาบาลบ้านลาด “ เกิดแรงบันดาลใจสร้างแนวคิดใหม่ๆ ” (concept) เพราะถ้าโรงพยาบาลของเรา “ ตั้งรับปัญหา ” เราก็จะพบแต่ปัญหาอยู่ตลอดไป แต่ถ้าเราเปลี่ยน “ แนวคิดใหม่ ” แก้ไขปัญหาแบบ “ คิดเชิงรุก ” ไปส่งเสริมสุขภาพกลุ่มเสี่ยง (Risk Group) คิดหาวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคตข้างหน้า (Forward) เพื่อลดปัญหา ลดความเสี่ยงและภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลของเรา เราต้องเปลี่ยนกรอบความคิดใหม่(Paradigm shift) ทีมเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ทีม PCT ได้วิเคราะห์ SWOT องค์กรของเรา พบว่า “ จุดแข็ง ” ของทีมงานที่จะสามารถนำมาใช้คือ ทีมงานภาคชุมชนที่เข้มแข็ง ศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในองค์กรของเรา ที่มีความสามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กับชุมชนและโรงเรียนได้ดี เราสามารถนำ “ จุดแข็งขององค์กร ” ไป “ ปิดจุดอ่อนหรือภาวะคุกคาม ” ที่โรงพยาบาลกำลังเผชิญอยู่ ทุกคนลงความเห็นว่าเราต้องทำ “ โครงการแก้ไขปัญหา ” ถ้าเรานิ่งเฉยปัญหา และความเสี่ยงจะคืบคลานเข้ามาในองค์กรของเราอยู่เรื่อย ๆ จนเรารับไม่ไหวเพราะโรงพยาบาลเป็นปลายน้ำ(Down Steam)โรงเรียนและชุมชนเป็นต้นน้ำ( UP Steam ) น้องอีกคนหนึ่งพูดเสริมต่อว่า “ ใช่เลย.....เป็นการป้องความเสี่ยงเชิงรุกในชุมชนด้วยนะค่ะ ”
ทีมงานจึงคิดโครงการ “ ก่อนสู่โลกกว้าง ” เพื่อขออนุมัติงบประมาณ และตั้งทีมในการทำงานติดขัดเรื่องงบประมาณจึงขึ้นไปปรึกษาผู้อำนวยการ “ นพ.สมพนธ์ นวรัตน์ ” คำตอบที่ทีมงาน “ ชื่นใจเป็นที่สุด ” ที่ได้รับจากท่าน “ ทำได้เลย หมอเห็นด้วยและไม่ต้องกังวลใจในเรื่องงบประมาณ ถ้าโรงพยาบาลมีงบไม่พอหมอจะหามาเพิ่มเติมให้ ” ทีมงานฟังแล้วทุกคน “ ชื่นใจ ดีใจและมีพลังสร้างแรงบันดาลใจ ” ที่ผู้นำสนับสนุน เข้าใจ ส่งเสริมให้เราทำกิจกรรมคุณภาพเชิงรุกและการออกแบบระบบใหม่( System design ) การทำกิจกรรม ทีมงานทราบดีว่าต้องใช้เงิน “ เมื่อเราไม่กังวลใจเรื่องเงินทำให้เรามีแรงสู้เต็มร้อยเปอร์เช็นต์ ” แต่ที่เรากังวลใจคือ เรื่องค่าใช้จ่ายในโครงการเพราะคาดว่าต้องใช้เงินในหลักหมื่น ขณะเดียวกันโรงพยาบาลของเรายากจน มีประชากรในความรับผิดชอบแค่หนึ่งหมื่นเก้าพันกว่าคน แต่เมื่อได้รับคำรับรองจากผู้อำนวยการที่บอกพวกเราว่า “ ติดเครื่องสตาร์ทโครงการได้เลย ” เพราะหมอของบประมาณด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในชุมชน( งบประมาณ P&P Com. ) จากสปสช. เขต 4 ราชบุรีมาให้ตามที่พวกเราเขียนโครงการมาได้ทั้งหมด 43,700 บาท ให้พวกเราไปช่วยกันหาแนวทางและวิธีการ “ สำหรับเดินทางขึ้นภูเขาแห่งความสำเร็จ ” กันเถอะ
ก่อนจะนำโครงการลงสู่การปฏิบัติจริง ทีมงานได้กำหนดเป้าหมายโรงเรียนในพื้นที่ไว้จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดศาลาเขื่อนและโรงเรียนวัดอินจำปา เด็กนักเรียนเป้าหมาย (Target Group) คือเด็กนักเรียนชั้น ป. 4 ป.5 และ ป.6 จำนวนทั้งหมด 64 คน วัตถุประสงค์ของโครงการในระยะสั้นเพื่อให้เด็กนักเรียนชั้น ป. 4 ป.5 และ ป.6 มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษา ในระยะยาวเพื่อลดอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เช่น ลดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การตั้งครรภ์ขณะวัยเรียน ลดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ ก่อนนำโครงการลงสู่การปฏิบัติในโรงเรียน ทีมงานสหสาขาวิชาชีพ(Interdisciplinary)ได้ตั้งคณะทำงาน ประกอบกลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน พยาบาลจิตเวช งานวางแผนครอบครัว งานอนามัยแม่และเด็ก งานสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ ทีมงานต้องประสานการทำโครงการลงสู่การปฏิบัติ ในแนวดิ่งต้องประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 ซึ่งดูแลโรงเรียนในเขตอำเภอบ้านลาด ขณะเดียวกันต้องประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนเป้าหมายทั้ง 2 แห่ง ทีมงานได้คำตอบที่ทำให้ทีมมีกำลังใจ “ โครงการดีมากครับคุณหมอ ” เนื่องจากอำเภอบ้านลาดเราเป็นชนบท ใครที่อยู่ในโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นพยาบาล เภสัชกร ฯลฯ จะถูกเรียกว่าหมอทั้งหมด “ ผมยินดีและพร้อมจะสนับสนุนให้ครูอนามัยและครูพละเข้าร่วมโครงการกับคุณหมอด้วย ”
จากนั้นทีมงานก็มาร่วมกันคิดกิจกรรมเพื่อจะนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียน ร่วมกับครูอนามัยและครูพละสอนเป็นบางเรื่อง เช่น เรื่องการวางแผนครอบครัว ผลสุดท้าย พวกเราก็คิดออกว่า “ ต้องประยุกต์ ” กิจกรรมการสอนเพศศึกษาจากหลักสูตรของชั้น “ มัธยมศึกษาตอนต้น ” มาใช้กับนักเรียนชั้นประถม ซึ่งมีทั้งหมด 12 กิจกรรมครอบคลุมความรู้ด้านเพศศึกษา ประกอบด้วยกิจกรรม “ มารู้จักร่างกายกันเถอะ, วัยรุ่นวัยเรา, ย่างสู่วัยรุ่นอย่างรู้ทัน, เพศศึกษาในช่วงวัยรุ่น, สารพัดโอกาส...จริงหรือ?, พรายกระซิบ,ข้างหลังภาพ, เพศสัมพันธ์มีได้เมื่อไหร่, รู้จักคุ้นเคย, แลกน้ำ , ยอมไม่ได้ และ ไม่มีแต่เท่ห์ ” ทีมได้นำกิจกรรมเหล่านี้ไปร่วมกับครูอนามัยและครูพละสอน ทำให้เด็กนักเรียน “ ตื่นเต้นสนุกสนาน ” ครูอนามัยบอกกับทีมงานของเราว่า “ เวลาที่หมอมาช่วยสอนเด็ก ๆจะชอบและตั้งใจเรียนมาก ” ขณะที่อีกโรงเรียนก็บอกทีมงานว่า “ คุณหมอรู้ไหมค่ะเด็ก ๆ ใจจดใจจ่อรอคอย เฝ้ารอและแวะเวียนมาถามอยู่เสมอว่าสัปดาห์ไหนที่คุณหมอจะมาสอนอีก ” ฟังแล้วทำให้ทีมงานภูมิใจ ดีใจจนหัวใจพองโต รู้สึกได้ว่า “ ทีมงานของเรามีคุณค่าสำหรับเด็กๆ ” “ มีความสำคัญต่อคณะครูและผู้บริหารโรงเรียน ” การลงไปช่วยสอนทั้ง 12 กิจกรรมใช้เวลา 8 เดือนสอน 2 เทอม ทำให้ทีมงานของเราเกิดปฏิสัมพันธ์ (Interaction)และเกิดความผูกพันกับเด็กนักเรียนทั้ง 2 แห่ง ทีมงานของเราได้คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนเป็น “ พันธมิตรที่ดีต่อกันในอำเภอบ้านลาด ” ในวันเสาร์ อาทิตย์เวลาไปจ่ายตลาด ทีมงานของเราจะเจอเด็กและผู้ปกครองเข้ามา“ ทักทาย มาสวัสดี ”ทำให้ทีมงานรู้สึกภาคภูมิใจมาก ทีมงานบางคนยังแซวกันเล่นๆ ว่า “ เดี๋ยวนี้หมอ ... ดังใหญ่แล้วนะ คนรู้จักชื่อกันทั้งตำบล ” หลังจากปิดโครงการทีมงานของเราได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์และประเมินผลเพราะเราได้ทำ Pre – test และ Post – test กิจกรรมการสอนทั้ง 12 กิจกรรม( กิจกรรมละ10คะแนน ) พบว่าผลการสอนเด็กนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจดีขึ้นมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4.8 เป็น 8.6 คะแนน และผลการวัดความความพึงพอใจของเด็กนักเรียนได้ร้อยละ 98 ความพึงพอใจของคณะครูและผู้บริหารได้ร้อยละ 94 ความพึงพอใจของผู้ปกครองได้ร้อยละ 91 ตัวเลขไม่สำคัญเท่าไรขอเพียงงานที่เราทำ “ เป็นที่พึงพอใจของชุมชน ” ทีมงานก็รู้สึก “ ภูมิใจและสุขใจ
กองอนามัยการเจริญพันธุ กรมอนามัยกับ “ กระทรวงศึกษาธิการ ” ได้ร่วมกันพัฒนาและสร้างหลักสูตรการสอนเพศศึกษาสำหรับวัยรุ่นตอนต้น และได้ประสานงานมายังผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านลาด เชิญทีมงานก่อนสู่โลกกว้างและขอให้เรา เชิญโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง เข้าร่วมโครงการ “ร่างหลักสูตรโปรแกรมการสอนเพศศึกษาวัยรุ่นตอนต้น ” ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี ราชบุรี และของอำเภอบ้านลาด 2 โรงเรียน ทีมงานได้นำกิจกรรมในโครงการก่อนสู่โลกกว้างเป็น Model ขณะเดียวกันกองอนามัยการเจริญพันธุ์ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านการร่างหลักสูตรวัยรุ่นจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาเป็นผู้ให้ข้อเสนอแนะ โดยใช้แนวกิจกรรมเดิมของโครงการ “ ก่อนสู่โลกกว้าง ” มาเป็นแนวทางและปรับกิจกรรมบางตัวให้เหมาะสมแล้วสรุปเหลือ 8 กิจกรรม ได้แก่ “ หนูเป็นสาวแล้ว..... ......ผมเป็นหนุ่มแล้ว , เรื่องปกติ...หรือผิดปกติ , อารมณ์เพศวิเศษสุด , คุณค่าในตัวฉัน , สิทธิวัยรุ่น , รู้เขารู้เรา ... ไม่เศร้าไม่เสี่ยง , รู้ว่าเสี่ยงจะเลี่ยงอย่างไร และ รู้จักรัก ” เมื่อได้กิจกรรมใหม่แล้ว โรงเรียนในโครงการนำร่องทั้ง 7 แห่ง ได้ก็นำหลักสูตรไปทดลองสอนในโรงเรียน ทีมงานโรงพยาบาลบ้านลาดในฐานะเป็นพี่เลี้ยงของโรงเรียนได้ร่วมกับกองนามัยการเจริญพันธุติดตามผลกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อโครงการสิ้นสุด ต้องสรุปผลรวบยอดโครงการของโรงเรียนทั้ง 7 แห่งที่โรงแรมทีเคพาเลส กรุงเทพมหานครฯ มีทั้งคณะครูและคณะหมออนามัยทำให้เราได้รู้จักเป็นเครือข่ายกัน “ ทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล ” ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด “ เราเป็นเครือข่ายพันธมิตรกัน ” ต่อมากองอนามัยวัยเจริญพันธุได้นำเสนอหลักสูตรโปรแกรมการสอนให้กับกระทรวงศึกษาเพื่อนำไปใช้ในปีการศึกษา 2551
โรงเรียนในจังหวัดเพชรบุรี “ ตื่นตัว ” เรื่องหลักสูตรเพศศึกษาวัยรุ่นตอนต้น
เนื่องจากการสอนเพศศึกษาวัยรุ่นตอนต้นเป็นเรื่องใหม่ มีความทันสมัยและยังไม่เคยมีการสอนในโรงเรียนระดับประถมต้นเลย จึงทำให้โรงเรียนในจังหวัดเพชรบุรีหลายแห่ง ซึ่งมีปัญหาเรื่อง “ เด็กนักเรียนมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนมากขึ้น ” ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านลาดได้รับหนังสือ “ ขอความอนุเคราะห์ให้ทีมงานก่อนสู่โลกกว้าง ” ไปช่วยเป็นวิทยากรให้กับคณะครูทั้งจังหวัดเพชรบุรี โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเป็นเจ้าภาพจัดประชุมให้กับคณะครูในจังหวัดเพชรบุรีทั้งเขต 1 และ เขต 2 ขณะเดียวกันโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดได้เชิญทีมงานไปเป็นวิทยากรพูดเรื่อง “ วิธี....รับมือกับลูกวัยรุ่น ”ในวันแม่แห่งชาติ ปัจจุบันทีมงานก่อนสู่โลกกว้างได้ขยายผลไปเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนต่าง ๆ หลายอำเภอ และร่วมกับโรงเรียนทำ “ โครงการแก้ไขปัญหาวัยรุ่น ” ให้กับโรงเรียนอีกหลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรี ทำให้ทีมงานรู้สึกภูมิใจ กับ “ ผลงานที่เป็นที่ต้องการของสังคม ” มากขึ้น ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากแรงบันดาลใจ “ เรื่องเด็กอายุ 12 ปีตั้งครรภ์ ” ว่าจะขยายผลไปสู่สังคมได้มากอย่างนี้เนื่องจากทีมของเรา มักจะพูดติดปากอยู่เสมอ ๆว่า “ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้ถ้าเรารวมพลังกันแก้ปัญหา ”
ต่อมาทีมงานก่อนสู่โลกกว้าง ได้รับเชิญจากกรมอนามัยให้เข้าร่วมโครงการของกรม ซึ่งเป็นโครงการนำร่องทำใน 5 จังหวัดได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดราชบุรี และจังหวัดเพชรบุรี ได้รับเชิญเข้าร่วมโครงการ “ วัยเรียน วัยใส อนามัย ดี๊ ดี ” ซึ่งวัตถุประสงค์โครงการเพื่อ “ แก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ” ให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนทั้งปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น เรื่องโภชนาการ เรื่องทันตกรรม กรมอนามัยได้เชิญโรงพยาบาลบ้านลาดเข้าร่วมโครงการ และขอให้คัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการอีก 3 แห่งประกอบด้วย โรงเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้นได้แก่ “ โรงเรียนวัดโพธิ์กรุ ” ระดับมัธยมศึกษาได้แก่ โรงเรียนขยายโอกาส “โรงเรียนวัดหนองแก ” และโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้แก่“ โรงเรียนคงคาราม ” ขณะเดียวกันโรงพยาบาลบ้านลาดได้จัดตั้ง “ คลินิกวัยเรียนวัยใส ” ขึ้นในโรงพยาบาลบ้านลาดเพื่อเป็นคลินิกสำหรับให้คำปรึกษาสำหรับวัยรุ่นในโรงเรียนและที่ Walk-in เข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องเพศสัมพันธ์ ปรึกษาปัญหาการตั้งครรภ์ ปัญหาครอบครัวของเด็กวัยรุ่น ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ปัญหาเด็กขาดสารอาหาร และปัญหาสุขอนามัยอนามัยช่องปากทีมของโรงพยาบาลได้รับเงินงบประมาณจากกรมอนามัยในโครงการนี้ จำนวน 330,666 บาท เพื่อจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจกับวัยรุ่น ผู้ปกครอง และจัดตั้งคลินิก “วัยเรียนวัยใส ” ในโรงพยาบาลบ้านลาด ให้คำแนะนำปรึกษาวัยรุ่นทั้งในและนอกเวลาราชการ แก้ไขปัญหาเด็กขาดสารอาหาร ติดตามให้คำแนะนำปรึกษาการดำเนินงานโครงการ วัยเรียน วัยใส อนามัย ดี๊ ดี ในโรงเรียนทั้ง 3 แห่ง
จากปัญหาแม่อายุ 12 ปีตั้งครรภ์ ทำให้การทำงานของทีมโรงพยาบาลบ้านลาดขยายผล เป็นวงกว้างสู่การบูรณาการแก้ปัญหาที่หลากหลาย จากการทำงานแก้ปัญหาของคนหนึ่งคน (Individual) นำไปสู่การแก้ปัญหาของกลุ่ม (Node) นำไปสู่การทำงานเป็นเครือข่าย(Network) ทำให้ทีมงานโรงพยาบาลบ้านลาดภาคภูมิใจ ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม ในที่ประชุมท่านผู้อำนวยการมักพูดให้กำลังใจทีมงานของเราอยู่เสมอ ๆ ว่า “ ความคิดใหม่ ๆ ช่วยทำให้คุณเป็นคนใหม่ ” และเตือนทีมงานของเราว่า “ เวลาทำงานอย่าลืมค้นหาพลังอันยิ่งใหญ่ของเราว่าอยู่ตรงไหนด้วยนะครับ ” ขณะเดียวกันทีมงานของเราก็ไม่ลืมที่จะติดตามผลงานของเราจาก ปี 2548 ถึง ปี 2550 รวมเวลา 3 ปีที่ผ่านมา “ เรายังไม่พบปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ขณะวัยเรียน ” ของ 2 โรงเรียนที่ทีมเรานำกิจกรรมลงไปทำ ทีมของเราจึงคิดคำขวัญที่ช่วยสร้างแรงจูงใจและเป็น แรงบันดาลใจในการทำงาน ดังนี้
สมศรี นวรัตน์
รพ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
ไม่มีความเห็น