การเขียนสารคดีเพื่อการประชาสัมพันธ์ จะแตกต่างจากการเขียนสารคดีทั่วไป ตรงที่ผู้เขียนจะต้องตระหนักถึงจุดมุ่งหมายของการเขียนสารคดีในครั้งนั้นเสมอว่า กำลังเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่เขียนเพื่อให้ความบันเทิงแบบสารคดีทั่วไป ดังนั้นนอกจากการคำนึงถึงจุดมุ่งหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์แล้ว ยังต้องวิเคราะห์ด้วยว่าใครคือกลุ่มผู้อ่าน ซึ่งเป็นเป้าหมายของการประชาสัมพันธ์ในครั้งนั้น ผู้เขียนจึงควรเริ่มต้นการเขียนตามขั้นตอน (ถวัลย์ มาศจรัส, 2544, หน้า 111-114) ต่อไปนี้
1. กำหนดจุดมุ่งหมายของการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์
ในบทที่ 2 ได้กล่าวไว้แล้วว่าจุดมุ่งหมายของการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ มี 6 ประการ ได้แก่ การเขียนเพื่อบอกกล่าวให้ทราบ การเขียนเพื่อให้ประชาชนเกิดการยอมรับ การเขียนเพื่อป้องกันและแก้ไขความเข้าใจผิด การเขียนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การเขียนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และการเขียนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาด ดังนั้น ผู้เขียนสารคดีเพื่อการประชาสัมพันธ์จะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายของการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ก่อนว่า การเขียนสารคดีในครั้งนี้จะเป็นการเขียนเพื่อรองรับและสนับสนุนจุดมุ่งหมายของการประชาสัมพันธ์ตามข้อใดใน 6 ข้อข้างต้น ดังตัวอย่างสารคดีเรื่อง คุณค่าอ่อนละมุนจากดอกคาโมไมล์ ในหน้าถัดไป ที่เป็นการเขียนเพื่อบอกกล่าวให้ทราบ รวมทั้งเขียนเพื่อให้เกิดการยอมรับ และสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดไปพร้อมกัน
คุณค่าอ่อนละมุนจากดอก Chamomile
สารสกัดอ่อนโยนจากดอก Chamomile มีสรรพคุณมากมายต่อผิวและเส้นผมทั้งของคุณและลูกน้อย
คุณรู้ไหมว่าเจ้าดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ ที่มีเกสารสีเหลืองสดใสนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว ดอก Chamomile เมื่อนำไปสกัดจะได้น้ำมันหมอซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวที่แห้งแตก กลับมาชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาได้ โดยนำน้ำมันจากดอก Chamomile นี้ไปทำเป็นโลชั่น ครีมบำรุงผิว สบู่หรือครีมอาบน้ำ หากคุณแม่คนไหนมีปัญหาผิวแห้ง หรือแม้แต่ลูกน้อยมีผิวแห้งทำให้เกิดผดผื่นคัน ลองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของดอก Chamomile มาใช้ดูสิคะ ผิวของคุณและลูกจะชุ่มชื่นในเวลาอันรวดเร็ว และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็คือ ไม่ระคายเคืองต่อผิวอ่อนบางค่ะ
ประโยชน์อ่อนละมุนของดอก Chamomile มิได้มีเพียงแค่นี้ เพราะสารสกัดจากดอกไม้ชนิดนี้ยังนำไปทำเป็นยาสระผม ช่วยให้เส้นผมไม่แห้งแตกปลายด้วยยาสระผมที่มีส่วนผสมของดอก Chamomile จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสีย และอ่อนโยนต่อเส้นผมของเจ้าตัวเล็กเป็นอย่างดี
บางคนที่ชื่นชอบในกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ ก็สามารถนำ Chamomile ไปเป็นส่วนผสมในการบำบัดแบบAromatherapy ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยคลายเครียด เพราะจากการวิจัยในต่างประเทศเกี่ยวกับการบำบัดแบบ Aromatherapy ยังพบว่า หากนำ Chamomile ไปผสมกับดอกไม้หรือพืชอื่น ๆ เช่น กุหลาบ โรสแมรี่ เบอร์กามอต ชินเนมอน ฯลฯ จะช่วยรักษาผิวแห้ง ผมแห้ง ปากแตก บรรเทาการเจ็บแผลและรอยฟกช้ำ
ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Chamomile หาได้ไม่ยากค่ะ หากคุณแม่มีปัญหาดังที่กล่าวมา ลองหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้กับคุณและลูกรักสิคะ เพื่อคุณทั้งครอบครัวจะได้มีผิวที่นุ่มละมุนเหมือนดอก Chamomile อย่างพร้อมหน้ากัน...ด้วยความปรารถนาดีจาก คัสสัน เบบี้ นัชชัวรัล อารมณ์ดีอย่างเป็นธรรมชาติ (รักลูก, 2546, หน้า 10)
2. วิเคราะห์และกำหนดกลุ่มผู้อ่านเป้าหมาย
เป็นขั้นไตร่ตรองก่อนจะลงมือเขียนอย่างละเอียดรอบคอบว่าต้องการให้ใครเป็นผู้อ่าน เป็นการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย เพื่อจะได้เลือกใช้วัจนภาษาและอวัจนภาษา ตลอดจนสำนวนโวหารให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้อ่านเป้าหมาย เช่น ตัวอย่างสารคดีเรื่อง คุณค่าอ่อนละมุนจากดอกคาโมไมล์ (รักลูก, 2546, หน้า 10) กลุ่มผู้อ่านเป้าหมายคือบรรดาคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ๆ ซึ่งหากวิเคราะห์ตามกลุ่มเป้าหมายของสื่อหรือนิตยสารรักลูก ก็จะเป็นกลุ่มสตรีที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดถึงหกปี ดังนั้นระดับภาษาที่ใช้จึงเป็นแบบกันเอง เน้นบรรยายโวหารและพรรณนาโวหารเป็นหลัก เป็นต้น
3. วิเคราะห์และกำหนดเนื้อหาสาระรวมทั้งจุดมุ่งหมายของสารคดี
ในขั้นตอนนี้เป็นการวิเคราะห์เพื่อกำหนดขอบข่ายเนื้อหาว่าน่าจะบรรจุอะไรลงไปในเนื้อเรื่องที่เขียนบ้าง และหลังจากทราบแล้วว่าจะมีเนื้อหาสาระอะไรบ้าง ให้กำหนดจุดมุ่งหมายเฉพาะลงไปอีกชั้นหนึ่งว่าจะให้ผู้อ่านรับรู้เรื่องราวในแง่มุมใดเป็นพิเศษ เช่น ต้องการจะให้ข่าวสารและข้อเท็จจริง หรือต้องการจะสอดแทรกความคิดเห็นและให้คำแนะนำ หรือต้องการจะเน้นที่การให้ความรู้ หรือต้องการจะให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่านเป็นหลัก เป็นต้น
4. กำหนดรูปแบบและวิธีประเมินความเข้าใจ
ในขั้นตอนนี้เป็นการแสวงหากลวิธีในการเขียน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเฉพาะที่กำหนดไว้ โดยลองประเมินว่าหลังจากผู้อ่านอ่านจบแล้ว ผู้อ่านจะเปลี่ยนแปลงไปตามจุดมุ่งหมายเฉพาะที่ผู้เขียนตั้งไว้หรือไม่ เช่น ถ้าผู้เขียนต้องการให้ความรู้แก่ผู้อ่าน เมื่อผู้อ่านอ่านจบก็ควรจะได้รับความรู้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้อ่านอ่านจบแล้วไม่ได้รับความรู้ตามที่ผู้เขียนตั้งใจ ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนควรจะปรับรูปแบบและวิธีการเขียน หรือแสวงหากลวิธีในการเขียนใหม่ เป็นต้น
5. กำหนดวิธีการ แนวทางการนำเสนอเนื้อหา และแหล่งข้อมูลสนับสนุน
ในขั้นตอนนี้เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ทั้งหมดจากขั้นที่ 1 – 4 มาจัดทำโครงเรื่องและกำหนดโครงสร้างก่อนจะลงมือเขียนจริง รวมทั้งมีการเตรียมพร้อมสำหรับรายละเอียดทั้งหมดที่จะใช้ประกอบการเขียน เพราะในขณะที่เขียนอาจจะต้องใช้ข้อมูลเพิ่มเติม จึงต้องกำหนดแหล่งข้อมูลไว้ในขั้นนี้ด้วย
6. การยกร่างต้นฉบับ
ขั้นนี้เป็นขั้นการลงมือเขียน เป็นวิธีการทำงานอย่างหนึ่ง ซึ่งในการยกร่างการเขียนนี้อาจจะเป็นเรื่องของการกำหนดเวลาในการเขียนว่า จะเขียนตอนไหน ใช้เวลากี่วัน เป็นต้น และหลังจากที่ได้ยกร่างต้นฉบับเสร็จแล้ว ก็ควรกลับไปทบทวนขั้นตอนในขั้นที่ 4 ถ้ามีสิ่งใดบกพร่องก็ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำต้นฉบับไปเผยแพร่
7. การทดสอบต้นฉบับ
ขั้นนี้เป็นการตรวจสอบคุณภาพการเขียนของงานที่เขียนเสร็จแล้ว โดยให้เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่เราคุ้นเคยได้อ่าน และถ้าเป็นไปได้ หากาสามารถหาคนอ่านที่มีลักษณะใกล้เคียงกับผู้อ่านเป้าหมายให้ได้อ่านก่อน เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ผลงานก็จะช่วยให้ผู้เขียนได้มีโอกาสปรับปรุงต้นฉบับดังที่จะกล่าวในขั้นต่อไป
8. การเผยแพร่ต้นฉบับ
ขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายของการทำงานหลังจากเขียนจบแล้ว ได้รับฟังการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว และปรับปรุงต้นฉบับแล้ว ก็สามารถนำออกเผยแพร่ตามสื่อและช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม
ไม่มีความเห็น