บันทึกแคมป์บ้านกร่าง ตอนที่ 4


บ้านกร่าง

รูปจาก http://aheontour.multiply.com/photos/album/96/The_1st_time_with_Blue_Wing

น้าตุ๋ยกลังโชว์การผัดผักบุ้งไฟแดงให้คณะเราได้ทานกัน

สำหรับการมาเยี่ยมบ้านกร่างสำหรับผู้เขียนกับครั้งแรกนี้ถือได้ว่าตื่นเต้นและสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง มีกิจกรรมที่สมใจอยากที่เฝ้ารอมานานแสนนานแล้วได้มาทำเสียที ไม่ว่าการได้เล่นน้ำคลอง(เล็ก ๆ ) ถ่ายผีเสื้อสีสวย ๆ ถ่ายเห็ดถ้วยแชมเปน  ดูนกที่บินรอบ ๆ แค้มป์ใกล้ ๆ ที่พัก ก็มีความสุขแล้ว การได้อาบน้ำจากลำน้ำสายเล็ก ๆ รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก ผู้เขียนนุ่งผ้าขาวม้าลงอาบน้ำ แทนการไปอาบน้ำในห้องน้ำของบ้านพักเจ้าหน้าที่ การได้สระผมถูสบู่ในลำน้ำตอนสาย ๆ ก่อนทานข้าวมื้อเย็นกันทำให้ผ่อนคลายไปได้เยอะมากเลย เหงื่อไคลที่ติดตัวได้ชำระล้างออกไป ซึ่งการอาบน้ำคลองคราวนี้เมื่อกลับมากรุงเทพ พบว่าตัวเองมีตุ่มคันตามตัวอยู่หลายที่ เนื่องเพราะการห่างเหินการอาบน้ำคลองไปนาน อาจจะแพ้พวกมือปอนน้ำ ตัวไรน้ำหรือขนของตัวหนอนผีเสื้อประมาณนั้นก็อาจเป็นได้ ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์อยู่เหมือนกันกว่าตุ่มคันจะเบาบางเป็นปกติ สำหรับคนที่ไม่เคยอาบน้ำคลองมาก่อน ผิวอาจจะไวต่อสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่เคยเจอ ก็ไม่สมควรที่จะไปอาบไปเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่งถือว่าน่าจะเป็นข้อห้ามเสีย หรือไม่ถ้าจะอาบก็หลังเช็ดตัวให้แห้งดีแล้วทาแป้งฝุ่นลดการระคายเคืองแบบกระหน่ำประมาณนั้นเผื่อว่าการระคายเคืองของผิวหนังจะได้ไม่มี หรือถ้ามีก็มีน้อยลง

รูปจาก http://aheontour.multiply.com/photos/album/96/The_1st_time_with_Blue_Wing

เสร็จสิ้นภาระกิจส่วนตัวแล้ว น้าหมูซึ่งดูแลคณะเรากำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารให้กับคณะเขาเรา อาหารที่น้าหมูปรุงบริการคณะเราได้แก่ ผัดผักบุ้งไฟแดง ปลานิลทอด(น้าหมูตกได้จากแก่งกระจาน) น้ำตกหมู แล้วก็เจียวไข่ ข้าวหูงด้วยเตาถ่านแบบไม่เช็ดน้ำ เตาแกสใช้สำหรับการปรุงอาหาร บริเวณที่น้าหมูปรุงอาหาร ทอดปลา น้าหมูเอาผ้าใบรองพื้นมาปูกันเปื้อน ปรากฏว่าเมื่อน้ำผ้าใบนี้ไปใช้ในวันถัดมา มดมาขึ้นมากินเศษอาหารบนผ้าใบเต็มไปเลย ผู้เขียนจึงโดนกลุ่มมดถล่มอยู่ไม่ติดบังไพรไปเลย อุตส่าห์ว่าจะไปฆ่าสัตว์แต่ก็ได้ปัดมดมันขึ้นตามตัวมันไปหลายตัวสงสัยผู้เขียนคงปัดมันแรงไปมันตายไปหลายตัว นี่ก็เพราะความไม่รอบคอบของคณะเราจึงเป็นเหตุให้มันตาย

ในระหว่างการทานอาหารของมื้อเย็นวันแรกนี้ แขกจะได้รับเกียรติเป็นคนทานก่อน อาหารอย่างที่เขียนไปในตอนต้นว่ามีผักบุ้งไฟแดงของน้าหมู แต่น้าตุ๋ยเป็นคนผัด รสชาติแสนจะหวานเจี๊ยบ ผมให้ช่อเมนูใหม่ว่า ผักบุ้งไฟแดงน้ำเชื่อม ที่จะอร่อยติดปากก็น่าจะเป็นน้ำตกหมูกระมัง ส่วนปลาทอดก็ยังคงเหลือและไข่เจียวก็เหลือหลังจากทานเสร็จกันไปแล้ว ไข่เจียวเมนูนี้น้าหมูปรุงด้วยการใส่รสดีลงไปด้วย รสชาติออกเข้มข้นกว่าไข่เจียวที่เคยทานมา ส่วนปลานิลทอดก็ได้บรรยากาศปลาธรรชาติไม่มีกลิ่นโคลนเหมือนปลาในตลาด แต่จะมีความคาวปลามาแทน ส่วนเจ้าภาพ อันได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนคุ้นเคยของน้าตุ๋ยที่มาร่วมแจม กลุ่มพวกเขานิยมที่จะดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์เสียมากกว่าการทานข้าว เหล้าโซดา ถูกผสมครั้งแล้วครั้งเล่า แก้วเดิมแต่มันพร่องบ่อย แก้วมันรั่วแทบทุกแก้ว เหล้าผสมน้ำโซดาตกไปอยู่ในท้องแทนข้าวไปอยู่ในท้องดูแล้วสังคมของคนทำงานนิยมกันจริง ๆ ในวงเหล้าก็ได้เชื้อเชิญอยู่เหมือนกันที่จะให้ดื่มแต่ผู้เขียนปฏิเสธที่จะดื่ม ด้วยเหตุผลของการรักษาศีลประการหนึ่ง เป็นการไม่สำรวมกับพฤติกรรมที่ไม่ควรจะมีหากว่าเหล้าเข้าปากประการหนึ่ง รวมไปถึงภาพพจน์ของการเป็นครูบาอาจารย์ที่ต้องรักษาไว้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าสำคัญสำหรับการปฏิเสธการดื่มก็คือ มันเป็นการสิ้นเปลองเงินทองโดยใช่เหตุ ผู้เขียนเห็นว่าเงินทองน่าจะไปทำอย่างอื่นมากกว่าการไปซื้อเหล้าดื่ม หากว่าใครจะดื่มอย่างไรเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่สำหรับผู้เขียนแล้วค่าใช้จ่ายเรื่องนี้จะไม่ไปเบียดบังคนอื่นและไม่เบียดบังตัวเอง หากว่าจะด้วยตัวเองก็ด้วยตัวผู้เขียนเองโดยลำพัง แต่จะไม่ไปร่วมดื่มกับคนอื่นให้เกิดความรู้สึกติดค้างคาใจกันและกันในเรื่องค่าใช้จ่ายแบบนี้ ใครจะมีสังคมหรือสร้างบรรยากาศการเข้าสังคมด้วยการใช้เครื่องดื่มอัลกอฮอล์อย่างไร ก็เรื่องของเขา แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองจะไม่ประพฤติ สำหรับเรื่องราวในวงที่คุยกันก็แล้วแต่ว่าใครมีความสนใจเรื่องอะไร ใครมี ใครไม่มีอะไรก็จะแลกเปลี่ยนกันและกัน เรื่องหนึ่งที่เด็กใหม่อย่างเรา ๆ ต้องคอยระวังกันคือการโดนอำ หรือการพูดเหน็บกันประชดกันด้วยคำที่คิดกันไม่ทัน เช่น เขาได้ไม่ดื่มหรอก แต่เขาอาบ บทสนทนาอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือชีวิตการเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งน้าหมูเล่าให้ฟังว่ามีอยู่ 3 กลุ่ม คือ หน่วยประจำ หน่วยลาดตระเวน และหน่วยวิจัยหรือลูกจ้างตามงบประมาณ เงินเดือนของเจ้าหนาที่เหล่านี้ไม่ได้สูงอะไรมาก ตกเดือนละ 4-5 พันบาทเท่นั้นเอง ความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนดูจะมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ เพราะพวกเขามีสิทธิ์โดนไข้ป่าแทบทุกราย อีกทั้งต้องคอยระแวดระวังพวกลักลอบค้าสัตว์ป่าที่เข้ามายิงมาล่าสัตว์ป่าในเขตป่าสงวน การผูกเปลนอนในป่า การที่ต้องเดินตรวจตราป่าวันหนึ่ง ๆ ไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร ในเป้ที่มีสัมภาระไม่น้อยว่า 15 กิโลกรัม ต้องแบกหามไปทุกที่ ๆ มีคำสั่งให้ออกไปตรวจตราลาดตระเวน เจ้าหน้าที่เหล่านี้ดูเหมือนจะพึงพอใจกับชีวิตแบบนี้หรือไม่ก็เพราะไม่ทราบว่าจะไปประกอบอาชีพอะไรนอกจากทำสวนทำนา ถือได้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นผู้เสียสละโดยแท้จริง เพราะพวกเขาต้องดูแลรักษาป่า สัตว์ป่าให้กับพวกเรา ๆ ให้มีอยู่ดำรงอยู่ และให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น การได้นั่งพูดคุยเรื่องราวของชีวิตของพวกเขาทำให้รู้สึกประทับใจในหน้าที่การงานของพวกเขาและซึ้งกับจิตอาสาแม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับโรคมาเลเลียรออยู่เบื้องหน้า อีกทั้งอำนาจลึกลับของป่าที่คนธรรมดาอย่างเราๆ จะสัมผัสได้

ล่วงเวลา 3-4 ทุ่ม  ไปแล้วคณะของเราพากันหลับนอนเพื่อเอาแรงกับกิจกรรมในวันถัดไป รวมทั้งกิจกรรมวันนี้ก็สุดแสนที่จะเหน่อยอยู่ไม่น้อย สำหรับที่หลับที่นอน คณะเรานอนกันในเต็นท์ที่น้าหมูได้กางทิ้งเอาไว้ ซึ่งมีอยู่ 2 หลังหลังหนึ่งเป็นเจ้เอ๋และเจ้น๊อคนอนด้วยกัน อีกเต็นท์เป็นผมนอนคนเดียว ส่วนน้ำตุ๋ยและเจ้มีนซึ่งเป็นเจ้าภาพจะนอนด้านนอก เต็นท์ อากาศตอนกลางคืนยอมรับว่าหนาวเลยทีเดียว เวลานอนต้องห่มผ้าหรือต้องนอนในถุงนอน เนื่องจากที่คณะเราไปพักอยู่ในศาลาพื้นปูนของเจ้าหน้าที่ ยิ่งดึกพื้นปูนยิ่งเย็น หากว่าไม่ระวังแล้วก็ อาจจะเป็นไข้ได้ง่าย แต่ก็แปลกว่าสถานที่คณะเรามาพักนอนอยู่นั้น ไม่มียุงมารบกวนเลย การนอนตากน้ำค้างหรือนอนข้างนอกนั้นไม่ต้องกังวนเรื่องยุงให้รำคาญ ทุกคนหลับกันอย่างมีความสุข เว้นแต่คนที่นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างเพราะได้ยินเสียงกรนสะท้านแค้มป์ของผู้เขียนเองและน้าตุ๋ย 2 คนอย่างสนุกสนานในการกรน

อ่านต่อตอนที่ 5

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บ้านกร่าง
หมายเลขบันทึก: 278405เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 15:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ตามมาหาความรู้ครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท