บทความทางวิชาการ
เรื่อง
“การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพ
การบริหารจัดการภาพรัฐ(PMQA)”
นายจรูญ วัฒนา
รองผู้อำนวยการโรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บำรุง
การศึกษาถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของคน เพราะการจัดการศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด และคุณธรรมของบุคคล เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมและสร้างภูมิปัญญาให้แก่บุคคล การจัดการศึกษาที่มีคุณภาพจะช่วยให้ประชาชนมีคุณธรรม สามารถดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข มีความรู้ความสามารถและทักษะในการแสวงหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคต มีความสามารถในการประกอบอาชีพ พึ่งตนเองได้ ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรี สามารถพัฒนาตนเองและร่วมพัฒนาสังคมได้อย่างเหมาะสม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ หมวด ๑ บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการ มาตรา ๖ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รู้จักรักษา และส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพึ่งตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง มาตรา ๙ (๓) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับ และประเภทการศึกษา
หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักการว่าผู้เรียนทุกคนมีความสารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการจัดการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
(๑) ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เกี่ยวกับประวิติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(๒) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน
(๓) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬาภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
(๔) ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
(๕) ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑) จัดเนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
(๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา
(๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
(๔) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระระหว่างความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ทุกวิชา
(๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ
(๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
มาตรา ๒๗ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตร ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
หมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพ มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก มาตรา ๔๙ ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงความมุ่งหมายและหลักการ และแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับ
จากที่ได้ศึกษางานวิจัย ของ ดวงใจ กฤดากร เรื่อง การศึกษาความต้องการจำเป็นในการดำเนินการด้านประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา(เดิม) หลังการได้รับการประเมินภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ (สมศ.) ผู้วิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะสำหรับสถานศึกษาไว้ดังนี้
๑. โรงเรียนที่มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่ดีนั้นส่วนใหญ่ผู้รับผิดชอบงานระบบประกันฯ หรือหัวหน้างานประกันคุณภาพการศึกษาจะเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องของการประเมินผลค่อนข้างดี
๒. งานด้านประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบุคลากรกลุ่มเดียวของโรงเรียน ทำให้บุคลากรอื่น ๆ ไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ควร ดังนั้น ในการดำเนินการในระยะต่อไป โรงเรียนควรให้บุคลากรทุกคนในสถานศึกษามีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาและร่วมทำงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
๓. หลังจากที่โรงเรียนที่ได้รับการประเมินภายนอกในรอบแรกแล้วคงต้องแสดงความก้าวหน้าในระบบการประกันคุณภาพของตนเอง โดยการปรับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น สร้างความรู้ความเข้าใจอย่างจริงจังและจัดให้มีผู้ปกครองเครือข่าย
๔. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการภายในโรงเรียนหรือระหว่างกลุ่มโรงเรียน เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่ยังเป็นความต้องการจำเป็นของบุคลากรในสถานศึกษาอยู่
๕. โรงเรียนควรจัดให้บุคลากรในสถานศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการจัดเก็บข้อมูลหรือวางแผนการประเมิน โดยกำหนดเวลาของการเก็บข้อมูลเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบสามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ และแปลความหมายข้อมูลในภาพรวม แล้วนำเสนอต่อบุคลากรในสถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผลไปปรับใช้หรือพัฒนางานของตนเอง และช่วยเหลือนักเรียนได้ทันที่
๖. โรงเรียนควรจัดให้บุคลากรทุกฝ่ายร่วมกันกำหนดรูปแบบ / วิธีการประเมินให้เป็นไปในทิศทางเดี่ยวกัน ร่วมกันระดมความคิดในการจัดทำเครื่องมือให้สามารถวัดได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมาย / มาตรฐานการศึกษา
๗. ผู้บริหารสถานศึกษาควรให้หมวดวิชา / ฝ่ายต่าง ๆ จัดทำแผนการทำงาน โดยกำหนดงานและระยะเวลาของงานนั้น ๆ ให้ชัดเจน ให้แต่ละหมวดรายงานความก้าวหน้าในงานของตนเองเป็นระยะ ๆ เพื่อควบคุมการดำเนินงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและสะดวกต่อผู้บริหารในการกำกับติดตามงาน
โรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บำรุง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ ได้รับการประเมินภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ (สมศ.) ซึ่งผลการประเมินคุณภาพการศึกษาจากภายนอกรอบที ๑ และรอบที่ ๒ มีผลแตกต่างไปในทางลบในมาตรฐานที่ ๕ ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร ผลประเมินภายนอกรอบที่ ๑ อยู่ในระดับ พอใช้ แต่ผลการประเมินภายนอกรอบที่ ๒ อยู่ในระดับปรับปรุง มาตรฐานที่ ๖ ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผลการประเมินภายนอกรอบที่ ๑ อยู่ในระดับ ดี แต่ผลการประเมินภายนอกรอบที่ ๒ อยู่ในระดับ พอใช้ แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาของโรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บำรุงยังไม่มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามเกณฑ์การบริหารจัดการคุณภาพภาครัฐ (PMQA)
การบริหารจัดการคุณภาพภาครัฐ (PMQA) เป็นการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ หมายถึง ระบบการบริหารที่ให้ความสำคัญต่อผลการดำเนินงานและการตรวจวัดผลสำเร็จในการดำเนินงานขององค์การ ทั้งในแง่ของปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิต และผลลัพธ์ ซึ่งจะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (Key Performance Indicators : KPIs) รวมทั้งการกำหนดเป้าหมาย (Targets) และวัตถุประสงค์ (Objectives) ไว้ล่วงหน้า โดยอาศัยการมีส่วนร่วมระหว่างผู้บริหาร สมาชิกของหน่วยงาน และตลอดจนถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ (Stakeholders) ที่เกี่ยวข้องด้วย
คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ หมายถึง คุณภาพของการบริหารตามเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐทั้ง ๗ หมวด คือ การนำองค์กร, การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์, การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้, การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล, การจัดการกระบวนการ และผลลัพธ์การดำเนินการ
การนำองค์กร หมายถึง การที่ผู้บริหารของหน่วยงานได้ดำเนินการในเรื่องวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม เป้าประสงค์ระยะสั้นและระยะยาว ความคาดหวังในผลการดำเนินการ การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การกระจายอำนาจการตัดสินใจ การสร้างนวัตกรรมและการเรียนรู้ในหน่วยงาน รวมทั้งการกำกับดูแลตนเองที่ดี และดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสาธารณะและชุมชน
การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ หมายถึง วิธีการกำหนดเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์และ
กลยุทธ์ และแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ รวมทั้งการถ่ายทอดเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ลงไปยังระดับต่าง ๆ ภายในหน่วยงาน และการรวมถึงการวัดผลความก้าวหน้าในการดำเนินงาน
การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมายถึง การกำหนดความต้องการ ความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวมถึงการดำเนินการในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การกำหนดปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความพึงพอใจ และนำไปกล่าวถึงในทางที่ดี
การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ หมายถึง การรวบรวม วิเคราะห์ จัดการ และปรับปรุงข้อมูล สารสนเทศ และจัดการความรู้
การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล หมายถึง การที่หน่วยงานได้จัดระบบงานบุคคล ระบบการเรียนรู้ของบุคลากร และการสร้างแรงจูงใจ ช่วยให้บุคลากรพัฒนาตนเองและใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อให้มุ่งไปในทิศทางเดียวกันกับเป้าประสงค์และแผนปฏิบัติการโดยรวม รวมทั้งความใส่ใจ การสร้างและรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงาน การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานของบุคลากร ซึ่งจะนำไปสู่ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ และความเจริญก้าวหน้าของบุคลากรและหน่วยงาน
การจัดการกระบวนการ หมายถึง การจัดการกระบวนการการให้บริการ และกระบวนการอื่นๆที่สำคัญที่มีส่วนช่วยสร้างคุณค่าแก่ผู้รับบริการ ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และหน่วยงานตลอดจนกระบวนการสนับสนุนที่สำคัญต่าง ๆ
ผลลัพธ์การดำเนินการ หมายถึง ผลการดำเนินการและแนวโน้มของหน่วยงานตามตัวชี้วัดสำคัญๆในมิติต่างๆ ได้แก่ มิติด้านประสิทธิผลตามยุทธศาสตร์ มิติด้านคุณภาพการให้บริการ มิติด้านประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ และมิติการพัฒนาองค์กร โดยเปรียบเทียบกับส่วนราชการหรือองค์กรอื่นที่มีภารกิจคล้ายคลึงกันด้วย
การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ของโรงเรียนประสาธน์ราษฎร์บำรุง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้
๑. เกิดองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์และการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในลักษณะการปฏิบัติจริง ที่ชัดเจน
๒. ได้ต้นแบบของหน่วยงานภาครัฐที่บริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์และใช้เกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบ เพื่อสถานศึกษาขั้นพื้นฐานต่างๆได้ใช้เป็นแบบอย่าง/แนวทางในการพัฒนาระบบบริหารของตนเองให้มีความสมบูรณ์ ที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูประบบราชการของรัฐบาล
๓. ได้องค์ความรู้ที่เป็นปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จของการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เหมาะสมตามบริบทและวัฒนธรรมการบริหารงานของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านมากเลยค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับบทความมีประโยช์นมากเลย
เป็นบทความที่ดีและมีประโยชน์ในเรื่องการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ขอบคุณมากค่ะ