“ เจ้าต้องรู้สึกว่า การที่เจ้าเป็นลูกเสือ ย่อมมีความประพฤติแปลกกว่าเด็กกลางถนน เจ้าจะประพฤติอย่างเด็กกลางถนนไม่ได้ เพราะเจ้าเป็นคนที่ พระเจ้าแผ่นดินรู้จักเสียแล้ว “ ข้อความดังกล่าวเป็นพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งการลูกเสือไทย ที่ชี้ให้เห็นถึงภาระหน้าที่ของลูกเสือทุกคนที่ต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นคนดี เมื่อเข้ามาเป็นลูกเสือแล้ว จะต้องเป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย พร้อมที่จะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นในชุมชนและประเทศชาติ จะทำตนเป็นเด็กกลางถนนไม่ได้ เพราะลูกเสือเป็นคนที่พระเจ้าแผ่นดินรู้จักดีและเชื่อมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรีของเด็กคนนั้น
ในวิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะลูกผู้ชายทุกคนในสังคมปัจจุบัน ไม่มีใครที่ไม่เคยผ่านการเป็นลูกเสือมาแล้ว เมื่อเข้าเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา ทุกคนต้องเป็นลูกเสือ ลูกเสือจึงเป็นวิถีชีวิตของลูกผู้ชายเหล่านั้น หลักสูตรของลูกเสือสอนให้เขารู้จักหน้าที่ของพลเมืองดี รู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มีทั้งนิสัยใจคอ สติปัญญา และความประพฤติที่ดี อีกทั้งมีสุขภาพกายและใจที่สง่างามสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเสือ ลูกเสือจึงต้องเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมของการดำเนินชีวิต เป็นวัฒนธรรมที่มีอยู่ในสายเลือดไทยทุกคน
ลูกเสือได้กำเนิดครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ.2450 โดยท่านลอร์ดบาเดล เพาเวลล์ กิจการลูกเสือในยุคแรกมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหาร หลายประเทศที่ไม่มีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร จึงได้จัดให้มีลูกเสืออย่างประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นไม่นานกิจการลูกเสือก็ได้แพร่หลายเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ที่ตั้งกองลูกเสือขึ้นเพราะเห็นความสำคัญและประโยชน์ของลูกเสือ
สำหรับประเทศไทยในปี พ.ศ.2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองเสือป่าขึ้น เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนได้เข้ารับการอบรม โดยมีจุดประสงค์ที่จะมุ่งอบรมจิตใจให้คนไทยรู้จักรักชาติ มีมนุษยธรรม มีความเสียสละ สามัคคี และมีความกตัญญู เมื่อกิจการเสือป่ามีความก้าวหน้ามั่นคงดีแล้ว พระองค์จึงทรงพระราชดำริว่าควรจะมีการอบรมลูกเสือด้วย ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งลูกเสือขึ้นในประเทศไทย นับเป็นประเทศที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จากนั้นนานาชาติในยุโรปจึงจัดตั้งกองลูกเสือของตนขึ้น ลูกเสือกลายเป็นองค์การสากลและมีความสัมพันธ์กันทั่วโลก เป็นสื่อผูกมิตรไมตรีกันโดยใช้กฎของลูกเสือ 10 ข้อ ผูกสัมพันธ์กันไม่เว้นเชื้อชาติใด ศาสนาใดทั้งสิ้น ถือว่าลูกเสือทั่วโลกเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น
ลูกเสือกองแรกของประเทศไทยตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ( โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน ) เรียก “ ลูกเสือกรุงเทพฯที่ 1 “ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2454 เป็นต้นมา ผู้ที่เป็นลูกเสือคนแรกคือ นายชัพน์ บุนนาค เพราะสามารถกล่าวคำปฏิญาณได้เป็นคนแรก และพระองค์ได้พระราชทานเหรียญราชนิยมให้แก่ลูกเสือโทฝ้าย บุญเลี้ยง แห่งกองลูกเสือมณฑลสุราษฎร์ที่อายุ 14 ปี ซึ่งได้ช่วยชีวิตชายชราและเด็กหญิงผ่อง ให้รอดพ้นจากความตาย ต่อมาลูกเสือโทฝ้ายได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนวรศาสน์ดรุณกิจ กิจการลูกเสือได้ขยายตัวออกไปจัดตั้งที่โรงเรียนหรือสถานที่ใดสุดแต่สภากรรมการคณะลูกเสือแห่งชาติจะเห็นสมควร เด็กที่จะเป็นลูกเสือจะต้องทำพิธีเข้าประจำกอง กล่าวคำปฏิญาณตนตามคำมั่นสัญญานั้น พระองค์ผู้ทรงให้กำเนิดลูกเสือได้พระราชทานคำขวัญไว้ว่า “ เสียชีพอย่าเสียสัตย์ “ ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทย เลื่องลือยังนานาชาติว่า “ พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงใฝ่พระทัยในกิจการลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง “ ถึงกับกองลูกเสือที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามลูกเสือกองนี้ว่า “ กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม “ ซึ่งพระองค์ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ตามความประสงค์ ลูกเสือกองนี้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อทั้งสองข้างและยังปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
กิจการลูกเสือไทยได้เจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ เช่นในปี พ.ศ.2490 มีการจัดชุมนุมของลูกเสือแห่งชาติ ส่งเจ้าหน้าที่ในกองการลูกเสือไปเข้ารับการฝึกอบรมวิชาลูกเสือตามมาตรฐานสากลและตามแบบนานาประเทศ มีพระราชบัญญัติลูกเสือใช้บังคับโดยคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้บริหาร วัตถุประสงค์ของขบวนการลูกเสือได้รับการปรับปรุงและเน้นให้เห็นความชัดเจนมีความว่า “ คณะลูกเสือแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ “
ในปัจจุบันกิจการลูกเสือของไทยเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองมาก ทั้งทางด้านอุดมการณ์ ด้านการบริหาร ด้านวิชาการและด้านกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบางอย่างที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ นั้นคือกิจการลูกเสือชาวบ้าน ได้เปิดการอบรมขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2514 ณ หมู่บ้านเหล่ากอหก ตำบลแสงพา กิ่งอำเภอนาแห้ว อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ถือเป็นรุ่นแรกของประเทศไทย กิจการได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศ ปัจจุบันมีลูกเสือชาวบ้านทั่วประเทศไทยนับเป็นพัน ๆ รุ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้ประชาชนเกิดความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีความสามัคคีกัน ตลอดจนการรู้จักพัฒนาตนเอง และสังคมในชุมชนของตนให้ดีขึ้นเป็นอันมาก
ในวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุก ๆ ปีถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ หรือวันลูกเสือ กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติมีดังนี้คือ
1.ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านผู้ให้กำเนิดลูกเสือแห่งประเทศไทย
2.จัดกิจกรรมเผยแพร่ ประวัติความเป็นมาของลูกเสือและผลงานต่าง ๆ
3. ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในวันลูกเสือ
4. เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
จากเรื่องราวดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากิจการลูกเสือของไทย ได้แพร่ขยายเข้าไปในจิตใจของคนไทยมาช้านานแล้ว ลูกเสือกลายเป็นวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของสังคม เยาวชนของชาติได้พัฒนาตนเองโดยขบวนการของลูกเสือ มีโอกาสพัฒนาทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดีมีระเบียบ วินัยและความรับผิดสามารถบังคับใจตนเองได้ ชอบช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ
ฉะนั้นถ้าเยาวชนสนใจ เห็นความสำคัญของลูกเสือมาสมัครเข้ารับการอบรมกันมากขึ้น พลเมืองดีที่มีคุณภาพย่อมมีมากขึ้นตามลำดับ และถ้าเรามีผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่มีสมรรถภาพในการฝึกอบรม เข้าซึ้งถึงแก่นแท้ในวิชาลูกเสือ มีจิตวิญญาณของความเป็นลูกเสือ รักและหวงแหนในวัฒนธรรมความเป็นลูกเสือ สังคมที่วุ่นวายในโลกปัจจุบันคงจะหมดลงไปได้ เราคงไม่ได้ยินคำว่า “ โกหกเพื่อชาติ “ หรือการแตกความสามัคคีในหมู่คนไทยอีก จงสร้างลูกเสือให้เป็นลูกเสือตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งการลูกเสือไทย ได้ให้พระบรมราโชวาทไว้ว่า “ ข้าไม่ต้องการตำราเรียนที่เดินได้ ที่ข้าอยากได้นั้นคือเยาวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์สุจริต มีอุปนิสัย ใจคอดี “
โดย.. นายวันชัย กลิ่นหอม
รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอพรานกระต่าย
ไม่มีความเห็น