ประชุมหารือช่วยเหลือครอบครัวน้องศรีออน


วันที่ 11 ก.ค.52 ทางเจ้าหน้าที่คลินิกกฎหมายชาวบ้านฯ , ครูประกายดาว , ครอบครัวน้องศรีออน และญาติพี่น้อง , ตัวแทนชาวบ้าน, พระมหานิคม ได้ปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาของครอบครัวน้องศรีออน

 

เนื่องจากหน่อยต้องไปทำงานที่ลำปางทำให้ภาระการเลี้ยงลูกตกอยู่กับวิริยะทำให้ทางครูและเจ้าหน้าที่คลินิกกฎหมายรวมทั้งอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง เป็นห่วงน้องออนเป็นอย่างยิ่ง และอยากให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าและแม่ได้อยู่ดูแลลูก ดังนั้นจึงเกิดการประชุมหารือกันในวันนี้ขึ้นโดยมี พระมหานิคมเป็นประธาน เรื่องสำคัญๆ มีดังต่อไปนี้

1.  เรื่องการดูแลน้องศรีออน อยากจะให้เป็นหน้าที่แม่เป็นหลัก ได้ถามหน่อยแล้วว่าจะกลับไปทำงานที่ลำปางอีกไหม หน่อยตอบว่าไม่แล้วแต่ก็อยากให้วิริยะได้งานทำ

2.  เรื่องการทำงาน ตกลงจะให้ใครเป็นผู้ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว วิริยะตอบว่าผมเป็นพ่อและเป็นหัวหน้าครอบครัวผมจะต้องทำงานหาเงินเองครับ....โดยที่ให้หน่อยอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ถ้าเป็นไปได้อยากจะมีอาชีพเสริม และทางพระมหานิคมท่านได้รับปากจะช่วยฝากงาน จะเป็นลักษณะงานก่อสร้างให้กับวิริยะ

3.  เรื่องค่าใช้น้องศรีออนหลักๆ ก็มี1.ค่าใช้รักษาพยาบาล 2.การเดินทางไปรักษา 3.ค่าใช้จ่ายระหว่างดูแลที่อยู่ รพ. และที่ประชุมมีมัติเห็นสมควรให้เพิ่มค่าใช้จ่ายให้อีกคือ 4.ค่านมและอาหารเสริม  5.ค่าผ้าอ้อม(แพมเพิร์ท) เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระทางครอบครัว (ค่านมจะให้เดือนละ 400 บาท ค่าผ้าอ้อม จะให้เดือนละ 300 บาท รวมเป็นเดือนละไม่เกิน 700 บาท โดยครูจะเป็นผู้จัดซื้อให้) ถ้าในส่วนของผ้าอ้อมถ้าน้องออนอาการดีขึ้นและไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ก็ต้องตัดเงินส่วนนี้จะเหลือแต่นมและอาหารเสริมเท่านั้น

4.  เรื่องการรักษาอาการป่วยของน้องศรีออน ต้องตามขั้นตอนและให้อยู่ในการดูแลของหมอที่ รพ.มหาราชฯ โดยที่ต้องไปตามนัดทุกครั้งขอให้ทางญาติรับทราบและเข้าใจ และให้กำลังใจครอบครัวน้องศรีออนด้วย ต่อไปถ้าแม่หน่อยจะพาน้องศรีออนไปหาหมอวิริยะควรจะไปส่งด้วย เพราะน้องออนตัวโตและหนักลำพังแม่ไปดูแลเองจะลำบาก

5.  เรื่องอาชีพเสริมทางครอบครัวน้องศรีออนตกลงว่าอยากจะเป็นร้านเป็นตลาดสดเล็กๆ มีผักอาหารสดและแห้งและขายไก่ย่างด้วยเนื่องจากว่าบริเวณบ้านน้องศรีออนร้านค้ามีไม่มากและร้านที่อยากทำก็มีลักษณะแตกต่างจากร้านอื่นตรงที่มีอาหารสดและ ไก่ย่างหมูย่างขายด้วย....จะได้มีรายได้เสริมเพื่อใช้ดำรงชีวิตประจำวันอย่างไม่ขัดสน สรุปได้ว่าทุนในการเปิดร้านจะเอาจากเงินผู้ที่บริจาคให้น้องศรีออน(บัญชีครูประกายดาว) จำนวน 3,000 บาท

6.  เรืองการเปิดร้านจำเป็นต้องมีข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องในการประกอบกิจการ ทางครูเอี้ยงและครอบครัวยินดีที่จะบริจาคของดังต่อไปนี้ รถพ่วงสำหรับไปซื้อของจำนวน1คัน ,  ชั้นเหล็กวางของจำนวน2ตัว ,  ตู้กระจกสำหรับใส่ของชำ 1 ตัว  ,โต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร 1 ตัว ,  เก้าอี้สำนักงานสำหรับนั่งที่โต๊ะบัญชีประจำร้านค้า 1 ตัว  พี่จอยพี่เสก(กทม.)  บริจาคเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร8 ตัว, ตู้แช่เย็น 1 ตู้ (กำลังจะไปซ่อมไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่)  พระมหานิคม  ไม้อัด 3 แผ่น , สักกะสี 3 แผ่น

7.  เรื่องเงินที่มีผู้ใจบุญของติดต่อบริจาค (นักธุรกิจชาวจีน) โดยทางคุณสุเทพ ที่ปรึกษาสัมพันธ์ประเทศจีน ธนาคารกรุงเทพ ได้ประสานมาให้ทางคลินิกกฎหมายเป็นดูแล และเขียนรายละเอียดการใช้จ่ายเงินและวิธีการดูแลเงินส่วนนี้อย่างไร ......ก็จะมีกรรมการที่มาจากคลินิกกฎหมายฯ , ครูเอี้ยง, แม่น้องศรีออน, พระมหานิคม, ญาติน้องศรีออน, ตัวแทนชาวบ้าน (ซึ่งรายชื่อจะแจ้งให้ทราบอีกที) การเบิกจ่ายต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ และวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ แต่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษที่นอกเหนือวัตถุประสงค์ที่กำหนดต้องเข้าที่ประชุม และต้องมีการตรวจสอบ ฯลฯ เพื่อความโปร่งใสทุกเรื่อง

8. รถเข็นหรืออุปกรณ์ช่วยเหลือน้องศรีออน การพบคุณหมอครั้งต่อไปให้แม่ถามว่าน้องศรีออนควรจะนั่งรถเข็นได้ไหม ถ้าได้ให้คุณหมอเขียนให้ว่าต้องเป็นรถเข็นแบบไหนอย่างไร เพื่อให้เหมาะสมกับน้องและอาการป่วยด้วยนะ และทางครูและอาจารย์จะดำเนินการในขั้นต่อไปว่าจะขอรับบริจาครถเข็นมือสองดี หรือ จะซื้อใหม่ดี จะหารือกันอีกครั้งเรื่องนี้

          ขอเป็นกำลังใจให้น้องศรีออนหายวันหายคืนและเป็นกำลังใจให้กับวิริยะและหน่อยสู้ต่อไป และขอให้กิจการในอนาคตเจริญรุ่งเรือง " คิดดี ทำดี จะได้ดี" มีอะไรให้ปรึกษา ครู หรือเจ้าหน้าที่คลินิกได้ตลอดเวลา

คำสำคัญ (Tags): #11
หมายเลขบันทึก: 276086เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2009 14:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณครูเอี้ยงค่ะ

ขอให้พระคุ้มครอง ให้น้องหายเร็วๆ

เอาใจช่วยทุกคนค่ะ

ตอนที่หารือกัน แม่หน่อยมีความกังวลด้วยว่าจะขายได้ไหม แล้วจะมีกำไรไหม เกรงว่าจะมีแต่คนมาแปะไว้ไม่จ่ายเงิน ซึ่งทางพวกเราก็ได้บอกว่าคงต้องลองดูไปก่อนว่าอย่างไร

และได้มีการเสนอด้วยว่าถ้าวันไหน ยะว่างจากงานอาจขี่มอไซด์ ขายตามบ้านด้วยก็ได้ เป็นอีกทางที่จะมีกำไรมากขึ้นด้วย

ชีวิตต้องสู้ ต้องสู้ถึงจะชนะ

ครูแอ๊ดบ้านรักเด็ก

ขอบใจนะครูเอี๊ยงสำหรับกำลังใจที่มีให้กันขอให้เจริญก้าวหน้าจ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท