มันดารา


ขอเรียนเชิญกัลยาณมิตรทุกท่าน แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องมันดาลา

มันดาลา

 

              “...คำว่ามันดาลามาจากภาษาสันสกฤตมันดา (manda)’ แปลเป็นภาษาทิเบต ตรงกับคำว่า ‘dkyil’ ซึ่งหมายถึงแก่นศูนย์กลาง หรือที่นั่งโดยใช้ในความหมายควบคู่ไปกับคำว่าโพธิหรือการตื่น การบรรลุธรรม ซึ่งชี้ถึงสถานที่นั่งภายใต้ต้นโพธิ์ ที่ซึ่งการตรัสรู้อย่างสมบูรณ์ได้เกิดขึ้น ส่วนคำว่าลา (la)’ หมายถึงวงล้อที่หลอมรวมแก่น       ดังนั้นมันดาลาจึงแปลว่าที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆในขณะที่รู้แจ้งและภาพเหล่านี้จะปรากฏในมโนทัศน์ของวัชราจารย์(ครูบาอาจารย์ในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน) สำหรับคนไทยเราเรียกคำว่ามันดาลาเป็นสำเนียงไทยว่า มณฑลนั่นเอง ซึ่งก็มีความหมายสอดคล้องกัน
                 ในทางคัมภีร์แล้ว ทิเบตถือว่าทุกชีวิตก็คือมันดาลา มากกว่าจะเป็นเพียงแค่จุดของการ ตระหนักรู้   เพราะเราก็คือสิ่งแวดล้อมของเราเอง  อาจกล่าวได้ว่า มันดาลาก็เปรียบเหมือนกับพิมพ์เขียวสำหรับการบรรลุธรรม  ที่ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการปลดปล่อยตนเองสู่อิสรภาพ ที่แท้จริงเท่านั้น แต่ยังเป็นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะแวดล้อม
              โดยทั่วไป มันดาลามักจะสร้างเป็นวิหารที่มีประตู 4 ทิศ ซึ่งแต่ละทิศจะแสดงถึงพรหมวิหารทั้ง 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา และก่อนที่ผู้ปฏิบัติธรรมจะเดินเข้าประตูได้นั้น จะต้องผ่านด่านทดสอบคือกำแพง 4 ชั้น ซึ่งประกอบไปดัวย
1.กำแพงไฟแห่งความรู้อันบริสุทธิ์
2.กำแพงเพชรแสดงความแข็งแกร่งและกล้าหาญ
3.กำแพงหลุมศพแห่งการมีสติรู้
4.กำแพงดอกบัวแสดงถึงการยอมอุทิศตนต่อพุทธะ
             มันดาลาสามารถสร้างได้จากกระดาษ ผ้า หรือทรายก็ได้ โดยมักเริ่มจาก

โครงประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตแบบง่ายๆ และค่อยๆเพิ่มรายละเอียดภายในตามแต่จินตนาการหรือภาพนิมิตที่เห็น ดังนั้นการสร้างแต่ละครั้งสิ่งที่สำคัญคือจิตใจที่มีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่ กำลังสร้าง
             
พระลามะส่วนใหญ่รู้วิธีการสร้างมันดาลา เพื่อใช้ในการประกอบพิธีต่างๆ ซึ่งมักสร้าง โดยการโรยทรายผสมสี มันดาลาบางรูปใช้เวลาสร้างเป็นเดือน ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว  การสร้างมันดาลาเป็นการฝึกฝนจิตอย่างหนึ่ง  มโนจิตและสมาธิต้องดำเนินไปด้วยกัน การ สร้างมันดาลาไม่มีการร่างโครงร่างก่อน ไม่ว่ารูปเมนดาลานั้นจะใหญ่หรือเล็กขนาดใด ดังนั้นมโนจิตในมันดาลานั้นต้องเที่ยงตรง สมาธิต้องมั่นคง บางครั้งพระบางรูปจะท่องมนตราและแผ่เมตตาในขณะที่สร้างด้วย
                
ส่วนปริศนาธรรมที่แฝงมาในมันดาลานั้นก็คือ ไม่ว่าจะสมบูรณ์สวยงามหรือมั่นคง  เพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญสลายไปตามธรรมชาติ และก็เช่นกันเมื่อสูญสลายไปแล้ว ก็จะต้องถูก  สร้างขึ้นมาอีก เพราะความมีอยู่ทำให้เกิดความว่าง และความว่างก็เป็นบ่อเกิด ของความมีอยู่

              นอกจากนี้ ชาวทิเบตเองยังมีความเชื่อว่า มันดาลาสร้างโดยพระผู้มีปัญญาอันบริสุทธิ์ เนื่องจากในขณะที่สร้าง พระสงฆ์ได้อัญเชิญพลังศักดิ์สิทธิ์มาสถิตในมันดาลา ซึ่งจะ เป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่ได้มาเยี่ยมชมมันดาลา อีกทั้งยังช่วยคุ้มครองปกป้องสถานที่ซึ่งมันดาลานั้นตั้งอยู่อีกด้วยปัจจุบัน ได้มีการประยุกต์เรื่องมันดาลามาใช้ในการบำบัดรักษาโรคทางจิต โดยให้ผู้ รับการบำบัดวาดภาพมันดาลา ซึ่งเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และจิตใต้สำนึกของตัวตน ภายใน ทำให้นักจิตแพทย์สามารถเข้าใจถึงปมปัญหาของคนไข้ได้มากขึ้น มันดาลาในยุค ปัจจุบันจึงมีรูปร่างและสีสันที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ละบุคคลจะสร้างออกมา
                    อย่างไรก็ดี ภาพมันดาลาเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง บางท่านอาจสนใจเพียงความสวยงาม และความสงบสุขเมื่อได้พบเห็น แต่แท้จริงแล้วมันดาลา เป็นสัญลักษณ์ที่ถ่ายทอดสิ่งที่เป็น นามธรรมของพระพุทธศาสนาออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ความหมายที่แท้จริงซึ่งแฝง คำสอนในมันดาลาไม่ควรจะถูกมองข้ามไป และผู้ที่จะนำมันดาลาไปประยุกต์ใช้ในสาขาต่างๆ ควรมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐานทางพุทธศาสตร์โดยเฉพาะในเรื่องสุญญตา และหลักธรรมต่างๆ เป็นอย่างดีเสียก่อน และควรตระหนักอยู่เสมอถึงสาระของมันดาลา และประโยชน์ที่ได้รับต่อการปฏิบัติและการฝึกจิตในการพิจารณา...

http://www.palungdham.com/t797.html

 

 

 

ภาพวาดมันดาลา [No. 0]

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 275732เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2009 05:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 15:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สูงสุด...คืนสู่สามัญทุกวิถี  ใช่ไหมครับ

ขอบคุณครับ

มาขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันครับคุณครูตา  ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท