คณะฯของเราท่องเที่ยวด้วยกันอย่างหรรษา
เป็นเวลาเกือบ 5 วันเต็ม
(ขาดไป 1 ชั่วโมง) เนื่องจากสภาพความต่างของระดับอุณหภูมิในหัวใจ ส่งผลให้ไม่มีโอกาส
ได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน วันนี้ฤกษ์งามยามดีจึงได้ฉายภาพแห่งความทรงจำร่วมกันที่ด้านหน้า
ล็อบบี้ของโรงแรมที่พัก แต่สมาชิก 3 คนสมัครใจจะเป็นช่างภาพมากกว่านายแบบ(ก็เป็นผู้ชาย) จึงไม่ครบจำนวนอยู่ดีนั่นเอง
ออกเดินทางกลับสู่แผ่นดินใหญ่ และแวะเที่ยวชมสวนโมกข์ “สวนโมกขพลาราม”
(วัดธารน้ำไหล) ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 เพื่อเป็นสถานที่แสวง
หาความสงบและศึกษาธรรม แม้เวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานแต่คำสั่งสอนซึ่งเป็นสัจจธรรม
ของท่านยังคงความร่วมสมัย ยังจดจำได้ดีถึงเรื่องเล่าที่รับฟังต่อๆกันมา ถึงข้อความตอนหนึ่ง
จากการที่ท่านพุทธทาสได้สนทนาธรรมกับโยมท่านหนึ่งซึ่งประกอบอาชีพครู และแวะกราบ
ท่านพุทธทาสระหว่างการเดินทางไปสัมมนาทางภาคใต้ โดยเรียนท่านพุทธทาสว่า ตั้งใจจะ
มากราบท่านให้ได้สักครั้งหนึ่งเพราะเลื่อมใสศรัทธา โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้า
วัดทำบุญ ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนที่ประกอบอาชีพครูไม่จำเป็นต้องเข้าวัดทำบุญ แค่ปฏิบัติ
หน้าที่การสอนของตนให้ดีก็ถือว่าได้ทำบุญ-ทำกุศล แล้ว
เดินผ่านประตูวัดเข้ามาด้านในอย่างสำรวมอาการ และตรงดิ่งไปกราบหุ่นขี้ผึ้งของ
ท่านพุทธทาสที่ตั้งประดิษฐานอยู่ในตู้กระจกยกพื้นขึ้นมาเล็กน้อยบนเสื่อน้ำมันผืนเก่าๆ ที่ยังคง
สภาพใช้การได้แม้จะชำรุดไปบ้างก็ตามโอบล้อมไปด้วยพื้นดินแข็งภายใต้หลังคามุงกันแดด
และฝนที่เรียบง่าย
เดินไปอาคารเล็กๆที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อนำเงินใส่ซองทำบุญและรับหนังสือธรรมะ
จำนวน 1 ชุด เล่าถึงการทำบุญด้วยเงินเคยได้รับฟังว่า การทำบุญ-ทำทานเป็นการฝึกจิตใจ
ให้รู้จักเสียสละไม่ให้ยึดติดกับสมบัติภายนอกซึ่งจะก่อให้เกิดความโลภและกิเลส ไม่ใช่ทำบุญ
ด้วยเงินจำนวนมากแล้วจะได้บุญมาก หากทำแล้วเราเดือดร้อนจะได้บาปมากกว่าบุญด้วยซ้ำ
ระหว่างทางเดินไปโรงมหรสพทางวิญญาณ ผ่านลานธรรมะอันร่มรื่น มีโต๊ะหมู่
บูชาตั้ง ไว้จำนวน 1 ชุด พื้นที่โดยรอบเป็นดินสีขาวสะอาดตา รู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายที่
ไม่เน้นด้านวัตถุนิยม อาคารหรือสิ่งก่อสร้างมีเพียงเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นเอง
ซึ่งแตกต่างไปจากวัดบางแห่งที่กลายมาเป็นวัดพาณิชย์ โอ้อวดความยิ่งใหญ่จากแรงศรัทธา
ของญาติโยมด้วยอาคารสถานที่อันโอ่โถงอลังการเกินความจำเป็น เสียดายที่มีเวลาจำกัด
จึงได้แค่ชมผ่านๆ คิดเสียว่าแค่ได้มีโอกาสมาเห็นของจริง
ปณิธานในชีวิตท่านพุทธทาส ๓ ข้อ คือ
๑. ให้พุทธศาสนิกชน หรือ ศาสนิกแห่งศาสนาใดก็ตาม
เข้าถึง ความหมายอันลึกซึ้ง ที่สุดแห่งศาสนาของตน
๒. ทำความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา
๓. ดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกมาเสียจากวัตถุนิยม
http://www.buddhadasa.com/index.html
http://www.rosenini.com/suanmokkh/chaiya/index.htm
http://www.geocities.com/siamintellect/intellects/buddhadasa/biography.htm
ไม่มีความเห็น