เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ณ ห้องประชุมยกกระบัตรมณฑล อธิบดีอัยการเขต ๓ พร้อมคณะผู้บริหารได้เข้าร่วมเสวนาวิชาการ เรื่อง "ระบบการสอบสวนของพนักงานอัยการญี่ปุ่น " จากห้องประชุมชั้น ๑๑ อาคารรัชดาภิเษก สำนักงานอัยการสูงสุด โดยถ่ายทอดผ่านระบบ Video Conference มายังสำนักงานอัยการเขตทุกเขต เพื่อเป็นการพัฒนาขีดสมรรถนะและพัฒนาบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เป็นเลิศ และมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งการเสวนาดังกล่าวทำให้พนักงานอัยการได้มีความรู้ ความเข้าใจในระบบการสอบสวนของพนักงานอัยการของประเทศญี่ปุ่นยิ่งขึ้น
สำหรับความรู้เกี่ยวกับพนักงานอัยการญี่ปุ่น โครงสร้างสำนกงานอัยการสูงสุดญี่ปุ่น และอำนาจหน้าที่ โดยสรุปดังนี้
อำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยสำนักงานอัยการ (The Public prosecutors Office Law) ว่า " ในคดีอาญา พนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีอาญา ตรวจสอบการใช้กฎหมายของศาล และกำกับดูแลการบังคับคดีในคดีอื่นๆที่เกี่ยวพันกับหน้าที่ของพนักงานอัยการเมื่อเห็นว่าจำเป็นพนักงานอัยการอาจขอดูสำนวนหรือเสนอความเห็นต่อศาล และในคดีที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ พนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติในฐานะที่เป็นตัวแทนของสาธารณะพนักงานอัยการต้องปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรมเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและคุ้มครองสิทธิของประชาชนสถานะความเป็นกลางของพนักงานอัยการได้มีการรับรองโดยกฎหมาย แม้ว่าคณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานอัยการ แต่การพิจารณาโทษทางวินัยต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของพนักงานอัยการ (Committee for the Examination of Qualifications of Public Prosecutors) จำนวน 11 คน ประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภา 6 คน และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีก 5 คน
โครงสร้างสำนักงานอัยการ
ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการเขต
และสำนักงานอัยการจังหวัด
สำนักงานอัยการสูงสุด
( Supreme Public Prosecutors
Office) สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว
มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมตรวจสอบสำนักงานอัยการทั่วประเทศมีอัยการสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา
อัยการสูงสุด รองอัยการสูงสุด และ อัยการเขต (Superintending
Prosecutor) ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีและโปรดเกล้าโดยจักรพรรดิ
อัยการสูงสุดเกษียณอายุ 65 ปีส่วนพนักงานอัยการอื่นเกษียณอายุ 63
ปี
สำนักงานอัยการสูงสุด
ประกอบด้วย สำนักงานอาญา (Criminal Affairs
Department)สำนักงานกิจการความมั่นคงสาธารณะ (Public Security Affairs
Department)สำนักงานกิจการศาล (Court Affairs
Department)และสำนักงานอำนวยการ (Administration Department)
สำนักงานอาญาและสำนักงานกิจการความมั่นคงสาธารณะรับผิดชอบในการกำกับดูแลการดำเนินคดีอาญาทั่วไปและคดีเกียวกับความมั่นคงของประเทศซึ่งสำนักงานอัยการเขตและสำนักงานอัยการจังหวัดรับผิดชอบดำเนินคดีสำนักงานอัยการสูงสุดจะตรวจสอบกำกับดูแลและให้นโยบายแก่สำนักงานอัยการในท้องที่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานอัยการเขต
(High Public Prosecutor Office)
สำนักงานอัยการเขตทั่วประเทศมีทั้งหมด8 เขต รับผิดชอบคดีชั้นอุทธรณ์
และคดีสำคัญ เช่น คดีกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของผู้สมัครสมาชิกรัฐสภา
และคดีละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด เป็นต้น ในปีค.ศ. 1973
สำนักงานอัยการเขตโตเกียวได้ดำเนินคดีสำคัญและเป็นที่สนใจของประชาชนกับบริษัทน้ำมันและผู้บริหารหลายบริษัทที่ตกลงกำหนดราคาโดยฝ่าฝืนกลไกของตลาด
สำนักงานอัยการจังหวัด
(District Public Prosecutor Office)
สำนักงานอัยการจังหวัดมีทั้งหมด 50 สำนักงาน
ตั้งอยู่ในท้องที่เดียวกับศาลจังหวัด รับผิดชอบในการสอบสวน
และดำเนินคดีอาญาในเขตอำนาจของสำนักงาน ในสำนักงานอัยการจังหวัดใหญ่ๆ
จะแบ่งความรับผิดชอบคดีตามความเชี่ยวชาญ เช่น คดีอาญาทั่วไป
คดีความผิดต่อความมั่นคง และคดีประเภทอื่นๆ
อำนาจของพนักงานอัยการในการสอบสวน จับกุม
และควบคุมตัว
ตามกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจสอบสวนในเบื้องต้น
(Primary
investigation)แต่พนักงานอัยการก็มีอำนาจสอบสวนและควบคุมการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนาจสอบสวนของพนักงานอัยการมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายว่าด้วยสำนักงานอัยการ
เหตุผลสำคัญที่กำหนดให้พนักงานอัยการมีอำนาจสอบสวนเนื่องจากสถานะของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกแทรกแซงโดยการเมืองได้โดยง่าย
คดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจและตระหนักถึงความจำเป็นของอำนาจสอบสวนของพนักงานอัยการ คือ คดีรับสินบน บริษัท Lockheed ที่พนักงานอัยการได้ทำการสอบสวนและฟ้องร้องดำเนินคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรีทานากะ ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองของญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1976 ในสำนักงานอัยการโตเกียวและสำนักงานอัยการโอซาก้าได้จัดตั้งกองสอบสวนคดีพิเศษ (Special Investigation Department) รับผิดชอบในการสอบสวนคดีสำคัญต่างๆ เช่น คดีทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมืองข้าราชการและนักธุรกิจ รวมทั้งคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
พนักงานอัยการมีอำนาจจับกุมและควบคุมผู้ต้องหาโดยขอหมายจับจากศาล
ซึ่งสามารถควบคุมตัวได้ 48 ชั่วโมง
หลังจากนั้นหากจำเป็นที่จะต้องควบคุมตัวอีกต้องขอฝากขังได้ 10 วัน
และขยายเวลาได้อีก 10 วันรวมเป็นเวลาที่สามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด 22
วัน แต่ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้จับกุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการภายใน 48
ชั่วโมงหลังจากนั้นพนักงานอัยการต้องพิจารณาดำเนินการฝากขังภายใน 24
ชั่วโมง ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้จับกุม
ผู้ต้องหาจะถูกควบคุมตัวในชั้นต้น 3
วันมากกว่าการถูกจับกุมโดยพนักงานอัยการ
ความเกี่ยวพันกับการเมือง
ประเด็นที่น่าสนใจประเด็นหนึ่ง
คือพนักงานอัยการจะมีความเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างไรในเมื่อองค์กรอัยการเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหารกฎหมายว่าด้วยสำนักงานอัยการได้บัญญัติว่า"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอาจควบคุมและกำกับดูแลสำนักงานอัยการได้เป็นการทั่วไป"ซึ่งมีการตีความว่าหมายถึงการควบคุมและกำกับดูแลงานธุรการและงบประมาณแต่ไม่ใช่การควบคุมและกำกับดูแลงานการสอบสวนและงานคดี
การพิจารณาสั่งคดี
พนักงานอัยการมีอำนาจเด็ดขาดในการพิจารณาสั่งคดีตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการทำได้ 3 กรณี
คือ
1) สั่งฟ้อง
2) สั่งชะลอฟ้องแม้จะมีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหากระทำผิด และ
3) สั่งไม่ฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง
การสั่งชะลอฟ้องทำได้โดยการพิจารณาองค์ประกอบต่างๆเกี่ยวกับ
ความร้ายแรงของการกระทำผิด การบรรเทาผลร้ายของความผิดโดยผู้ต้องหา
และผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
แม้ว่ามีการสั่งชะลอฟ้องแล้วต่อมาหากข้อพิจารณาเปลี่ยนแปลงผู้ต้องหาก็อาจถูกฟ้องดำเนินคดีได้
กรณีที่มีการสั่งไม่ฟ้องแล้วห้ามมิให้สอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในเรื่องเดียวกันอีกตามหลักการดำเนินคดีซ้ำ
(Double Jeopardy) ...(จากบทความเรื่อง อัยการญี่ปุ่น ของ
สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด โดย..นายวโรจน์
ชัชวาลวงค์ และนายจุมพล พันธ์สัมฤทธิ์)
เสวนาวิชาการ ผ่านระบบ Video Conference จากสำนักงานอัยการสูงสุด
ไม่มีความเห็น