หลังฝนตก...ยังคงออกก้าวเดิน


ฝนหยุดตกสักประมาณหกโมงกว่า ... เมื่อเช้าก็ไม่ได้ออกไปปั่นจักรยานและวิ่ง แต่พอตกค่ำมาหน่อยฝนที่ตั้งเค้ามาตลอดทั้งวันก็ได้เทลง... แม้ไม่หนักมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ออกไปนอกบ้านได้ จนฝนสร่างซา ข้าพเจ้าจึงเดินออกไปดู ฟ้ากำลังจะมืด แต่หากพิจารณาดูออกไปเดินและสูดอากาศข้างนอกบ้างก็คงจะดี วันนี้ทั้งวันไม่ได้ออกไปไหนเลย ทำกับข้าวทานเอง...และนั่งเรียนรู้เรื่อง "ปฏิจจสมุปบาท" และ "อิทัปปัจจยตา" ต่อความเกี่ยวเนื่อง แถมได้เรื่องของ "โพชฌงค์7" ด้วย...การเรียนรู้แต่ละครั้งความลุ่มลึกก็ไม่เหมือนเดิม... นั่นน่ะคือ การสังสมประสบการณ์แห่งการเรียนรู้...

ข้าพเจ้าขับรถไปถึงที่หมาย...

ไม่มีคนมาออกกำลังกายเลย อาจเป็นไปได้ว่าฝนเพิ่งหยุดตก และเริ่มจะมืดแล้ว เป็นโอกาสอันดีที่ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับธรรมชาติหลังฝนนี้ได้อย่างเต็มที่ ร่องลอยของน้ำยังเจิ่งนองไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการก้าวเดิน...เพียงระวังอย่างเดียว คือ การเผลอไปเยียบกิ้งกือ...

ขณะเดินนั้น...วางเรื่องใคร่ครวญและพิจารณาไว้ก่อน

น้อมอยู่กับลมหายใจและเสียงของร่างกายที่สะท้อนว่าเราใช้งานส่วนไหนหนักเบาอย่างไร เสียดายว่า ไม่ได้แต่งชุดกีฬามา...เพียงแค่สวมใส่สบายๆ และเดินดูท่วงทำนองชีวิตหลังฝนของนก พืชพรรณ แมลงต่างๆ และสรรพชีวิต ....

การที่เราได้ออกก้าวเดินนี้นอกจากจะเป็นการเรียนรู้ทำความเข้าใจต่อร่างกายที่อิงอาศัยนี้แล้ว

ยังได้กระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ได้ทำงานได้ดีขึ้น เดินไปได้ไม่ถึงรอบความเมื่อยตัวก็คลาย อาจเป็นเพราะว่าอากาศหลังฝนตกนั้นเย็นฉุ่มช่ำจึงกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นได้เร็วขึ้น...

ขณะเดินไปนั้นตาชำเลืองเห็นกิ้งกือกำลังเดินผ่านหน้าไป...

จึงแวะคุยด้วย "เจ้าจะเกิดเป็นกิ้งกืออีกไหม...หรือว่าตายไปแล้วจะได้เกิดมาเป็นอะไรอีกนะ ...ก่อนหน้าที่มาเกิดนี้เจ้าเกิดเป็นอะไรนะ"...

เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ หากแต่...เป็นการพูดคุย...อย่างทักทาย พร้อมบอกลาว่า "ดำรงชีวิตนี้ให้ดีนะ"....

ฟ้าเริ่มมืด...

ฝนเริ่มตกปรอยๆ ลงมาอีกครั้ง...

จึงเปลี่ยนใจเดินขึ้นรถและกลับเข้าบ้าน...ทำให้นึกถึงบทธรรมบทหนึ่งที่ได้มีโอกาส ...จากการที่ได้เจอกิ้งกือนี้ ทำให้นึกถึงบทธรรมนี้ จึงมาบันทึกเก็บไว้... ==> วิถีชีวิตแห่งความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ

 

 

 

 

 

 

 



ธรรมสวัสดีหลวงปู่และสังฆะ ฉันมีคำถามเกี่ยวกับข้อฝึกอบรมสติข้อที่ 1 ที่ว่าไม่ฆ่าและ ไม่สนับสนุนการฆ่า คำถามก็คือ เราสามารถที่จะฝึกข้ออบรมสตินี่ได้มากแค่ไหน ที่จะ ไม่ให้คนอื่นฆ่า ตัวอย่างเช่น คนที่ต้องฆ่าสัตว์เพื่อยังชีพ

 

 

 

 

 

ท่านติช นัท ฮันห์

 

        ข้อฝึกอบรมสติข้อที่ 1 ก็คือการปกป้องชีวิต นั่นคือข่าวสารที่ฝากมาจากพระพุทธองค์ ให้เราเห็นว่าความรักและความกรุณานั้น เป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก และเราสามารถทำให้โลกประเสริฐและสวยงามได้ด้วยการฝึกอบรมสติข้อที่ 1 ด้วยการบ่มเพาะความรักความ เมตตากรุณา

        ในสมัยพุทธกาล บรรดานักบวชจะเข้าพรรษาเป็นเวลาสามเดือน เนื่องจากไม่อยากเดินออกไปข้างนอกบนพื้นดินที่ชื้นแฉะ และเผลอเหยียบตัวหนอน ไส้เดือนที่เลื้อยคลานอยู่บนพื้นดิน จึงทำให้เกิดเป็นประเพณีในช่วงเข้าพรรษา นี่คือวินัยที่ประทับใจและ จำได้ติดใจเมื่อตอนฉันบวชเป็นสามเณร เช่นเดียวกัน ที่หมู่บ้านพลัมเราจะฝึกปฏิบัติกับคาถาเมื่อเราตื่นขึ้น เมื่อเรากำลังวางเท้าลง เพื่อใส่รองเท้าแตะ เราจะกล่าวคาถาเกี่ยวกับการก้าวย่าง

        "ก้าวแรกของวันจากยามเช้าตรู่ถึงยามค่ำคืน ฉันพยายามดูแลตัวฉันเองและคนอื่น ทุกชีวิตก็พยายามดูแลชีวิตเขาเองและ คนอื่น หากด้วยความไม่ได้ตั้งใจ ฉันพลาดเหยียบเจ้าแมลงตัวน้อยๆ ฉันขอโทษเธอด้วยและขอให้เธอได้ไปเกิดในดินแดนสุขาวดี ในทันที"

        ฉันประทับใจในคาถานี้มาก เพราะมันเต็มไปด้วยความกรุณา แม้ในชีวิตประจำวันของเรา เราอาจเหยียบแมลงตัวเล็กๆ ที่เรา มองไม่เห็น แต่เราก็ยังขอขมา และขอให้เขาไปเกิดในดินแดนสุขาวดี แม้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่า แต่เราสามารถทำอะไรที่สามารถ ลดผลของการทำลายชีวิต เราควรจะทำเพื่อฝึกบ่มเพาะความกรุณาอยู่เสมอ ฉะนั้นในช่วงฤดูฝน นักบวชจึงไม่ออกไปข้างนอก เพื่อ จะลดการเหยียบทำลายแมลงและไส้เดือนที่อยากออกมาอยู่บนพื้นดินในหน้าฝน แต่ว่านั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะถึงแม้ว่านักบวช จะไม่ออกไปข้างนอก แต่ฆราวาสยังคงต้องออกไปจึงเป็นที่มาของการฝึกปฏิบัติของศาสนาเชน พวกเขาจะถือไม้กวาดออกไป ข้างนอกด้วย เพื่อกวาดพื้นด้านหน้าแล้วค่อยก้าวไปทีละก้าว กวาดไปทีหนึ่งแล้วค่อยก้าวไปก้าวหนึ่ง กวาดอีกทีหนึ่งแล้วก้าวไปอีก ก้าวหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เหยียบแมลงหรือสัตว์เล็กๆ ที่อยู่บนพื้น และนี่คือการฝึกปฏิบัติเคารพต่อสรรพสัตว์ชีวิต เราอาจ จินตนาการว่า หากเราฝึกปฏิบัติแบบนี้ที่กรุงปารีส ถนนฌองเอลิเซ่ หรือที่เมืองนิวยอร์ค ถนนบรอดเวย์ พวกเขาคงจะคิดว่าเราเป็นบ้า ที่เดินไปกวาดไป แต่ว่าในความคิดของเรา เราพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตด้วยวิธีรูปแบบเช่นนั้น ฉะนั้นการที่เราฝึก รับประทานอาหารมังสวิรัติ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกปฏิบัติที่จะช่วยปกป้องสรรพชีวิตเช่นกัน

        ในห้องของฉันมีหน้าต่าง ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างทุกครั้งที่ฉันทานอาหารเช้า เมื่อฉันมองออกไป ฉันเห็นป่าละเมาะเล็กๆ ซึ่งมีสรรพชีวิตมากมาย มีหลายพันชนิด ฉันมักจินตนาการถึงสรรพชีวิตเหล่านั้นว่า กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่เช่นเดียวกัน บางชนิดกินใบไม้ต้นไม้ และสัตว์บางชนิดต้องกินสัตว์อื่น และฉันคิดว่า โอ ฉันโชคดีมากที่ฉันไม่ต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อดำรงชีวิต ฉันจะพยายามปกป้องไม่ให้มนุษย์นั้นเข้าไปกินสัตว์ที่อยู่ในป่านั้น เพื่อให้ป่านั้นมีสมดุลอยู่เสมอ เพื่อให้สัตว์ในป่านั้นไม่ต้องมาถูก ฉีดด้วยฆ่าแมลง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถตระหนักรู้ได้เพื่อบ่มเพาะความกรุณาในตัวเรา

 

การฝึกปฏิบัติข้ออบรมสติ
ก็เป็นเช่นนั้น
เราตั้งใจที่จะไปทิศทางนั้น
แต่เราไม่จำเป็น
ต้องไปให้ถึงที่นั้น
เราเพียงรู้ว่า
เรากำลังไปทิศทางนั้น
เราพยายามอย่างดีที่สุด
และนั่นจะนำสันติ
มาให้แก่เธอ

 

        เราจะเห็นได้ว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ไม่สามารถฝึกได้สมบูรณ์เต็มร้อย เวลาที่เธอ ทานผักต้ม เธออาจจะคิดว่าเธอไม่ได้ทานเนื้อสัตว์ แต่เมื่อเธอต้มผัก เธอก็ได้ต้มสิ่งมีชีวิต เล็กๆ ที่มากับผักด้วย เพราะฉะนั้นในการฝึกปฏิบัติ เราไม่ได้ฝึกเพื่อให้สมบูรณ์สุดโต่ง เราฝึก เพื่อที่จะบ่มเพาะความกรุณาของเราให้ดีที่สุด ความกรุณานั้นเราไม่ได้แยกตัวเราออกมา แต่ว่าความกรุณาเกี่ยวข้องกับสรรพชีวิต กับพี่น้อง กับชาวโลกอื่นๆ การฝึกอบรมบ่มเพาะสติ ข้อที่ 1 จึงคือความสามารถมอบความกรุณาให้แก่สรรพชีวิตมากมายในโลก

        เวลาที่เธอหลงทาง เธอไม่มีเข็มทิศ เธอสามารถมองไปที่ดาวเหนือเพื่อหาทางกลับ เช่นเดียวกัน ความตั้งใจของเราตั้งใจที่จะไปทางเหนือ เราไม่จำเป็นต้องไปให้ถึงดาวเหนือ แต่เราใช้ดาวเหนือเป็นเข็มทิศบอกทาง การฝึกปฏิบัติข้ออบรมสติก็เป็นเช่นนั้น เราตั้งใจที่จะ ไปทิศทางนั้น แต่เราไม่จำเป็นต้องไปให้ถึงที่นั้น เราเพียงรู้ว่าเรากำลังไปทิศทางนั้น เรา พยายามอย่างดีที่สุด และนั่นจะนำสันติมาให้แก่เธอ ...๐

 



"ถามตอบกับหลวงปู่-จากหัวใจคนหนุ่มสาว"
วันที่ 3 พฤษภาคม 2551 หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส

 

 

ที่มา ; http://www.thaiplumvillage.org/here4u_001_008.html

 

หมายเลขบันทึก: 274257เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2009 19:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ธรรมะสวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณ
  • กับการทำให้พี่คิมมีโอกาสได้รับสิ่งที่ต้องการ
  • และตรงใจค่ะ
  • วันนี้ไม่ได้ออกกำลังกายเช่นกัน  เพราะฝนตก แต่ก็ออกกำลังกายในร่มที่บ้านค่ะ

 

มาทักทายให้หายคิดถึงค่ะ ดร.กะปุ๋ม

ขอบคุณทั้งสองท่านนะคะที่แวะมาทักทาย...แวะไปอ่านเรื่องราวของคุณกุ้งและพี่คิม...อยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ให้ความเห็นอะไรเลย...ชอบฟังมากกว่าค่ะ

 

สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วได้ไปเข้าค่ายสุขภาพวิถีพุทธกับหมอเขียว หลังฝนตกได้เดินเท้าเปล่าย่ำโคลนไปช่วยกันเก็บผักด้วย ดีจังเลยค่ะ ไม่ได้ถอดรองเท้าสัมผัสดินโคลนมานานมาก

การบ่มเพาะความกรุณาเป็นสิ่งละเอียดที่เราสามารถปลูกฝังได้แต่เยาว์วัยนะคะ คนจำนวนมากในสังคมทุกวันนี้จิตใจหยาบกระด้างเพราะไม่ได้รับการบ่มเพาะมา

ตามตดเรื่องราวที่ค่ายค่ะ ดูแล้วช่างสดชื่นมากเลยนะคะ

ทำให้นึกถึง ดร.เจคอบ-อินเดีย ที่นำวิถีทางแห่งธรรมชาติมาเยียวยาและดำเนินต่อชีวิตค่ะ

(^___^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท