ใคร!.......ทำร้ายประเทศไทย......?
มีการรณรงค์ทั่วประเทศว่า “หยุดทำร้ายประเทศไทย” “หยุดทะเลาะกัน” “สงบ สันติ” “เชิดชูสถาบันกษัตริย์”
ผมได้เห็น ได้ฟัง ได้ยินแล้ว รู้สึก งง.....งง... เอ๊ะ! ให้ใครหยุดทำร้ายประเทศไทย แล้วใครล่ะที่ทะเลาะกัน ใครที่
ต้องสงบและใฝ่สันติ แต่คำว่า “เชิดชูสถาบันกษัตริย์” นั้นไม่สงสัยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด คือคนไทยทุกคนต้องจงรักภักดีต่อ
องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช และสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันหลัก เป็นศูนย์รวมน้ำใจ
ความรัก ความสมัครสมานสามัคคีของคนไทย เป็นสถาบันที่คนไทยทุกคนเทิดทูนมาแต่ครั้งบรรพกาล
ใครล่ะที่ควรหยุดทำร้ายประเทศไทย........ในทัศนะของผมแล้ว คนที่ควรหยุดทำร้ายประเทศไทย ได้แก่กลุ่มบุคคล
ต่อไปนี้
1. นักการเมืองที่โกงกิน ต้องยอมรับว่านักการเมืองที่ดีก็มีถมไป....แต่ปริมาณของนักการเมืองทั้งในระดับชาติ
ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่นที่ลงทุนซื้อเสียง เพื่อไปคอรัปชั่นทุกรูปแบบเพื่อถอนทุนคืน โดยไม่สนใจว่าประเทศชาติ
ละฉิบหาย ล่มจมอย่างไร...ก็ช่างมัน...ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย...และดูเหมือนจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น...มากขึ้น....ทั้ง ๆ ที่ได้รับ
เงินเดือนจากภาษีของประชาชน....จึงเป็นผู้ที่ควรให้บริการหรือรับใช้ประชาชน....มิใช่ทำตัวเป็นนายของประชาชน......
2. ข้าราชการที่ทุจริต เห็นแก่ตัว จริงอยู่ครับ ข้าราชการที่ดียังมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองแต่เราลองทบทวนดูสิว่า
ในแต่ละหน่วยงาน...สถานศึกษา...มีข้าราชการที่ซื่อสัตย์...สุจริต....ไม่คอรัปชั่น......ยอมเป็นเบี้ยล่างของนักการเมืองโกง......
คอรัปชั่นเวลาราชการ.....คอรัปชั่นเงินหลวง.........เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง/ผู้มีอิทธิพล......ครูคอรัปชั่นการสอนลูกศิษย์
โดยการไม่เข้าสอน สอนไม่เต็มที่ กั๊กไว้ไปสอนพิเศษนอกเวลา หรือสอนแบบไม่เตรียมการสอน....หรือแม้แต่คนที่เป็น
ข้าราชการแต่ปฏิบัติต่อประชาชนผู้มาติดต่อหรือแม้กระทั่งปฏิบัติต่อเพื่อนข้าราชการด้วยกัน โดยยกตนข่มท่าน ติดอยู่ใน
หัวโขน......โดยลืมไปว่า........เงินเดือนที่ได้รับมาจากภาษีของประชาชน....เพราะฉะนั้นข้าราชการก็เป็นผู้ที่รับใช้
ประชาชน หรือพูดให้ดีกว่านี้....ข้าราชการคือผู้ให้บริการแก่ประชาชน
3. นักวิชาการจอมปลอม ถึงแม้ว่านักวิชาการ เป็นกลุ่มปัญญาชนที่เป็นผู้นำทางความคิด เป็นผู้รู้มากกว่า
คนอื่น ๆ ทั้งที่อาจจะได้รับการศึกษาน้อย แต่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีประสบการณ์มากจนประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังมี
กลุ่มนักวิชาการจอมปลอมที่เรียนสูงจบ ป.ตรี โท เอก เป็น Dr. จะในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม บางคนยังเป็นคน
เห็นแก่ตัว รับใช้นายทุน สนับสนุนนักการเมืองที่โกงกินประเทศชาติ
แนวคิด หลักการ ทฤษฎีส่วนใหญ่ที่นักวิชาการศึกษา อ้างอิงมาจากต่างประเทศ การนำสิ่งที่ดีมาปรับใช้ เป็น
เรื่องที่ดี แต่หากมาปรับใช้โดยหลงผิดคิดว่าดี แต่กลับมาทำร้ายประเทศชาติก็มีให้เห็นอยู่อย่างมากมาย เช่น ครั้งหนึ่ง
มีการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศเพื่อมาเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตร มีการขานรับนโยบายนี้ในระดับประเทศผ่าน
นักวิชาการ ข้าราชการและระบบการค้า ระบบทุนทั่วทั้งประเทศ ผลที่เกิดก็คือ สารเคมีต่าง ๆ ทำลายสุขภาพและชีวิต
ของคนไทย ทำลายระบบนิเวศของไทยโดยสิ้นเชิง หากนำสารเคมีฉีดไปในนาข้าว สารเคมีลงไปในน้ำ ในน้ำไม่มีปลา
ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดเหลืออยู่ น้ำเป็นพิษ บริโภคไม่ได้ ห่วงโซ่อาหารถูกทำลาย อาหารเหลือลดน้อยลง เกิดเป็นการบริโภค
อาหารจากฟาร์มแทนจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ จนขณะนี้ ต้องเร่งฟื้นฟูสภาพดิน งดใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า มาใช้ปุ๋ย
ชีวภาพ ยาฆ่าแมลงปลอดสารพิษ “ใช้พืชห่มดิน” “ดินฟื้น อุดมสมบูรณ์” “ดินฟื้น ป่าเกิด น้ำไหล ธรรมชาติสดใส
พืช-สัตว์-มนุษย์อยู่อย่างปลอดภัย มีความสุขถ้วนทั่ว”
4. ประชาชนผู้เห็นแก่เงินมากกว่าเกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากประชาชนทุกคนมีความเข้มแข็ง
มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ขายเสียง รู้เท่าทันนักการเมือง และไม่เลือกนักการเมืองที่ด้อยคุณภาพเข้าไปเป็นผู้แทนของตน
ที่สำคัญที่สุดหากประชาชนชาวไทยทุกคน น้อมนำทศพิธราชธรรม พระราชดำรัสและแนวพระราชดำริของ
องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปฏิบัติ
แต่ที่ปรากฏนั้น ประชาชนไม่รู้เท่าทันนักการเมือง หรือข้าราชการที่ด้อยคุณภาพ แม้บางคนบางกลุ่มรู้เท่าทัน
แต่เมื่อเขาให้เงิน ให้ทรัพย์สิน ก็รับไว้ก่อน รู้สึกเกรงอกเกรงใจ เพราะรัฐดูแลประชาชนไม่ทั่วถึง นักการเมืองหรือ
ข้าราชการที่เป็นทาสนักการเมืองก็อาศัยเป็นช่องโหว่ในการเข้าไปเติมเต็ม ให้ได้ผลประโยชน์เข้าตนเองหรือกลุ่มตนเอง
แจกเงิน บริจาคเงิน สิ่งของ สร้างสาธารณะประโยชน์ และอื่น ๆ ให้เห็นว่าเป็นที่พึ่งพาได้ ยามทุกข์ยากสามารถช่วยแก้
ปัญหาได้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะถูกหรือผิด มีงานศพ งานแต่ง งานบวช กฐิน ผ้าป่า งานขึ้นบ้านใหม่ ไปมาหมด บุญคุณจึง
ต้องทดแทนด้วยการลงคะแนนเสียงให้ ทั้ง ๆ ที่ ในกลุ่มข้าราชการและนักการเมืองเหล่านี้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง
และพวกพ้อง หากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนจะเป็นเรื่องที่น่ายกย่องยิ่ง
ในทัศนะของผมแล้ว ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่น่าสงสารมาก โดยเฉพาะการถูกปิดหู ปิดตา บิดเบือน
ข้อมูลข่าวสาร หรือให้รู้ความจริงไม่หมด จากสื่อที่ขาดจริยธรรม เน้นการค้าของระบบทุนมากกว่าการให้ปัญญาแก่
ประชาชนผู้บริโภคทั่วประเทศไทย
ดูจะเข้าข่ายว่า “หากทำให้คนฉลาดจะรู้เท่าทันแล้วจะปกครองยาก หากทำให้คนโง่จะปกครองง่าย”
5. รัฐบาลที่อ่อนแอ รัฐบาลที่อ่อนแอทางคุณธรรม และจริยธรรม มาจากกลุ่มพรรคการเมืองที่รวมตัวตั้งรัฐบาล
เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ปากพูดอย่าง แต่กลับทำอีกอย่าง อ้างว่าเพื่อประชาชน แต่เอาเข้าจริงแล้วก็
รวมหัวกันถอนทุนคืน และหาทุนเพื่อใช้ในการซื้อเสียงเลือกตั้งในครั้งต่อไป เดินหมาก...เกม...ทางการเมือง..ไม่รู้กี่ชั้น
ต่อกี่ชั้นเพื่อเอาชนะกันทางการเมือง.....แต่ความพินาศ ฉิบหาย เกิดกับประเทศของเรา....แล้วใครกันเล่ารับผิดชอบ.....
รัฐบาลคือกระจกส่องคุณภาพของคนไทยทั้งประเทศ
รัฐควรกำหนดนโยบายโดยนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มาเป็นตัวตั้งนำทาง โดยมีเป้าหมายที่สร้างให้คนเข้มแข็ง เมื่อคนเข้มแข็งครอบครัวก็เข้มแข็ง เมื่อครอบครัวเข้มแข็ง
ก็จะส่งผลให้หมู่บ้านเข้มแข็ง เมื่อหมู่บ้านหลาย ๆ หมู่บ้านเข้มแข็งก็ทำให้ตำบลเข้มเข็ง อำเภอเข้มแข็ง และจังหวัด
เข้มแข็ง เมื่อจังหวัดเข้มแข็งก็จะทำให้แต่ละภูมิภาคเข้มแข็ง แล้วประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เข้มแข็ง เพราะสามารถ
พึ่งพาตนเองได้ เมื่อพึ่งตนเองได้แล้ว ก็แบ่งปัน แจกจ่ายหรือจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น บ้านอื่น เมืองอื่นหรือประเทศ
อื่น ๆ .......อย่าวิ่งตามกระแสสังคมโลกมากเกินไปนัก......เจ้าของทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ถูกเขียนโดยชาวตะวันตกเป็น
ส่วนใหญ่......แต่เจ้าของทฤษฎีที่เป็นคนไทย และฝรั่งเดินทางมาศึกษา แล้วนำไปปฏิบัติ คือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งเป็น
แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา......แล้วเราผองไทย เหตุไฉนจึงยังคงมีคนไม่เห็นความสำคัญ
......จงเป็นตัวตนของเราคนไทยเองเถิด.....อย่าเดินตามฝรั่งมากนัก....จนมองข้ามรากเหง้าภูมิปัญญาของคนไทยเราเอง........
6. สื่อที่ไม่เลือกข้าง สื่อสารมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ หนังสือ วารสาร วิทยุ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ
ส่วนใหญ่มักจะนำเสนอข้อมูลแก่ประชาชนเพียงเกิดอะไรขึ้น ที่ไหน เมื่อไหร่ แต่น้อยสื่อนักที่จะให้ข้อมูลว่าอย่างไร
หรือเหตุเพราะอะไรจึงเกิดเรื่องที่มานำเสนอ บอกข้อดีข้อเสีย สื่อส่วนใหญ่เมื่อเสนอข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ไหน เมื่อไหร่
แล้วก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ชม ซึ่งกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย เพราะเกิดกรณีสื่อเสนอความจริงเพียงครึ่งเดียว จึงทำให้
ผู้ชมเข้าใจ-ตีความผิด-อย่างนี้แหละที่เป็นอีกหนึ่งตัวเสริมที่ทำให้คนไทยเป็นดั่งที่เขาว่า“คนโง่ปกครองง่าย” ไช่หรือไม่
นิยายน้ำเน่า ละครน้ำเน่า และเกมโชว์แบบปัญญาอ่อน ให้ความบันเทิงมากกว่าให้ปัญญา ซึ่งผมเห็นด้วย
ที่ต้องมีนิยาย ละคร หรือเกมโชว์ทางสื่อต่าง ๆ แต่ต้องเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ให้ปัญญาและทักษะชีวิตแก่ผู้ชมทุกเพศทุกวัย
เพื่อสร้างให้คนไทยมีความเข้มแข็งทางปัญญา
7. พ่อแม่ที่ไม่รับผิดชอบ พ่อแม่ คนสองคนตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จะด้วยความตั้งใจ หรือจำเป็น
ก็ตาม แต่เมื่อมีลูกก็ต้องดูแลรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยลูกให้อยู่ตามยถากรรม เลี้ยงลูกด้วยเงิน หรือทิ้งไว้ให้อยู่กับปู่ย่าตายาย
พี่ป้าน้าอา ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว ประเด็นนี้พูดแล้วคงยาว แต่ให้กลับไปดูในข้อที่ 5 วรรค 3 เถิดครับ ......คนเข้มแข็ง
ครอบครัวเข้มแข็ง........
8. โรงเรียนด้อยคุณภาพ เมื่อเป็นครู ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงโรงเรียน โรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
ผู้บริหาร ครู นักการ-ภารโรง นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เครือข่ายหน่วยงาน สถานศึกษา
องค์กรภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมกันบริหารจัดการโรงเรียนให้มีความเข้มแข็ง จัดการศึกษาสอดคล้องกับความต้องการ
ของทุกฝ่าย ส่งผลให้ได้เด็กที่มีคุณภาพมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คือ เป็นคนดี เป็นคนเก่ง และอยู่อย่างมีความสุข
ขอเน้นความสำคัญของตัวผู้บริหารโรงเรียน ต้องเป็นผู้นำทางวิชาการ บริหารแบบมีหลักการ และการมี
ส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จัดการศึกษาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน ให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนของชุมชนอย่าง
แท้จริง โดยมีเป้าหมายคือผู้เรียน ที่เป็นลูก ๆ ของพวกเราในโรงเรียนเป็นคนดี คนเก่ง มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข อย่าลืมว่า
ผู้บริหาร เป็นผู้นำองค์กร โรงเรียนจะอยู่จะไปก็อยู่ที่ผู้บริหารโรงเรียนเป็นสำคัญ
ส่วนครูและนักการ-ภารโรง ก็มีความสำคัญไม่ต่างจากผู้บริหาร หากมองว่าโรงเรียนเป็นเครื่องจักร ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ เครื่องจักรจะทำงานได้ก็ต้องมีส่วนประกอบครบและทำงานอย่างสอดรับกัน หากส่วนหนึ่งส่วนใดชำรุด หรือขาดหายไป เครื่องจักรก็ทำงานได้ไม่เต็มที่หรือหยุดทำงานไปเลยทีเดียว
หากโรงเรียนด้อยคุณภาพ ก็เป็นความโชคร้ายของเด็ก เยาวชน ประชาชนในชุมชน และประเทศชาติ
ของเราครับ หากโรงเรียนอ่อนแอ แล้วจะสร้างเด็กที่เป็นอนาคตของประเทศชาติให้เข้มแข็งได้อย่างไรเล่า
นี่เพียงแค่ประเด็นว่าใครทำร้ายประเทศไทยนะครับ หากทุกฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันนำพาประเทศชาติของเรา
ที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามา ให้ผ่านพ้นไปให้จงได้ คนไทยทุกคนต้องเข้มแข็ง รู้เท่าทัน
สภาวะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราจะต้องไม่ถูกใครต่อใครหลอกแบบโง่ ๆ อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องบริโภคข้อมูลข่าวสารมากกว่า 1 ช่องทาง หากดูทีวีก็ขอให้ดูทีวีมากกว่า 1 ช่อง รับข้อมูลจากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งจากฝ่ายที่ตนเองชอบหรือไม่ชอบก็ตามนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นองค์ความรู้ของเราเอง เมื่อตัวเราเข้มแข็ง ประเทศชาติของเราก็เข้มแข็งครับ
คนที่ทำร้ายประเทศไทย ยังมีอีกหลายกลุ่ม พูดในที่นี้คงไม่จบสิ้น แต่ในกลุ่มคน 8 ข้อดังกล่าวข้างต้นนั้น
ในทัศนะของผมแล้วข้อกลุ่มคนในข้อ 6 ทำร้ายประเทศไทยมากที่สุด เพราะถ้าสื่อเสนอข่าวอย่างมีคุณภาพ เป็นกลาง
การเป็นกลางหมายถึงไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด แต่หากเป็นเรื่องถูก-ผิด สื่อต้องวิเคราะห์พร้อมทั้งชี้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใด
ผิด คำว่าเป็นกลางของสื่อมาจากตำราของต่างประเทศไม่ใช่หรือครับ แต่สื่อที่แท้จริงต้องเป็นสื่อที่นำความสว่างทาง
ปัญญามาให้แก่ผู้บริโภค ต้องนำเสนอข้อเท็จริง ไม่บิดเบือน กล้าหาญทางจริยธรรม ชี้ถูก-ผิด ส่วนผู้บริโภคจะเชื่อตาม
หรือไม่ก็อยู่ที่สติปัญญาของแต่ละบุคคล ขอย้ำว่า สื่อต้องเลือกข้าง คำว่าเลือกข้างคือต้องนำเสนอข้อมูลจนถึงว่าฝ่ายใด
ถูก-ผิดในทัศนะของสื่อ หากเมืองไทยมีสื่อประเภทนี้เยอะ ๆ แล้ว ปัญหาต่าง ๆ จะลดน้อย หรือไม่มีเลยก็อาจเป็นได้
อย่างไรก็ตาม ขอเราแต่ละคนอย่าประพฤติชั่ว และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน ก็จะเป็นวิถีทางที่ประเทศไทย
จะไม่ถูกทำร้ายอีกต่อไปครับ
ติดตามประเด็น “หยุดทะเลาะกัน” ในโอกาสต่อไปนะครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
ทำไมเหมือนกับ .... http://gotoknow.org/blog/wasanpanya4/274156
ขอบคุณครับ
มีผู้แนะนำให้มาแสดงไว้ที่นี่ด้วยครับ เพราะมันเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้วยครับ
เอ่อ... ที่พูดมาดีมากนะครับ
เสียดสีได้ทุกอณู
รู้สึกจะเป็นกลางนะ
แต่ยังไงผมก็ยังต้องเลือกข้างอยู่ดีล่ะนะ เพราะเจอมากับตัวแล้ว ว่าใครพูดจริงพูดโกหก
แต่เรื่องการขายเสียงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจนะว่าคนไทยถือเรื่องบุญคุณ รับเงินเขามาแล้วถ้าไม่เลือกก็กลัวบาป ถ้าไม่รับเงิน เขาก็รู้ดิว่าเราไม่เลือกเขา เรื่องนี้เกิดกับคนอีสาน เป็นส่วนใหญ่ ที่จริงเขาไม่ได้โง่ แต่เขาเป็นคนดีเกินไปต่างหาก แล้วก็มีนักการเมืองเลวๆไปด่าเขาว่าโง่ ไม่เคยดูตัวเองเลย
ดังนั้นต้องเริ่มที่นักการเมืองที่ต้องไม่ซื้อเสียง จบ