สมัยที่ฉันยังเด็ก คุณแม่จะพาลูกๆ ไปปิกนิกกลางทุ่งนา เพราะหลังบ้านมีพื้นที่ติดกับนาข้าว
กินกันกลางทุ่งนาจริงนะคะ เพราะเป็นนาช่วงหลังเก็บเกี่ยวไปแล้ว จึงเหลือแต่ตอต้นข้าวเตี้ยๆ ซึ่งคุณแม่จะให้คนงานนำเสื่อไปปูทับลงไป พอแดดร่มก็ลำเลียงอาหารไปวางบนเสื่อให้ลูกๆ กิน สลับกับการเล่นว่าวไปด้วย
บางครั้งคุณแม่ก็พาลูกๆ ไปปิกนิกริมทะเล ปูเสื่อบนหาดทราย ปล่อยให้ลูกเล่นน้ำทะเลกันตามสบาย หิวเมื่อไหร่ก็ขึ้นมากิน โตขึ้นจึงได้รู้ว่านี่เป็นแผนอันชาญฉลาดของคุณแม่ที่จะหัดให้ลูกๆ กินอาหารต่างๆ ที่ตามปกติแล้วเด็กๆ มักไม่ชอบกิน อย่างเช่น แกงขี้เหล็ก ผัดผัก เพราะเวลาเล่นน้ำขึ้นมาหิวๆ อะไรที่คุณแม่ตักใส่จานให้ ล้วนกินอร่อยสุดสุดไปซะทั้งนั้น
เวลาเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ คุณแม่จะเตรียมอาหารไปเองทุกครั้ง ไม่เคยซื้ออาหารตามร้านเลย ลูกหิวเมื่อไหร่ก็จอดรถ แวะศาลาริมทางซึ่งมีตั้งเรียงรายอยู่ข้างถนนเป็นระยะๆ เพื่อปิกนิกกัน บางทีก็แวะตามวนอุทยานหรือสวนป่า
วันเวลาผ่านไป... บรรยากาศการกินแบบปิกนิกริมทางก็หายไปจากชีวิต จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ฉันมีโอกาสพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวแบบเรื่อยเปื่อยไร้แผน แถวจังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท อุทัยธานี ได้เห็นนาข้าวสีเขียวสดสองข้างทางและศาลากลางทุ่ง ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ขึ้นมาทันที
หลังจากแวะปฏิบัติการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่ตลาดสามชุกร้อยปีสุพรรณบุรีแล้ว ระหว่างเส้นทางไปบึงฉวาก ฉันเห็น “ขนำ” อยู่ริมทาง รีบเอ่ยปากชวนเพื่อนว่าจอดกินข้าวที่ “ศาลา” ไหม?
ทุกคนเห็นด้วยค่ะ ช่วยกันหอบของกินที่ซื้อมา ไปนั่งกินกันในขนำ โดยมีทุ่งนาสีเขียวสวย พร้อมลมพัดโกรกเย็นสบายเป็นของแถม
ระหว่างกินก็เปิดอภิปรายว่าที่นั่งกันอยู่นี้เรียกว่า “ขนำ” แต่เพื่อนบอกว่าเรียก “เถียงนา” ก็ได้ พอกลับบ้านมาเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตดูก็ได้ความอย่างนี้ค่ะ
ขนำ [ขะหฺนํา] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น.
กระท่อมชั่วคราวในทุ่งนาเป็นต้น
เถียง (ถิ่น–อีสาน) น.
เรือนพักชั่วคราวในทุ่งนาสําหรับอยู่เฝ้าข้าว
ขนำหรือเถียงนา จึงเป็นคำที่ใช้เรียกที่พักของเกษตรกรซึ่งออกไปทำงานประจำวัน เช่น ชาวนาที่ออกไปทำนา ต้องใช้เวลาอยู่กับนาเกือบทั้งวัน จึงต้องมีที่พักเหนื่อยหลบแดดและความร้อน โดยทั่วไปมักสร้างเป็นเพิงพักง่ายๆ สำหรับอาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว ยกพื้นสูง ไม่นิยมกั้นฝา
เถียงนาหลังที่ฉันแวะเข้าไปใช้บริการโดยพลการ ก็มีลักษณะดังกล่าว ตัวหลังคาไม่ได้มุงจาก แต่มุงสังกะสี ใต้หลังคามีจานและช้อนสังกะสีเสียบอยู่ตรงขื่อ ข้างเสามีกระติกเปล่าๆ ชนิดที่เอาไว้ใช้ใส่น้ำแข็งวางอยู่หนึ่งใบ ไม่เห็นเจ้าของขนำอยู่บริเวณนั้นแต่อย่างใด
หลังจากอิ่มกายและนั่งพักซึมซับบรรยากาศจนอิ่มใจแล้ว เราช่วยกันเก็บกวาดดูแลสถานที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบจนสะอาดเรียบร้อย แล้วพากันพูดกับเถียงนาโดยพร้อมเพียงกันว่า “ขอบคุณค่ะ” ก่อนเดินทางต่อ
หากมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย ลองจัดให้ตัวเองได้สัมผัสกับการปิกนิกแบบไทยแถวๆเถียงนาดูบ้างนะคะ รับรองว่าเป็นประสบการณ์ที่โดนใจแน่นอน แต่ต้องระลึกไว้ว่าเถียงนาไม่ใช่สมบัติสาธารณะเหมือนศาลาริมทาง อาจจะโดนข้อหาบุกรุกได้
นึกถึงบรรยากาศ ลมพัดเย็นสบาย ทุ่งนาเขียวขจี เพราะตอนนี้เป็นฤดูฝน ชาวนากำลังทำนา อาหารมื้อนั้นคงอร่อยมากเลยใช่มั๊ยคะ
อาจารย์ทั้งสามท่านน่ารักดีค่ะ / จากลูกศิษย์ที่เคยเรียนกับอาจารย์ค่ะ
อาจารย์คะ พื้นเดิมหนูเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ สมัยหนูเด็กๆ ในยามหน้านาก็จะลงนา ก็จะนำสัมภาระในการประกอบอาหารมื้อเที่ยงไปเก็บไว้ที่เถียงนา ส่วนใหญ่ก็จะนำแต่ข้าวเหนียวนึ่งไป อาหารมื้อเที่ยงก็จะช้อนปลา ช้อนหอยกินกัน เก็บผักบุ้งในหนอง เก็บพริกในสวนมาทำน้ำพริก การทำอาหารก็ไม่ได้พิถีพิถันมากแต่รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
* มาแสดงความยินดีที่เถียงนาสุพรรณ ได้มีโอกาสต้นรับค่ะ
*โอกาสหน้าเชิญ แวะเที่ยวตลาดร้อยปีบางปลาม้าบ้างนะคะ บรรยากาศเก่าๆ ยังเหลืออยู่หลายแห่งค่ะ
* สุขกายสุขใจค่ะ