เกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะใหม่ : ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้


การศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้

          วงการครูกำลังรอเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะใหม่ และหวังว่าเกณฑ์ใหม่จะสร้างความก้าวหน้าให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงโดยมีความก้าวหน้าเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆที่เป็นผู้สร้างสังคมของประเทศ      

         ทราบว่าที่ประชุมก.ค.ศ.ได้เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ โดยให้มีผลยื่นคำขอหลักเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่นี้ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป

คุณสมบัติของผู้เข้ารับการประเมิน

  • ครูชำนาญการ  ดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ ปี ๔ ปี ๒ ปี สำหรับวุฒิปริญญาตรี โท และเอกตามลำดับ  และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ

  • ครูชำนาญการพิเศษ  ดำรงตำแหน่งครูชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ

  • ครูเชี่ยวชาญ  ดำรงตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี หรือครูชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ

  • ครูเชี่ยวชาญพิเศษ  ดำรงตำแหน่งครูเชี่ยวชาญมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี และได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบจากการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน และมีผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ย้อนหลัง ๒ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ

องค์ประกอบในการประเมิน

  • ด้านที่ ๑ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ  พิจารณาจากข้อมูลของบุคคลและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกสารหลักฐาน คือ ก.พ.๗, คำรับรองของผู้บังคับบัญชาและกรรมการสถานศึกษา และเอกสารหลักฐานที่แสดงการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ

  • ด้านที่ ๒  ด้านความรู้ความสามารถ    พิจารณาจากเอกสารหลักฐานในการพัฒนาตนเองและงานในหน้าที่ ๒ ส่วน คือ  ๑) เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในสาขาหรือกลุ่มสาระที่รับผิดชอบหรือในงานที่รับผิดชอบ เช่น วุฒิบัตร เกียรติบัตร หรือใบรับรองการผ่านทดสอบความรู้จากสถาบันวิชาการที่ ก.ค.ศ.รับรอง เป็นต้น  ๒) เอกสารหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน เช่น แผนการสอน สื่อการสอน แฟ้มสะสมผลงาน เป็นต้น

  • ด้านที่ ๓ ด้านผลการปฏิบัติงาน  
    - ชำนาญการ  พิจารณาผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้
    - ชำนาญการพิเศษ  มี ๒ ส่วน คือ
         ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้
         ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๑ รายการ
    - เชี่ยวชาญ  มี ๒ ส่วน คือ
         ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้
         ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๒ รายการ ซึ่งต้องเป็นงานวิจัยอย่างน้อย ๑ รายการ
    - เชี่ยวชาญพิเศษ  มี ๒ ส่วน คือ
         ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และหรือผลการทดสอบจากหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีการพัฒนาด้านการเรียนรู้และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพ และสภาพของงานด้วย และอาจพิจารณาจากการปฏิบัติจริงด้วยก็ได้
         ส่วนที่ ๒ ผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาค้นคว้าหรือผลการวิจัยในชั้นเรียนที่มีจุดหมายในการแก้ปัญหาด้านการเรียนของผู้เรียน มีการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนไม่น้อยกว่า ๒ รายการ ซึ่งต้องเป็นงานวิจัยและพัฒนาอย่างน้อย ๑ รายการ

การปรับปรุงผลงาน

กรณีที่ ก.ค.ศ. เห็นสมควรให้ปรับปรุงผลงานทางวิชาการ ให้ปรับปรุงได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ ไม่เกิน ๖ เดือน ครั้งที่ ๒ ไม่เกิน ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ สพท.ได้รับหนังสือแจ้งมติจากสำนักงาน ก.ค.ศ. โดยส่งให้คณะกรรมการชุดเดิมพิจารณา หากไม่ส่งภายในกำหนดถือว่าสละสิทธิ์

เกณฑ์การตัดสิน

ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ต้องได้คะแนนแต่ละด้าน ดังนี้

 

 

ชำนาญการ

ชำนาญการพิเศษ

เชี่ยวชาญ

เชี่ยวชาญพิเศษ

 

 

 

ด้าน ๑

ต้องได้คะแนน
แต่ละด้านจากกรรมการ
ทั้งสามคน
เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ๖๕%

๗๐%

๗๕%

๘๐%

 

 

 

ด้าน ๒

๗๐%

๗๕%

๘๐%

 

 

 

ด้าน ๓

ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๖๕%

ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๗๐%

ส่วนที่ ๑ ไม่ต่ำกว่า ๗๕%

 

 

 

ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๖๕%

ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๗๐%

ส่วนที่ ๒ ไม่ต่ำกว่า ๗๕%

 

 

 

คะแนนรวมทั้งสองส่วน
ไม่ต่ำกว่า ๗๐%

คะแนนรวมทั้งสองส่วน
ไม่ต่ำกว่า ๗๕%

คะแนนรวมทั้งสองส่วน
ไม่ต่ำกว่า ๘๐%

 

 

 

 

 

ต้องผ่านเกณฑ์เป็นเอกฉันท์ทั้ง ๓ ส่วน

 

 

วิธีการ

  • ให้ยื่นคำขอได้ปีละ ๑ ครั้ง ช่วงเวลาใดก็ได้ เพราะความพร้อมของครูต่างกัน กรณี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาไม่อนุมัติ มีสิทธิ์ส่งคำขอใหม่ในปีถัดไป กรณีเกษียณอายุราชการให้ยื่นคำขอก่อนเกษียณฯ ไม่น้อยกว่า ๖ เดือน

  • คณะกรรมการประเมิน
    -
    ชำนาญการ  ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะกรรมการประเมินจำนวน ๓ คน ประกอบด้วย ผอ. สถานศึกษาของผู้ขอรับการประเมิน ผู้ทรงคุณวุฒินอกสถานศึกษา และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการ ประเมินทั้ง ๓ ด้าน
    - ชำนาญการพิเศษ  ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะกรรมการประเมินจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.เห็นชอบจำนวน ๓ คน ตามสัดส่วนที่ ก.ค.ศ.กำหนด ประเมินทั้ง ๓ ด้าน
    - เชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ   ให้ ก.ค.ศ. ตั้งคณะกรรมการประเมิน จำนวน ๓ คน ประเมินทั้ง ๓ ด้าน

  • ขอข้ามวิทยฐานะ (Fast Track) จากชำนาญการ เป็นเชี่ยวชาญได้

ในส่วนของเงินวิทยฐานะชำนาญการได้รับเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท ส่วนวิทยฐานะตั้งแต่ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญพิเศษ จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเป็น ๒ เท่าจากอัตราเดิมตามมติ ครม. โดยชำนาญการพิเศษได้รับเดือนละ ๑๑,๒๐๐ บาท เชี่ยวชาญเดือนละ ๑๙,๘๐๐ บาท และเชี่ยวชาญพิเศษ เดือนละ ๒๖,๐๐๐ บาท ขณะเดียวกันหากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้เงินวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ ๓๑,๐๐๐ บาท

           จึงขอให้ครูและบุลากรทางการศึกษาได้ศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวในการจัดทำผลงาน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ ....ความตั้งใจจริง จะประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง" และ "คนก้าวยาว ย่อมถึงก่อน คนก้าวยาวและก้าวไม่หยุด ย่อมถึงก่อนอีก" ขอให้กำลังใจ

คำสำคัญ (Tags): #วิทยฐานะ
หมายเลขบันทึก: 273273เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2009 20:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

  • มาเป็นกำลังใจกับคุณครูคนเก่งค่ะ
  • ท่านสบายดีนะคะ

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับความรู้ครับ

ที่ผ่าน ๆ มา ผมสังเกตเห็นว่า คุณครูส่วนหนึ่งก้าววววววววววว ยาวววววววววววว มาก ๆ และไม่ยอมหยุดดูคนที่เดินตามหลัง "ซึ่ง...ก็คือลูกศิษย์ตาดำ ๆ ของคุณครูเหล่านั้น นั่นเอง"

เมื่อท่านเดินก้าวหน้าไปแล้วก็อย่าลืมเหลียวมองคนข้างหลังก็แล้วกัน ได้โปรดอย่าทิ้งเขาเลย

จะบอกได้เต็มปากหรือไม่ว่า ครูได้เลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นก็เพราะว่าครูทุ่มเทให้กับเด็กจริง ๆ

เลื่อนขั้น 8 % ท่านพอรู้ไหมว่า เป็นการขยายเพดาน หรือทุกคนที่อยู่ในช่วงที่ได้กำหนดไว้ได้เลื่อนครับ

สงสัยมากๆ ขอขอบคุณครับท่านผอ.

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท