หลอดไฟไม่สว่าง

การที่ไฟฟ้าดับมันทำให้เรารู้สึกได้ถึงการพึ่งพา

เมื่อวานไฟที่บ้านดับประมานสามครั้งได้ ที่จริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่ไฟฟ้าดับเพียงแคไม่กี่นาทีเท่าที่สัมผัสได้ คือ ตอนนั้นกำลังทานข้าวอยู่ กำลังอร่อย ก็เลยต้องหยุดทานข้าว จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับที่หากเรากำล้งทำอะไรอยู่อย่างเพลิน เมือ่มีอะไรมาทำให้กิจกรรมนั้นหยุดอย่างกระทันหันเราก็จะมีความรู้สึกไม่ดี บางคนถึงกับหงุดหงิด...แต่เมื่อได้เทียนมาก็จุดเพื่อให้แสงสว่างแล้วก็พากันนั่งทานข้าวต่อ...ก็ได้พูดกับเพื่อนที่นั่งทานด้วยว่า..แบบนี้บ้างก็ดีน๊ะ...."ในสมัยที่ผมเป็นเด็กที่บ้านไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เวลาทานข้าวหรือ ทำการบ้านอ่านหนังสือก็ต้องอาศัยเทียนหรือไม่ก็ตะเกียง การดำเนินชีวิตก็ปกติดี พอถึงเวลาเข้านอนเราก็เข้านอนได้ พัดลมก็ไม่ต้องเปิด เปิดหน้าต่างเอา เช้ามาก็ตื่นโดยอาศัยเสียงไก่ขัน ถ้ามันขันครั้งที่ 5 นั่นแสดงว่า ตอนนี้เวลา ตี 5 แล้ว เตรียมตัวลุกจากที่นอน(ทุกวันนี้เขามีนาฬิกาปลุก หรือ โทรศัพท์ปลุก) ทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ"....ปัจจุบันไฟฟ้าเข้ามาแทนที่ ตะเกียง แสงเทียน วิถีชีวิต การดำเนินชีวิตก็ค่อยๆเปลี่ยนไป....ตอนนี้ตะเกียงที่บ้านไม่มีให้เห็นแล้ว เทียนจะใช้ก็ต่อเมื่อมีวันสำคัญทางศาสนา... จนเราเองไม่รู้สึกตัวเลยว่าไฟฟ้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีพของเราไปแล้ว.....ไฟฟ้าดับ ร้านเกมส์ขาดทุน ร้านอินเตอร์เนตไม่เปิด ของแช่เสียหาย พนักงานที่กำลังทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย มีผลต่อการทำธุรกิจ ต่างๆ นาๆ ผลกระทบ......ถ้าประเทศไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ล่ะ....เช่นอยู่ๆ ก็หมดไปเฉยๆ ตอนที่เรากำลังนอนหลับอยู่ แต่พอตื่นเช้ามาไฟฟ้าไม่มีให้ใช้แล้ว......คุณรับได้ไหมกับการที่จะต้องอยู่กับตะเกียง แสงเทียน...มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เราต้องลดการพึ่งพาเทคโนโลยีลงบ้าง...อย่ามัวแต่ลุ่มหลงไปกับการแสวงหาความต้องการทางวัตถุ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณค่าและการยอมรับทางสังคม...

[ไผ่ไม่มีกอ]

ไก่มันเก่งน่ะค่ะ

มันรู้ด้วยว่าสว่างแล้ว

พอสว่างมันจะขันทุกทีเลย