เสียงเพลง One More Time ปลุกผมตื่นจากเตียงนอนที่แสนสบาย
ตีสี่ครึ่ง คือเวลาที่ตั้งใจจะออกปั่นจักรยานสัมผัสบรรยากาศ ยามรุ่ง
ความมืดยังปกคลุมไปทั่ว ขณะที่ผมปั่นออกจากที่พัก ออกมาได้แค่เพียงโค้งเดียว
พบเจอกับสมาชิกก๊วนจักรยาน 3 คัน ที่ปั่นตามหลังกันมา มีแสงไฟติดรถนำทาง
คนคุ้นเคย อย่างพี่อมร นำขบวนมา ...
กล่าวทักทายกันพองาม ผมก็นำพารถต่อท้ายขบวน ... ตามหลัง..ลุง
นานนักแล้วที่ปั่นอยู่เดียวดาย ปั่นบ้างบางวัน ไม่ปั่นเป็นหลายวัน
ตรู่เช้านี้ เจอกับคนคุ้นเคย ที่ปั่น บ่อย ๆ ตามหลังซะหน่อย
ระยะ 10 กิโลแรก ผมยังรู้สึกกระชุ่มกระชวย ตามหลัง ลุง อย่างสบาย
ระยะ 10 กิโล หลังจากนั้น เริ่มรู้สึกหนัก หน่วงที่ขาอย่างไรไม่รู้ ตะคริวเริ่มจับที่ปลายมือ
ความเร็วลดลงเรื่อย ๆ ... หลังของลุง เริ่มหายไป จนมองเห็นเพียงจุดเล็ก ๆ
นั่นหมายความว่า หลังลุง อยู่ห่างผมไป อย่างน้อย 1 กิโลเมตร
นึกทดท้อกับชีวิตในบัดดล
ลุง ... อายุ ไม่ต่ำกว่า 60 ปี ผม เริ่มย่าง 31
ลุง... ใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ ไม่ต่ำกว่า 25 กม. ต่อ ชม. ผม ความเร็วลงลงเรื่อย ๆ ถึงขั้น คลาน
ความทรงจำจาง ๆ ผุดขึ้นในมโนภาพ
2 ปีก่อน ผมปั่นอย่างน้อย วันละ 50 กม. ความเร็วอยู่ในระดับ 28 - 35 กม. ต่อ ชม.
ลุง ... ปั่นหลังสุด จนต้องประคอง เวลา ออกทริป
เพลานี้ ... ภาพกลับด้าน เสียแล้ว
ตระหนักรู้ภายในใจทันที ... โอ้เรา.. ทิ้งมานานเกิน จน "เสียซง" (ภาษาใต้ แปลว่า เพลี่ยงพล้ำ)
ไม่รู้ว่าเมื่อใหร่ ภาพเดิม จะกลับมาอีก อยู่ที่ความมุ่งมั่นส่วนตัวแล้วซิ
ผมจะตามหลัง ... ลุง เพียงแค่ 3 วัน เท่านั้น
หลังจากนั้น จะไม่อยู่ร่วมขบวนกับ ลุง เด็ดขาด ฮา !!!
ไม่สิ ผมต้องมุ่งมั่นมากกว่านี้ ไม่กี่วันนับจากนี้ ภาพเดิมกำลังจะกลับมา
ผมจะเริงร่าอยู่บนหลังอาน ให้โลกได้ชื่นชม
สบายดีน้า
ดูแล้วน่าจะสดชื่น
ดึใจที่น้องมีความสุข
พี่เม
หายไปนานเลยนะ...เขียนบ่อยๆละ จะเข้ามาอ่านจ้า..