ตั้งบรรเจิดสุข
อัญชลี คุณนายตั้ง ตั้งบรรเจิดสุข

พาลูกไปสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ(ความถนัดทางวิทยาศาสตร์)


เราเห็นผู้ปกครองหลายคนผลักลูกลัดคิวแทรกเข้ามาทั้งๆที่ท่าทางลูกไม่อยากทำ ก็ใช้วิธีการดึงแขนเสื้อลูกให้แทรกเข้ามา ซึ่งไม่น่าดูเลย เด็กยังคิดได้ทำไมผู้ใหญ่คิดไม่ได้ก็ไม่รู้

            เมื่อวานนี้ 27 มิย.52 ประมาณ 5โมงเย็น ลูกโทรมาบอกว่าเรื่องที่พรุ่งนี้จะไปสอบคณะวิทยาศาสตร์ จุฬา เพื่อนไม่รู้สื่อสารกันอย่างไร ปรากฏว่าทั้งทีมต้องไปกันเอง สรุปเป็นอันว่าเราและสามีต้องพาลูกชายไปสอบวันพรุ่งนี้ที่อิมแพค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1  เอง เราก็เลยคุยกับลูกว่าให้โทรถามเพื่อนที่ไปสอบว่าตอนขากลับหลังสอบวิชาสุดท้ายแล้วให้ลูกเกาะรถเพื่อนกลับด้วยคนได้หรือเปล่า ปรากฏว่าเพื่อนลูกชื่ออรุษฆ์ นะลำเลียง ลูกชายทันตแพทย์สมยศ ทันตแพทย์หญิงรจนา นะลำเลียง จะรับกลับให้ ก็โอเค เรากับสามีก็เริ่มวางแผนกันว่าต้องออกเดินทางกี่โมงเพื่อให้ทันเข้าสอบ ก็ตกลงกันว่า ออกประมาณ ตี4 ครึ่งก็ทัน ตื่นเช้าเราก็ออกเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ ถึงเมืองทอง 6โมง50 พอดิบพอดี เราก็บอกสามีตอนจะเลี้ยวเข้าไปในอาณาเขตจอดรถว่า ให้ไปจอดตรงปากทางออก ที่ใกล้ทางออกมาที่สุด เพราะประสบการณ์ตอนพาลูกไปสอบเข้าเตรียมอุดมยังฝังใจเลยว่าติดเหง็กออกไม่ได้ประมาณ เกือบ 2 ชั่วโมง  ครั้งนี้ต้องถอดบทเรียนจากครั้งที่แล้วเพราะครั้งนี้เช้าสอบที่เมืองทองบ่าย2 ต้องรีบพาลูกไปสอบอีกวิชาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (ไม่รู้มหาวิทยาลัยทำไมจัดสนามสอบแบบนี้)ถ้าขืนอยู่ลึกๆแบบครั้งที่แล้วเสร็จแน่ไปไม่ทันแน่นอน พอเลี้ยวไปตอนรับบัตรก็ถามพนักงานเขาเลยว่าใกล้ทางออกที่สุด อยู่ล็อคไหน เขาบอกว่าในสุดโซนสีชมพู ว้าวรีบบึ่งไปเลย พอลงจากรถสามีก็ไปถามพนักงานรปภ.ว่าตอนออกจากตรงนี้จะขึ้นทางด่วนแบบไหนไปใกล้ที่สุด โอเค เรียบร้อยข้อมูลเพียบ พาลูกไปนั่งกินข้าวที่เต้นท์หน้าอาคารสอบ ก็เป็นข้าวหมูทอด แต่เหมือนหมูต้มใส่กระเทียมมากกว่า ก็บอกลูกว่ากินไปเถอะ ไม่หิวก็ต้องกิน เพราะกว่าจะเลิกสอบวิชาแรกปาเข้าไปเที่ยงเดี๋ยวจะหิวแย่ เสร็จเราก็พาลูกไปเตรียมตัวเข้าห้องสอบ เขาให้เด็กนักเรียนแถวเรียงหนึ่งแล้วเดินเข้า เราเห็นผู้ปกครองหลายคนผลักลูกลัดคิวแทรกเข้ามาทั้งๆที่ท่าทางลูกไม่อยากทำ ก็ใช้วิธีการดึงแขนเสื้อลูกให้แทรกเข้ามา ซึ่งไม่น่าดูเลย เด็กยังคิดได้ทำไมผู้ใหญ่คิดไม่ได้ก็ไม่รู้  จากนั้นเราก็นั่งแท็กซี่ไปหาลูกสาวและซื้อเสบียงไว้ให้ลูกชายกินระหว่างเดินทางไปสอบอีกที่หนึ่ง  กลับมาเมืองทอง11.30 เจอคุณหมอสมยศ ยืนอยู่ คุณหมอก็บอกว่าจะรับลูกเราพร้อมกับลูกชายคุณหมอไปสอบที่ม.ราชภัฎสวนดุสิตให้ เราก็รอลูก อรุษฆ์มาแล้วประมาณ12.10  รอลูกชายเราจนเที่ยง20 ยังไม่โผล่ สามีเลยบอกให้คุณหมอสมยศไปก่อนไม่ต้องรอลูกแต่ขากลับฝากรับกลับด้วย  เรารอจน 35 ก็ยังไม่มา เอ./มันชักอย่างไงแล้วโทรฯก็ไม่มีสัญญาณ  สามีบอกว่าลูกเราเป็นคนใจเย็น (อาจารย์ Home Room สมัยม.5เขาบอกว่าเป็นเด็กใจเย็น สบายๆแต่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก)เราก็คิดว่าเย็นขนาดนี้มันเย็นเจี๊ยบไปมั่งลูก หรือว่ากระเป๋าลูกหายเพราะเขาไม่ให้เอาเข้าไป  สามีทนไม่ไหวชวนเราไปดูลูกเราก็บอกว่าไปเถอะตั้งรับตรงนี้ดีกว่าเดี๋ยวลูกมาจะหาไม่เจอไปกันใหญ่ สักพักสามีโทรมาบอกว่าตรงนี้เขายังไม่ปล่อยเพราะแจกข้อสอบช้าจะปล่อยประมาณ 12.50 เอ้าเราก็รอจน 13.10 น.ลูกกับสามีจั๊มอ้าวๆมารีบขึ้นรถออกจากเมืองทองขนาดมีข้อมูลเพียบนะขึ้นทางด่วนได้ก็เวลา13.25เข้าไปแล้ว สามีขับรถอย่างเร็วเพื่อให้ไปทันเวลาที่ราชภัฎ14.00แต่เขาเลื่อนให้เป็น14.30 น. ช่วง บ่าย 2 โมง อรุษฆ์ซึ่งไปถึงก่อนนานแล้วโทรมาบอกว่าให้รีบหน่อยเพราะเริ่มเข้าห้องสอบกันแล้ว นี่แหละลูกเพื่อนแท้มันต้องอย่างนี้ซิ ช่วงลงทางด่วนก็ติดเป็นระยะ จนหยุดกึกตรงสวนสัตว์ เหลืออีก 15 นาทีจะ 14.30 น. เราบอกลูกว่าเราลงเดินเถอะไม่อย่างนั้นไม่ทันแล้วบอกสามีว่าขับเข้าไปก็แล้วกันแล้วค่อยนัดกันอีกที รีบคว้ามือลูกกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนเข้ารั้วม.ดุสิต ถามพนักงานว่าอาคารเครื่องปั้นอยู่ตรงไหน แล้วก็รีบเดิน ช่วงที่เราลงรถแล้วรีบเดินเราก็เห็นหลายคนมองมาแล้วก็ทำตามบ้าง รีบเดินหาอาคารกว่าจะถึงต้องถามรปภ. 3-4 คน เพราะเราไม่รู้ที่นี่ พอถึงอาคารที่จะสอบเหลืออีก 5 นาที มีผู้ปกครองที่พาลูกมาสอบแต่เราไม่รู้จัก เห็นเรามองซ้ายมองขวาว่จะต้องไปทางไหน รีบมาบอกว่าลิฟล์อยู่ทางนี้ให้รีบขึ้นไปที่ชั้น 5 เราเข้าลิฟล์แล้วรีบตะโกนขอบคุณ   ส่งลูกเสร็จเดินมาหารถ เฮ้อ/.ดีแล้วที่เราตัดสินใจเดินคิดดูซิส่งลูกถึงห้องสอบแล้ว รถสามียังมาไม่ถึงเลย เราออกจากมหาวิทยาลัยเพราะถูกบังคับห้ามจอดรถและที่จอดมันก็เต็มด้วยเห็นเด็กหลายๆคนยังเดินไม่ถึงมหาวิทยาลัยเลย บางคนก็เห็นสอบถามทางกันอยู่ สามีบอกว่าเนี่ย.ต้องมีเด็กพลาดสอบหลายพันคน

            เราค่อนข้างไม่เห็นด้วยเลย แล้วก็ได้ยินลูกบอกว่าฟิกซ์ลูกคุณหมอสมชายเช้าสอบที่ม.ราชภัฎสวนดุสิต บ่ายต้องรีบไปเข้าสอบที่เมืองทองธานีเหมือนกัน มันเป็นประสบการณ์ที่สร้างความเครียดให้ผู้ปกครองกับเด็กตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยของคุณเลย แล้วมันจะต้องเป็นอย่างนี้อีกกี่ที่กว่าจะได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่ง หืดขึ้นคอ

หมายเลขบันทึก: 271780เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 19:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

มาชม

เห็นการแข่งขันกันเลยนะนี่

เป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแล้วละครับ...ต้องทำใจ...อิ อิ อิ

สวัสดีค่ะ

ลำบากจังเลยค่ะ

ทำไมเขาไม่สอบที่เดียวกัน

ขอเป็นกำลังใจให้ สอบติดนะคะ มหาลัยในฝัน....

ขอบพระคุณอาจารย์UMI และพี่แดงคะ

  • หวังว่ากว่าจะถึงยุคลูกหนูเหตุการณ์นี้คงได้รับการพัฒนาจากคณาจารย์ผู้จัดสถานที่สอบบ้างนะคะ
  • หรือว่าเค้าฝึกให้เป็นครอบครัวสู้ชีวิต ตั้งกะยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยเลยเนาะ
  • อารมณ์ประมาณนี้แน่เลย ฮ่ะ ฮ่า

 

สวัสดีคะ

          แวะมาขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยบ้านครูน้อย   นี่แหละความทุกข์ของหัวอกพ่อ แม่ ที่เป็นกันทั้งประเทศ ...ใจเย็นไว้เดี๋ยวดีเอง

          ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ พระเจ้าเขากำหนดใส่ซองไว้หมดแล้วจ๊า.../ ครูน้อย  

ขอบพระคุณทุกท่านคะ

  • โชคดีที่มีลูกแค่ 2 คน นะเนี่ย
  • แต่ลูกคุณนายตั้ง เก่งทั้งคู่เลยนะ น่าอิจฉาไหมเนี่ย
  • อารมณ์คนไม่มีลูกไง ครับ คุณนาย...........

Thank you. How about you? Did you plan to go anywhere? If fo? have a nice trip na ja.

  • เห็นใจๆค่ะ
  • เป็นบทเรียนนะคะ
  • ขอบคุณที่ไปเยือนค่ะ 

อ่านแล้วเห็นใจ คุณพ่อ-คุณแม่ ผู้ปกครองสมัยนี้ เคยคิดว่าคนคิดระบบการศึกษาปัจจุบันที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาคือ 1. คนเป็นโสด ไม่มีลูก ไม่มีหลานที่ต้องให้เวียนหัว 2. คนที่ลูกโตพ้นจากระบบการศึกษาแบบนี้แล้ว 3. คนที่ส่งลูกไปเรียนต่อเมืองนอก ดังนั้นเราต้องปรับตัวปรับใจเราให้เข้าระบบให้ได้ นี่ยังดีที่คุณตั้งบรรเจิดสุข มีความพร้อมทั้งสามี-ภรรยา และลูกที่เรียนเก่ง บ้านอยู่ไม่ไกลกรุงเทพ เมืองฟ้าอมร ถ้าเป็นคนอื่นคงยุ่งแน่ ๆ คิดแล้วเห็นใจคนไกลปืนเที่ยง เช่นดิฉันที่เป็นคนยะลาเป็นต้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท