LEAVING FOR SEATTLE: วีซ่าอเมริกา


ทำเหมือนย้ายบ้านทั้งบ้านมาซีแอตเติล

     เนื่องด้วยปกติเป็นคนย้ำคิดย้ำทำอยู่แล้ว การเตรียมตัวมาเมืองนอกสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เลยยิ่งทำให้ต้องวางแผนมากเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่การเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่าทั้งของตัวเองซึ่งไม่ควรเป็นปัญหาอยู่แล้วด้วยว่าเป็น J-1 visa มีเอกสารจากมหาวิทยาลัย เอกสารนำกระทรวงการต่างประเทศ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นกังวลเผื่อแผ่ไปยังพี่จ๋า พี่สาวที่แสนดี (แต่มีน้องสาวแสนร้าย) ที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาส่ง ฉันขอวีซ่าเสร็จเมื่อวันที่ 30 เมย. โดยผ่านไปอย่างฉลุยพร้อมด้วยคำชมของเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารที่สถานทูตว่าเอกสารเรียบร้อยมากมาก และ "คำชื่นชม" จากพี่หนุ่ยว่า "หนูเตรียมตัวมาดีมากเลยนะ" แหม ก็มีทุกอย่างที่อ่านเจอในเวบว่าควรจะเอาไป ทั้งสมุดบัญชีธนาคาร หนี้สิน เอกสารบริษัทประกัน ใบปริญญา ใบวุฒิบัตร
     หลังจากของตัวเองเสร็จ ก็ลุ้นของพี่จ๋าต่อ เพราะเป็นวีซ่าท่องเที่ยว แถมโดนไซโคด้วยข้อมูลในเวบว่าโอกาสได้ยากมาก พี่จ๋าเตรียมเอกสารแบบเดียวกับฉัน บวกกับใบทะเบียนสมรส ใบจดทะเบียนการค้าของร้าน ใบเสียภาษีของร้าน ใบจองตั๋วเครื่องบิน พี่จ๋าบ่นอุบก่อนไปขอว่า "ถ้าไม่ได้นะ จะไม่ไปอเมริกาอีกเลยคอยดู" สลับกับ "ถ้ามันไม่ให้พี่ไปแล้วจะให้ใครไป" วันที่พี่จ๋าไปขอ (ขอที่เชียงใหม่) พี่จ๋าโทรมารายงานเป็นระยะ ครั้งสุดท้ายโทรมาบอกว่า "ถามแค่สิบห้าวินาทีเองแล้วก็เอาพาสปอร์ตไปเลย" แปลว่าอะไรน่ะ เย้! พี่สาวเราได้วีซ่าแล้ว เหลือแต่ว่ากี่ปีเท่านั้นเอง และแล้วอีกสามวันหวยก็ออกที่

     สิบปีเจ้าข้าโว้ย วีซ่าอเมริกาของนางชไมพร อนันต์พิบูลย์ศรี
     
     หลังจากนั้นก็เป็นการเตรียมข้าวของที่จะเอาไปซึ่งเป็นที่มาของประโยค "ทำเหมือนย้ายบ้านทั้งบ้านมาซีแอตเติล" ที่มาจากปากคุณพี่สาวนี่แหละ

คำสำคัญ (Tags): #วีซ่าอเมริกา
หมายเลขบันทึก: 271584เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 07:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท