การคลุมฮิญาบของผู้หญิงมุสลิมนั้น ถือเป็นการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นการปฏิบัติตามแบบอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอันจำเริญ นอกจากนี้ยังเป็นการเคารพต่อท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ.ล)ขอความสันติความโปรดปราณความจำเริญจากพระผู้เป็นเจ้าเอกองค์อัลลอฮ (ซ.บ)จงมีแด่ท่าน ครอบครัวของท่าน เชื้อสาย วงค์วารและผู้ที่เจริญรอยตามแบบอย่างทางนำของท่าน ที่ท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ.ล)ได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าไว้ว่า ไม่บังควรแก่ผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิง เมื่ออัลลอฮและรอซูลของพระองค์ได้กำหนดกิจการใดแล้ว สำหรับพวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องของพวกเขา และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮและรอซูลของพระองค์แล้ว แน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง (อัล อะซาบ 36) ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งใช้ให้บรรดาสตรีให้ทำการคลุมฮิญาบ โดยพระองค์ตรัสไว้ให้พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ว่า และจงกล่าวเถิด(มูฮัมมัด(ซ.ล)) แก่บรรดามุอมินะฮ(สตรีมุสลิม) ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาอวัยวะเพศของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศรีษะของพวกเธอลงมาจนถึงหน้าอกของเธอ(อันนูร:31)และพระองค์ตรัสว่า และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอ และอย่าได้โอ้อวดความงาม(ของพวกเธอ)เช่นการอวดความงาม(ของพวกสตรี)แห่งสมัยงมงายในยุคก่อน (อัลอะฮซาบ : 33และ35) และตรัสอีกว่า และเมื่อพวกเจ้าขอสิ่งใดจากพวกนาง ก็จงขอพวกนางจากหลังม่าน เช่นนั้นแหละเป็นการบริสุทธิ์อย่างยิ่งแก่จิตใจของพวกเจ้าและจิตใจของพวกนาง และในพจนาถอัลอะฮซาบ พระบัญญัติที่ 59)พระองค์กำชับท่านศาสดาฯ(ซ็อล)ว่าโอ้นบี(ศาสดาฯ)เอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาภรรยาของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดีงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง และนอกนี้ท่านศาสดา(ซ.ล)ได้มีวจนะว่า สตรีคือเอาเราะฮ(สิ่งพึงสงวน) จำเป็นต้องปกปิดตัวของนาง และแท้จริงการคลุมฮิญาบเป็นการรักษาความบริสุมธิ์ของจิตใจและร่างกาย แท้จริงพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ) พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดการคลุมฮิญาบตามแบบฉบับอิสลามเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสตรีผู้ศรัทธา เพราะจะนำมาซึ่งความบริสุทธิไร้มลทิน ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า โอ้นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่นเป็ฌนการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จักด เพื่อพวกนางจะไม่ถูกรบกวน เพราะการปฏิบัติตนเช่นว่านั้นจะทำให้พวกนางเป็นผู้บริสุทธิ์สะอาดและพวกนางก็จะรอดพ้นจากพฤติกรรมอันธพาลของบรรดาคนโฉด ผมกล่าวมานี้จะเห็นได้ว่าฮิญาบเป็นอาภรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นความบริสุทธิ์ สะอาด และเป็นความปลอดภัยจากพวกที่ประสงค์รวนลามทางเพศ ดังนั้นการกล่าวว่าการคลุมฮิญาบเป็นการละเมิดสอืธิสตรี กดขี่ ทำลายเสรีภาพ จึงเป็นเรื่องที่คนไม่เข้าใจศาสนาอิสลามกล่าวให้ร้ายมุสลิม แม่ ผม พี่สาวผม น้องสาวผม เขาจะไม่ไปทำงานที่ไหนที่ห้ามคลุมฮิญาบ เพราะเขาเชื่อมั่นว่านี่คือคำสั่งใช้สั่งห้ามของพระผู้เป็นเจ้าฯ ด้วยสังคมที่ลอกเลียนแบบการแต่งกายตะวันตก สายเดียว เกาะอก เซ็กส์เสรี เป็นข้อห้ามอย่างรุนแรงในอิสลาม ระหว่างสตรีที่แต่งการรุ่มร่าม ปกปิดมิดชิด กับ สายเดี่ยวเกาะอก พวกหื่นกามจะลวนลามใคร
ขอบคุณที่ตืดตามความเห็นเช่นนี้ครับ ในความเป็นสัจจธรรมของฮืญาบไม่ได้เป็นคำสั่งใช้สั่งห้ามของมนุษย์ แต่เป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์อัลลอฮ(ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ)และเป็นการกำชับอีกของท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ.ล)จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา คนในสังคมที่ไม่ได้เข้าใจในอิสลามก็จะมองไปคนละแบบ ส่วนใหญ่มองในแง่ลบ ว่าเคร่งบ้าง บ้าบ้าง สารพัด ฮิญาบในตัวของมันหากปฏิบัติได้จะส่งผลไปทั้งเลยครับ เช่นการรักษาตวามสะอาดทั้งกาย ใจ การไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง เรื่องเรียนและการต้องปฏิบัติตามข้อห้ามต่างๆที่มีอยู่ในมันมากมาย ผมพูดถึงสตรีมุสลิมมามาก ผู้ชายก็ใช่ย่อย ในอิสลามห้ามผู้ชายใช้ทองกับผ้าไหม ห้ามใส่กางเกงขาสั้นและควรปกปิดด้วยเสื้อแขนยาว และการถอดเสื้อในที่ๆไม่เหมาะสมเป็นข้อห้าม กับคนแปลกหน้า กับผู้หญิงใครก็ตามที่สามารถทำให้เขาเกิดอารมณ์ทางเพศ เป็นข้อห้ามหมด แม้กระทั่งการขายอาหารร้านอาหารอิสลาม ผู้ชาย(ผู้ชาย)ไม่สีสิทธิใส่เสื้อกล้ามขาย หรือถอดเสื้อขายนี่เป็นเรื่องที่เคยถูกตำหนิในอดีต และไม่พึงกระทำ ฝากคุณชายขอบอีกนิดว่า ฮิญาบไม่ใช่ผ้าคลุมผม เหมือนผู้หญิงที่ความรู้ศาสนาอิสลามน้อยเขาทำกัน ข้อห้ามก็คือต้องไม่ทำให้ฮิญาบเป็นผ้าคลุมผม ใส่สีฉุดฉาด โอ้อวด เน้นแฟชั่น หากคุณพบเห็นต้องให้การศึกษาเขาด้วยและต้องว่ากล่าวตักเตือน ในอิสลามให้ทำแบบนั้น ผมทำบ่อย แม้ในธนาคารอิสลามที่ขอนแก่นเธอทำเป็นแฟชั่น ผมทำหนังสือถึงผู้จัดการให้ตักเตือน ตอนนี้ดีแล้ว ถูกต้อง สุดท้ายขอให้พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจให้คุณได้รับทางนำของพระองค์ อามีน(ขอพระองค์ทรงรับด้วยเทอญ)