อนาคตของแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมระยะสั้นด้านอาชีวเวชศาสตร์


การสอบใหม่ การสอบอนุมัติบัตร การศึกษาเพิ่มเติม

อนาคตของแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมระยะสั้น 2 เดือนด้านอาชีวเวชศาสตร์

                ปัจจุบันเมื่อแพทย์เรียนจบแล้วก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจรักษาโรคทั่วไปได้ แพทย์ท่านใดต้องการศึกษาให้ลึกชึ้ง เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็สามารถเลือกเรียนเฉพาะทางด้านต่างๆ เช่น เป็นแพทย์อายุรกรรม (รักษาโรคโดยใช้ยา) หรือแพทย์ผ่าตัด บางคนเลือกเรียนในด้านการป้องกัน ก็เป็นแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แพทย์ระบาดวิทยา แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ เป็นต้น ต่อมาความรู้ทางแพทย์ลึกซึ้งลงไป ก็เน้นเป็นอวัยวะ เช่นแพทย์อายุรกรรม ก็เรียนต่อลึกลงไปอีกเช่น เป็นแพทย์โรคปอด แพทย์โรคหัวใจ แพทย์โรคระบบทางเดิันอาหาร แพทย์ผ่าตัด เช่นแพทย์ผ่าตัดหัวใจและปอด แพทย์ผ่าตัดทางเดินอาหาร แพทย์ผ่าตัดสมอง เมื่อแพทย์เรียนจบแล้ว ก็จะไปทำงานตามความถนัดของตนเอง ส่วนใหญ่งานด้านการรักษาจะเป็นที่นิยม เนื่องจากการเรียนแพทย์สมัยก่อนเน้นเรื่องความเป็นเลิศในด้านความรู้ในการรักษา หน้าที่ของอวัยวะต่างๆ งานด้านการป้องกันเรียนน้อยมากและไม่น่าสนใจ เนื่องจากเหมือนกับปิดทองหลังพระ การตรวจคนรักษาคนไข้ มองเห็นผลทันที มีปฏิกริยาตอบโต้กันเชิงบวก มากกว่าเชิงลบ นอกจากนี้ปัจจุบันเวลาคิดเนื้องาน ให้ค่าตอบแทน ดูจากการบริการรักษาผู้ป่วยเป็นหลัก ก็ยิ่งทำให้คนสนใจด้านการป้องกันน้อยลง

                งานด้านอาชีวอนามัยนั้น เป็นงานที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบอาชีพ ซึ่งมีประชากรทั่วประเทศประมาณ 36 ล้านคนซึ่งอยู่ในวัยทำงาน ในสังคมมีการส่งเสริมป้องกันรักษาฟื้นฟู ในวัยทำงานก็มีหลักการส่งเสริมป้องกันรักษาฟื้นฟูเหมือนกัน ในสังคมมีสิ่งแวดล้อมซึ่งทุกคนต้องสัมผัส ในการทำงานก็มีสิ่งแวดล้อมในการทำงานซึ่งคนทำงานต้องสัมผัสเหมือนกัน ที่สำคัญคือคนในวัยทำงานเป็นคนแข็งแรงเกือบทั้งหมด ดังนั้นทำอย่างไรให้พวกเขาแข็งแรงยิ่งขึ้น สุขภาพไม่แย่ลง หลักการคีอการส่งเสริมสุขภาพ ลดความเสี่ยงในที่ทำงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ปรับพฤติกรรมไม่ให้มีความเสี่ยงในเรื่องที่เป็นอันตรายจากการทำงานทั้งโรคและอุบัติเหตุ  รวมทั้งดูความเหมาะสมของสภาพร่างกายกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญของอาชีวอนามัย

                กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้จัดการฝึกอบรมระยะสั้นสองเดือนด้านอาชีวเวชศาสตร์ ตัวหลักสูตรแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนอาชีวอนามัย เป็นหลักการด้านอาชีวอนามัย ได้แก่เรื่องอาชีวอนามัยพื้นฐาน สิ่งคุกคามชนิดต่างๆ การประเมินและจัดการความเสี่ยง การสอบสวนโรคและอุบัติเหตุ ระบาดวิทยา อีกส่วนเป็นส่วนคลินิก ได้แก่ โรคจากการทำงานต่างๆ เช่น โรคปอด โรคผิวหนัง โรคกระดูกและข้อจากการทำงาน โรคจากโลหะหนัก โรคจากตัวทำละลาย เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งก็เป็นความรู้ด้านกฏหมาย ด้านกองทุนเงินทดแทน ด้านพิษวิทยาและอุบัติภัยสารเคมี มีการดูงานด้านต่างๆ ในระยะแรกมีการดูงานต่างประเทศ ต่อมาเกิดปัญหาเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นดูงานในประเทศแทน ทั้งนี้ในภาคปฏิบัติก็จะมีการเดินสำรวจโรงงาน และการประเมินความเสี่ยง โดยขณะนี้ (2552) ได้จัดเป็นรุ่นที่ 20 ในการจัดฝึกอบรมแปดรุ่นแรก มีสิ่งล่อใจคือการไปดูงานต่างประเทศสองสัปดาห์ และผู้บริหารจะส่งคนมาเรียนหลักสูตรนี้เหมือนเป็นรางวัล ดังนั้นในรุ่นแรก ก็จะมีทั้งคนที่ตั้งใจมาเรียนเพื่อหาประสบการณ์ และคนที่อยากรู้ หรือคนที่มาเรียนเฉยๆ อย่างไรก็ดีในรุ่นแรกๆ จะมีผู้บริหารมาหลายท่าน ซึ่งผู้บริหารเหล่านี้เมื่อมาอบรมก็เกิดความสนใจ และกลับไปคิด และทำให้เกิดระบบอาชีวอนามัยในระดับจังหวัดหรือประเทศขึ้น แพทย์ที่มาอบรมส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์เฉพาะทาง บางท่านมาอบรมแล้วกลับไปก็ถูกกลืนไปด้วยวิชาชีพที่ถนัดตามที่ฝึกมา บางท่านรู้สึกเบื่อที่รักษาเท่าไรก็ยังต้องรักษาเหมือนเดิมเลยหันมาเล่นด้านการป้องกัน ก็ทำให้มีการพัฒนาด้านอาชีวเวชศาสตร์ อย่างไรก็ดีการทำงานอาชีวเวชศาสตร์ให้ได้ต้องอาศัยทีมงาน เมื่อสนใจแล้วมีทีมงานที่เข้ากันได้ ผู้บริหารเห็นด้วย งานก็ไปได้ใกล ดังนั้นจะเห็นว่าคนที่มองเห็นว่าทำงานด้านอาชีวเวชศาสตร์ในปัจจุบัน ก็เป็นคนเดิมๆ ที่อบรมหลักสูตรนี้ในรุ่นแรกๆ หลังรุ่นแปดมาคนที่มาอบรมก็น้อยลงเนื่องจากไม่มีแรงจูงใจที่สำคัญคือการไปดูงานต่างประเทศ  

                การจัดการอบรมระยะสั้นนั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการอบรมระยะสั้น การอบรมนี้เป็นการอบรมเพื่อเปิดหลักสูตรของแพทย์ประจำบ้านอาชีวเวชศาสตร์ 3 ปี อีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่อบรมจบแล้วจะต้องหาความรู้เพิ่มเติม ความรู้เพิ่มเติมนั้นในขณะที่เรียนในหลักสูตรสองปีที่ผ่านมา มีการแนะนำ web site ที่สำคัญให้ค้นหาเพิ่มเติมหลาย web site  ซึ่งปัจจุบันหาได้ง่าย และคิดว่าแพทย์ทุกท่านจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้ว

                สำหรับอนาคตของแพทย์ที่จบการฝึกอบรมหลักสูตรพื้นฐานด้านอาชีวเวชศาสตร์สองเดือนนี้ คงต้องกลับเข้ามาเพื่อสอบอนุมัติบัตร เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไป โดยสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย และกรมการแพทย์โดยโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี มีขั้นตอนการจัดดังนี้

  • 1. ในผู้ที่ผ่านการอบรมไปอย่างน้อย ตั้งแต่รุ่นที่ 15 ขึ้นไป (1-15) จะต้องมาสอบต่อใบอนุญาติ หรือจะต้องเข้ามาอบรมเพิ่มเพื่อให้ได้เครดิต จะได้ต่อใบอนุญาติให้
  • 2. ต่อไปจะเป็นเกณฑ์ ทุก 5 ปี จะต้องมาสอบใหม่ หรือจะต้องเก็บเครดิต โดยการเข้าประชุมวิชาการ
  • 3. ในอนาคตจะพยายามให้รุ่น 2 เดือนนี้หมดไป แต่จะอีกกี่ปีไม่รู้ได้ โดยจะสนับสนุนให้สอบ อนุมัติบัตร

 

หมายเลขบันทึก: 268160เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2009 19:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 19:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

"ในอนาคตจะพยายามให้รุ่น 2 เดือนนี้หมดไป แต่จะอีกกี่ปีไม่รู้ได้ โดยจะสนับสนุนให้สอบ อนุมัติบัตร"

เลิกปีนี้เลยจะดีมาก

เรียน 2 เดือน ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วออกมาหากิน คุยกร่างว่าเป็นแพทย์อาชีวเวชศาสตร์

ไม่น่าจะยกเลิกนะครับ เพราะอย่างน้อยก็เป็นความรู้พื้นฐานในการทำงานต่อไปได้

ทำให้มองงานประจำได้กว้างขึ้น แต่เรื่องของใบรับรองการอบรมจะใช้ประโยชน์ได้แค่ไหนก็คงขึ้นกับแพทยสภา หรือสมาคมเองที่จะต้องพิจารณา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท