ทุกวันนี้ยังสนับสนุนสาวไทยให้เป็นแม่ศรีเรือนคะ
ครอบครัวจะเป็นสุขเพราะมีภรรยาเป็นแม่ศรีเรือนคะ
เพลงแม่ศรีเรือนคะ
แม่ศรีเอย...แม่ศรีเรือน
หญิงที่เพียบพร้อมในการเป็นภรรยาที่ดี
แม่ศรีเรือน ในความหมายทั่วๆไป หมายถึงหญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมในการเป็นภรรยาที่ดีให้สามีสุดที่รัก
คำว่า แม่(ศรี)เรือน หมายถึงหญิงผู้ปกครองเรือน และเป็นแม่ครัว เพื่อใช้เสน่ห์ปลายจวักผูกใจพ่อบ้านให้อยู่เหย้าเฝ้าเรือน
ความจริงแล้วแม่เรือนทุกคนก่อนแต่งงานก็ต้องรับการอบรมสั่งสอนให้เป็นแม่ครัวมาก่อน ตามคติโบราณถือว่า หน้าที่สำคัญของผู้หญิงคือการรู้จักงานบ้านการครัว
สุนทรภู่ท่านแต่งกลอนสอนหญิงไว้ว่า
"จงรีบฟื้นตื่นก่อนภัสดา
น้ำล้างหน้าหาไว้ให้เสร็จสรรพ
จึงหุงข้าวต้มแกงแต่งสำรับ
จัดประทับเทียบทำด้วยน้ำนวล"
ทุกวันนี้การเป็นแม่ศรีเรือนยังเป็นสิ่งจำเป็นในสังคชนบท แม้สังคมเมืองจะเปลี่ยนไป
สาวที่มีฝีมือทางการบ้านการเรือนยังเป็นเสน่ห์ผุกมัดใจชายให้รักใคร่เสน่หา
ถ้าใครอยากมีเสน่ปลายจวัก
ก็ต้องกล้าเริ่มต้นค่ะ
กล้าที่จะทำ แล้วก็ทำให้เต็มที่
ทั้งการบ้านการเรือน
ครั้งแรกอาจจะยังไม่ค่อยดี
ครั้งต่อไปเราก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือไปเรียนคะ
เมื่อเป็นแล้วก็ลองคิดสูตรอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ
แต่ต้องอร่อยด้วยนะ
ถ้าทำได้อย่างนี้ รับรอง คุณสามีติดใจแน่ๆๆ
ขอบอก!!!
คำสำคัญ (Tags): #แม่ศรีเรือน
หมายเลขบันทึก: 267569เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2009 09:24 น. ()ความเห็น (15)
หวัดดีคับ..
คุณแม่ฝากกู๊ดดี้มาบอกคับ.."งานนี้คุณแม่คงไม่ผ่าน"
เพราะตื่นเช้ามา กาแฟคนละถ้วยกับคุณพ่อ ตามด้วยทำอาหารให้กู๊ดดี้ (คุณพ่อไม่เกี่ยว)
ระหว่างรอกู๊ดดี้ทานข้าว ก็ไปอาบน้ำแต่งตัว (สวยมั่งไม่สวยมั่ง..)
แล้วก็สวมวิญญานนักแข่งรถ จับลูกขึ้น carseat ไปส่งกู๊ดดี้ที่ รร.ก่อนคับ
พอกลับมาถึงบ้าน เพิ่งนึกขึ้นได้..ถามคุณพ่อว่า.."หิวอะไรไหมคะ เดี๋ยวทำให้.." อิอิ
แถมบางวัน ยังให้คุณพ่อทำอาหารที่ตัวเองชอบให้อีกแน่ะ..อย่างนี้คงไม่เรียกว่า "แม่ศรีเรือน" แน่นอนเลยคับ..
ขอบคุณที่มีเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันคับ
ยินดีนะจ๊ะ น้องกู๊ดดี้ที่นำเรื่องที่คุณแม่กระซิบบอกมา
ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะจ๊ะ ว่าเห็นใจที่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น
สังคมเเปลี่ยนคะ เลยทำให้คุณแม่ทำงานหนักขึ้นเสี่ยงภัยบนท้องถนนมากขึ้น
เห็นมั๊ยคะ แม่ศรีเรือนยุคใหม่ เป็นแม่ศรีเรือนของลูกน๊ะ แม่อดทนทำเพื่อลูกๆนะค๊ะ
แม่ศรีเรือนฮิตในยุคของผม
สมัยนี้ ไฮเทค แม่ศรีเรือน จึงหายไป เพราะต้องช่วยกันทำมาหากิน
ยิ่งในยุคมนุษย์เงินเดือนเขาไม่คำนึงถึง
แต่ในชนบทยังเป็นสังคมที่นิยมกัน
ขอบคุณคุณ สุรีย์พร ดวงมณี มากๆคะ ที่ใจตรงกัน
ไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหนๆยังอยากให้หญิงไทยเป็นแม่ศรีเรือนอยู่คะ
แม้ว่าทำงานนอกบ้าน การบ้านการเรือนต้องเก่งด้วยนะคะ
รับรองสามีรักม๊ากมากคะ
อาจารย์ ประดิษฐ์ อัตถาการ คนยุคเก่า เล่าย้อนความหลังอย่างน่าชวนฟัง
แสดงว่าคนข้างกายเป็นแม่ศรีเรือนในอดีตแน่นอนเลยนะคะ
ขอบคุณครับที่แวะมาชมบล็อก
แม่ศรีเรือน คำนี้สั้นๆ แต่กินความหมาย หลายด้าน
อาจจะขอนำคำนี้ไประบายออกมาเป็นกลอน
เคยอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้...ว่า
ในสมัยก่อนเมื่อหญิงชายจะแต่งงานกัน พ่อแม่หรือผู้เฒ่าผู้แก่ มักจะสอนให้ฝ่ายหญิงรู้จักประพฤติปฏิบัติตนด้วย "เรือน 3 น้ำ 4" ซึ่งเรือน 3 ก็ได้แก่ เรือนผม,เรือนกาย และเรือนที่อยู่ หรือบางแห่งก็ว่าหมายถึง เรือนผม, เรือนไฟ และเรือนนอน ส่วนน้ำ 4 ก็ได้แก่ น้ำมือ, น้ำใจ, น้ำคำ และน้ำเต้าปูน แต่บางแห่งก็ตีความว่า น้ำกิน, น้ำใช้, น้ำใจ และน้ำเต้าปูน
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีความหมายอย่างไหนข้างต้น การประพฤติปฏิบัติด้วยเรือน 3 น้ำ 4 นี้ แท้ที่จริงก็คือ การอบรมให้หญิงสาว ที่จะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา รู้จักหน้าที่ของความเป็นแม่บ้านแม่เรือน เพื่อผูกใจสามีให้รักใคร่เอ็นดู ผู้เป็นภริยานั่นเอง
สำหรับเรือนแรก อันได้แก่ เรือนผม ก็คือ การรู้จักดูแลรักษาผมเผ้าให้สะอาดหมดจด ปราศจากกลิ่น โดยคอยหวีให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยเป็นกระเซิง มิใช่พอตื่นขึ้นมา หันมาอีกที อ้าว! สามีคิดว่าสิงโตที่ไหนมานอนด้วย การจัดทำทรงผมให้ดี จะช่วยให้บรรดาเมียๆ น่ามองยิ่งขึ้น อีกทั้งตอนหวีผม คนเราก็ต้องดูกระจก จะได้ใช้เวลานั้นผัดหน้าทาแป้ง ให้สดชื่นสวยงาม ซึ่งสาวๆ พอได้แต่งหน้าทาปาก ก็จะรู้สึกว่าตัวสวยขึ้น เกิดความมั่นใจ ขณะเดียวกันเมื่อสามีเห็น ก็พลอยสบายตาไปด้วย
เรือนที่สอง คือ เรือนกาย หมายถึง การรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้น่ามองอยู่เสมอ มิใช่พอได้แต่งงาน มีสามี คิดว่าไม่ต้องอยู่คานทองนิเวศน์แล้ว ก็เลยสบายใจ กินตามใจปาก ยิ่งพอมีลูก ยิ่งเลี้ยงยิ่งเหนื่อย ยิ่งกิน เผลอแผล่บเดียวหุ่นเพรียวลมที่เขาเคยโอบได้รอบ กลายเป็นตุ่มสามโคกโอบไม่มิด หรือเป็นโอ่งลายมังกร ให้สามีมองด้วยความสะท้อนใจ จริงอยู่ การครองรักครองเรือน มิใช่จะอยู่ที่รูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่หากภริยาจะรู้จักดูแลรูปทรงตัวเองให้ดี ไม่ปล่อยปละละเลย จนเป็นยายเพิ้งหรือนางผีเสื้อสมุทร ตอนยังไม่แปลงกาย ก็น่าจะเป็นเสน่ห์ผูกใจสามีได้อีกทางหนึ่ง เพราะเวลาพาเมียไปไหนๆ คนชมว่าเมียว่าหุ่นดี ภริยาก็หน้าบาน สามีก็ภูมิใจ
เรือนที่สาม เรือนที่อยู่ ก็คือ การรู้จักดูแลบ้านช่อง จัดข้าวของในเรือนให้ดูสะอาดเรียบร้อย ไม่สกปรกรกรุงรัง เพราะบ้านที่สกปรก และไม่เป็นระเบียบ แสดงว่าเมียบ้านนั้นมีนิสัยขี้เกียจ ไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน หากมีแขกใครไปมา ก็จะขายหน้าถึงสามี อีกทั้งสุขอนามัยของบ้านนั้นๆ ก็จะไม่ดีไปด้วย ทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย ข้อสำคัญ สามีบางบ้านอาจเกิดอาการ "ภูมิแพ้เมีย" ต้องออกไปหาอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ก็จะมีปัญหาตามมา ทางที่ดี เมียทั้งหลาย จึงควรปัดกวาดบ้านช่องให้น่าอยู่น่าอาศัย
ส่วนบางแห่งที่เขียนว่า เรือนไฟ ก็คือ ครัวที่หญิงสาวจะต้องใช้ประกอบอาหารให้ครอบครัว คนโบราณเขาก็สอนให้รู้จักใช้ รู้จักเก็บกวาดอุปกรณ์ในครัวให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยให้รก หรือสกปรก จนมีสัตว์ไม่ได้รับเชิญอย่างหนู หรือแมลงสาบมาเยี่ยมเยียน
ส่วนเรือนนอน ก็คือ ห้องนอน ก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องรู้จักปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอ อย่างสมัยนี้ ถึงแม้ไม่ได้ทำเอง มีคนรับใช้ เมียหรือแม่บ้านก็ต้องรู้จักกำกับ และควบคุมดูแลเป็นระยะๆ มิใช่ปล่อยให้ทำตามยถากรรม ไม่งั้นวันดีคืนร้าย เกิดสามีเห็นความดีของผู้ช่วยแม่บ้านมากกว่า อาจเลื่อนขั้นเราขึ้นเป็น "เมียหวง" ถึงตอนนั้น จะเสียใจก็ยังไม่ทัน
ในส่วนของน้ำสี่ ี่ นั้น น้ำแรก ได้แก่ น้ำมือ หมายถึง ต้องรู้จักหัดทำข้าวปลาอาหารอร่อยๆ ให้สามีรับประทาน ซึ่งสมัยโบราณ หญิงสาวไม่ว่าจะชาวบ้าน หรือชาววังต่างก็ทำอาหารเป็นทั้งนั้น เพราะสมัยก่อน ไม่มีร้านอาหารสำเร็จรูปให้ซื้อ มีแต่วัตถุดิบที่ต้องนำไปปรุงเอง ดังนั้น หญิงสาวส่วนใหญ่ จึงถูกฝึกให้ทำกับข้าวกับปลา มาแต่เด็กๆ เสมือนหนึ่งหัดวิชาชีพติดตัว ที่สำคัญ คนรุ่นก่อนมีคติว่า "เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตาย"
หญิงสาวทั้งหลายจึงต้องมี "น้ำมือ" ในการทำอาหารด้วยประการฉะนี้ แต่สำหรับสาวๆ ยุคเตาไมโครเวฟ หรือแม่บ้านถุงพสาสติก แม้จะทำอาหารไม่เป็น แต่ก็ควรจะรู้จักเลือกซื้ออาหาร จากร้านเจ้าอร่อยและสะอาด และหากมีเวลาว่าง ก็ลองหัดทำอาหารง่ายๆ ให้สามีกินบ้าง เพราะจะทำให้เขารู้สึกซึ้งใจ ที่เราอุตส่าห์ทำในสิ่งที่ยาก สำหรับเราเพื่อเขา
น้ำต่อไปคือ น้ำใจ คือ การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และโอบอ้อมอารี ไม่เห็นแก่ตัว หรือทำใจดำ รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลสามี ทั้งในหน้าที่การงาน และจิตใจ ซึ่งการมีน้ำใจนี้ มิใช่มีต่อสามีคนเดียว แต่ควรเผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้องของสามีด้วย เพราะนอกจากจะทำให้สามีสบายใจแล้ว ยังช่วยให้ภริยาเป็นที่รักใคร่ และเป็นเกรงใจอีกด้วย และหากมีปัญหากับสามี ญาติพี่น้องของเขา ก็จะเห็นใจและช่วยเรา นอกจากนี้ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ต้องมีน้ำใจต่อเขาด้วย เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
น้ำที่สาม คือ น้ำคำ ได้แก่ การใช้คำพูดที่สุภาพ ไพเราะหู ไม่กระโชกโฮกฮากหรือด่าทอ รู้จักเจรจาปราศรัย รู้ว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรควรเงียบ เมื่อไรควรให้กำลังใจ หรือปลอบประโลม อันที่จริงแล้ว การพูดจาดีต่อกัน โดยไม่ด่าทอ บ่นว่าหรือจู้จี้จุกจิก จะทำให้รู้สึกว่าบ้านร่มเย็น น่าอยู่ ไม่ร้อนหูร้อนใจ ซึ่งการพูดจาไม่ระคายหูนั้น จริงๆ แล้วควรจะใช้พูดกับทุกคนทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ไม่เฉพาะแต่กับสามีเท่านั้น เพราะนอกจากผู้ฟังจะรู้สึกสบายหูแล้ว ยังจะรู้สึกดีๆ กับผู้พูดด้วย
และน้ำสุดท้าย คือ น้ำเต้าปูน หมายถึง การดูแลคอยเติมน้ำในเต้าปูนมิให้แห้ง ในสมัยก่อนคนกินหมาก จึงต้องมีเต้าปูน เป็นภาชนะใส่ปูนแดงไว้ป้ายใบพลู เพื่อกินกับหมาก ซึ่งถือว่าเป็นของรับแขก ดังนั้น หากแม่บ้านบ้านไหน ปล่อยให้น้ำในเต้าปูนแห้ง จนไม่สามารถควักออกมาป้ายได้ แสดงว่าทำหน้าที่บกพร่อง แม่บ้านที่ดีจึงต้องคอยดูแลเติมน้ำในเตาปูนอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับคำว่า น้ำกิน น้ำใช ้ ที่หมายถึง หญิงสาวที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนจะต้องดูแล ให้มีน้ำกิน น้ำใช้ในบ้านพร้อมเสมอสำหรับสามี ลูก และญาติๆ อันแสดงถึงการเอาใจใส่ต่อหน้าที่ภริยาที่ดี เรือน 3 น้ำ 4 แม้จะเป็นเรื่องที่คนโบราณสอน แต่ถือได้ว่าเป็น "เคล็ดลับการครองเรือน" ที่สาวๆ สมัยนี้สามารถนำไปใช้ได้ และยังเป็นวิธี "ผูกใจ" สามีที่ไม่ล้าสมัย หากจะรู้จักประยุกต์ใช้
ชาย แก่นนคร (ขอนแก่น)
อยากได้แฟนที่เป็นแม่ศรีเรือน
มีคุณสมบัติเพียงครึ่งหนึ่งตามแบบฉบับที่คุณ อักษราวิมุติ เสนอมาก็เพียงพอแล้วครับ :-)
คุณ อักษราวิมุติ แจงรายละเอียดมามากมายเหลือเกินคะ
ขอบคุณที่สุดเลยนะคะ
สมัยคุณแม่ยังเด็กรุ่น มีนิตยสาร "แม่ศรีเรือน" รายเดือนจำหน่ายด้วย
สาวๆซื้ออ่านกันมากคะ ทุกคนก็อยากเป็นคนดีมีคุณ่ค่าของสามีคะ
คนที่ยังไม่แต่งงานก็หาซื้ออ่านเพื่อปฏิบัติตนเตรียมตัวเป็นภรรยาที่ดีในอนาคต
สาวสมัยก่อนบริสุทธิ์ผุดผ่องรักนวลสงวนตัวมากนะคะ บวกด้วยคุณสมบัติดังที่ท่านจาระไนมา เยี่ยมยอดคะ
คุณ ชาย แก่นนคร (ขอนแก่น) เป็นชายในสเป็คคะ
เพราะยังคิดถึงคุณสมบัติของสาวแม่ศรีเรือน
ขอยืนยันคะทุกวันนี้ยังมีสาวแม่ศรีเรือนอยู่มากคะ
ไม่เพียงเท่านั้น สาวที่รักนวลสงวนตัวก็ยังมีมากนะคะ ขอยืนยันคะ
ขอให้คุณมั่นใจเรื่องนี้ และขอให้ได้พบแม่ศรีเรือนของคุณนะคะ
สาวเปรี้ยว
มาสนับสนุนส่งเสริมสาวไทยให้เป็นแม่ศรีเรือนคะ
สาวที่เรียกว่าสาวแส้ยังมีมากในสังคมไทยนะคะ
ยืนยันด้วยคนคะ
ขอยืนยันกับคุณสาวเปรี้ยวด้วยคนนะคะ
สาวแส้ตามความหมายยังมีมากคะ ที่ยังไม่ด่างพร้อยเรื่องความประพฤติ
ยังรักนวลสงวนตัวยังมีถมนะคะ
สวัสดีคะคุณบุศรา
ช่อกุหลาบสวยจังคะ
ขอบคุณมากนะคะ
น้องฟลุคจัง
หนูฟลุคอยากได้คำคมเกี่ยวกับแม่ศรีเรือนจังค่ะ จะเอาไปส่งครู แต่จะว่าไปนะคะ พอได้ยินคำว่าแม่ศรีเรือนเข้าหนูฟลุคคิดถึงแม่ตัวเองเลยค่ะ คุณแม่ของหนูฟลุคทำงานเก่งมากไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานบ้าน งานครัว คุณแม่ไม่เคยคาดตกบกพร่องแต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะค่ะ คุณแม่น่ะ ท่านจะคอยเหลือเวลามาดูแลหนูฟลุคอยู่เสมอเลยค่ะ ทั้งคุณพ่อ คุณยายหรือหนูฟลุค คุณแม่จะดูแลอย่างดี แต่ตัวคุณแม่เองไม่ค่อยดูแลสุขภาพตัวเองบ้างเลย หนูฟลุคก็อยากให้คุณแม่ดูแลตัวเองบ้างเหมือนกันนะคะ เคยมีครั้งหนึงนะคะที่คุณแม่ลืมวันเกิดหนูฟลุค ตอนนั้นเองหนูฟลุคก็ลืมเหมือนกันแหละค่ะ เพราะว่ามันตรงกับวันที่สอบพอดี เลยมัวแต่อ่านตำรา ลืมดูวันที่ว่าเป็นวันเกิดตัวเอง แต่ก็แกล้งโกรธคุณแม่ไปงั้นๆแหละค่ะ ไม่นึกว่าคุณแม่จะเสียใจจริงๆถึงขนาดที่ว่าฝนตกยังขับรถออกไปซื้อเค้กมาขอโทษหนูฟลุคเลย ก็ดีใจนะคะที่คุณแม่แคร์ความรู้สึกหนูฟลุค แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีแหละค่ะที่ไปแกล้งคุณแม่แบบนั้น คนอื่นๆอย่าทำเหมือนหนูฟลุคนะคะ ไม่ดีอย่างแรงเลยค่ะ ไกล้ถึงวันแม่แล้วขอฟลุคขอให้คุณแม่ของหนูฟลุคแข็งๆนะคะ และคุณแม่ของทุกๆคนด้วยนะคะ ไครอยากเป็นแม่ศรีเรือนตัวอย่างละก็ มาเอาแบบแม่หนูฟลุคได้นะคะ แฮะๆ ^-^