สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ




ักรวาลตามที่ระบุในพระไตรปิฎกนั้น มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่
ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน เพิ่งจะค้นพบ เช่น พุทธองค์ได้ทรงตรัส
ระบุเอาไว้อย่างละเอียดว่า จักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางนั้น
ไม่ได้มีอยู่เพียงจักรวาลของเราเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่ามี
หลายหมื่นแสนจักรวาลจนประมาณจำนวนมิได้ และรูปร่างของจักรวาลนั้น
มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ที่เปลี่ยนแปลงขยับขยาย เคลื่อนไป ระเบิดไป
และก่อตัวขึ้นมาใหม่อีก ซึ่งลักษณะที่ว่านี้นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน
เรียกว่า Big bang



รื่องสวรรค์นั้น มีโดยย่อๆ ดังนี้

ชาวสวรรค์ ที่จริงก็คือโอปาติกะพวกหนึ่ง คือเกิดขึ้นมาทันทีทันใด
โดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ เกิดมามีร่างกายใหญ่โต สวยงาม สมส่วน
อยู่ในวัย 17-18 ทันที แล้วก็คงสภาพอยู่เช่นนั้นตลอดไปไม่เจ็บไม่ไข้
(แต่มีการตาย หมายถึงหมดบุญ) ก็คือพวกเทวดานางฟ้า
แต่ก็ยังแบ่งเป็น 3 ประเภท

สวรรค์ หรือเทวโลก นั้นแบ่งโดยรวมๆ จะมี 6 ชั้น

ชั้นจาตุมหาราชิกา จะเป็นชั้นที่สูงติดกับชั้นของมนุษย์
โดยจะอยู่สูงจากโลกประมาณ 736000กิโลเมตร
เทวดาชั้นนี้มีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด
การสื่อสารจะใช้คลื่นความสั่น
ตามที่อธิบายไว้ในทฤษฎีสตริง ที่ใกล้กับมนุษย์

เทวดาชั้นนี้มีหลากหลายประเภท บางประเภทก็มีลูกหลาน
อยู่กันเป็นครอบครัว วิธีกำเนิดลูกนั้นไม่ได้คลอดจากครรภ์แต่อย่างใด
ถึงเวลาจะมีเทวดาองค์ใหม่มาเกิดบนตักของพวกเขาเอง
แล้วก็รับเทวดาองค์นั้นนั่นเองเป็นลูก บางทีก็มีวิมานของตน
อยู่เป็นเอกเทศ ได้รับความสุขสำราญเต็มที่
แล้วก็ยังมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ กันด้วย




นักวิทยาศาสตร์ใหม่ ค้นพบว่าคลื่นการสั่นเป็นตัวแบ่งมิติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกสิ่งนี้ว่า " ภพภูมิ "
โดยพระองค์อธิบายสิ่งที่พระองค์ไปพบมาว่า

ชั้นจาตุมหาราชิกา มีท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นผู้ปกครอง คือ
- ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์
- ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ
- ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค
- ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์

2. ดาวดึงส์ มีพระอินทร์ เป็นผู้ปกครอง
3. ยามา มีท้าวสุยามเทวราช เป็นผู้ปกครอง
4. ดุสิต มีท้าวสันดุสิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
5. นิมมานรดี มีท้าวสุนิมมิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
6. ปรนิมมิตวสวัตดี มีท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช เป็นผู้ปกครอง



ระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสอธิบาย ลักษณะของ นรก ว่า
มันคือดินแดนหรือภูมิที่ปราศจากความเจริญ
มันเป็นหุบเหวแห่งความทุกข์ เป็นภูมิที่มีไว้กักกันของจิต
ที่ทำบาปกรรม หลังจากที่สละรูปขันธ์แล้ว
เป็นภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมานหาความสุขมิได้
เป็นภูมิหนึ่งในจำนวนอบายภูมิ 4 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นรกภูมิ
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสอธิบายลักษณะของนรกภูมิ
ไว้อย่างละเอียดว่า นรกจะแบ่งออกเป็นขุมๆ เพื่อแบ่งแยก
ตามอำนาจของกรรม ที่เหล่าสัตว์โลกได้กระทำไว้ในอดีต
นรกนั้นมีทั้งสิ้น 457 ขุม นรกจะขยายตัวออกไปไม่อย่างไม่สิ้นสุด
ตามจำนวนที่มากขึ้นของสัตว์นรก นรกแบ่งตามอำนาจของกรรม
ได้ดังนี้ คือ กลุ่มขุมมหานรก ซึ่งมีทั้งสิ้น 8 ขุม
กลุ่มอุสสทนรก โดยมีทั้งสิ้น 128 ขุม
โดยจะอยู่รายรอบเป็นนรกบริวารของมหานรก
ส่วนกลุ่มยมโลก จะมีทั้งสิ้น 320 ขุม ซึ่งอยู่ชั้นนอกสุด
และกลุ่มสุดท้ายคือ โลกกันตนรก
ซึ่งมีลักษณะเป็น 1 ขุมใหญ่ที่มาก


รรุวมหานรก สัตว์นรกที่ผ่านเข้ามาในนรกขุมนี้
จะมีอายุ 4,000 ปีนรก โดย 1 วัน ในนรกขุมนี้
จะเท่ากับ 234 ล้านปีมนุษย์ หรือจะต้องถูกกักขังอยู่ในขุมนี้
ราว 936,000 ล้านปีมนุษย์ ซึ่งนรกขุมนี้ จะมีลักษณะเป็น
กำแพงเหล็ก 4 ด้าน มีไฟลุกแดงโชน จนหาเปลวไม่ได้
ยิ่งลึกมากก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก
กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบ
ตลอดเวลา ในขุมนี้ไม่มีนายนิริยบาล สัตว์นรกจะถูกกรรม
ทำให้ต้อง เอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไป
เช่นกัน กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า
หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง
เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา



วามจริงแล้วคนธรรพ์ไม่ใช่เป็นเทพบุตรหนุ่ม
ที่มีรูปโฉมงดงามสง่า น่าหลงใหลแต่อย่างไร

ประวัติของคนธรรพ์นั้น แต่เดิมเป็นภูตชนิดหนึ่ง
ซึ่งสามารถที่จะติดต่อคบหากับพวกเทพเทวดาได้
สามารถจะอยู่ได้ทั้งใน เทวโลกและมนุษยโลก แต่จริงๆแล้ว
คนธรรพ์ ก็จะมีโลกของคนธรรพ์ และพวก คนธรรพ์ทั่วทั้งโลกนั้น
ซึ่งจะเป็นโลกเล็กๆ อยู่ระหว่างกลางมนุษยโลกและเทวโลก

ลกของคนธรรพ์นั้น ส่วนมากจะมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร
ภูตพวกนี้ มีหน้าที่รับใช้พวกเทพบนสรวงสวรรค์ โดยมีหน้าที่
ในการคอยดูแลโสมที่จะขึ้นอยู่บนป่าเขา เมื่อโสมเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
คนธรรพ์ก็จะนำโสมเหล่านั้น มาทำการปรุงเป็นยาวิเศษต่างๆ
ดังนั้นคนป่า ที่พบเราเคยเห็นในหนัง นั้นแหละคือ "คนธรรพ์" รุ่นท้ายๆ
ที่คนรุ่นเรายังพอได้เคยสัมผัส แต่คนรุ่นลูกหรือรุ่นหลานของเรา
คงจะต้องว่า ปู่นี่เล่าแต่นิทานหลอกเด็ก เพราะคนที่ไหนจะไปอยู่ในป่า
แล้วทำพิธีรอบกองไฟ ไปไหนมาไหนก็ลำบากเพราะในป่า
ไม่มีถนนไฮเวย์ แต่ปู่ก็จะแย้งว่า "รุ่นปู่มีอยู่จริงๆ นะหลาน "


* * * * * * * * * *

ขอบคุณ...ดร.ทิก...ที่มาเล่าให้ฟัง
คุณตาติ๊ก.......................เป็น ผู้บันทึก

คำสำคัญ (Tags): #คุณตาติ๊ก
หมายเลขบันทึก: 267220เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2009 20:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

@
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ,
ความสุขอยู่ที่ได้ พอใจสิ่งที่มี,
ความทุกข์จะสลาย ปล่อยวางได้ทุกที,
ความรักเต็มปรี่ ชีวีมีสุขเอย.
http://pirachai.multiply.com/journal/item/346
pirachai540408
ที่มา http://www.facebook.com/thanaporn.butsri/posts/207214969296404

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท