วันนี้ทีมคณาจารย์จากคณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏเชียงใหม่มาดูงานเรื่องการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เครือข่ายชุมชนเป็นฐานที่ม.วลัยลักษณ์ โดยการประสานของผศ.เยี่ยมลักษณ์ซึ่งรู้จักกับผมจากที่เคยทำวิจัยร่วมกันในชุดกองทุนหมู่บ้านของเครือข่ายม.ราชภัฏมาก่อน อาจารย์อยากให้ผมคุยงานชุมชนให้คณะฟัง แต่เมื่อดูหัวข้อแล้วผมเห็นว่าไม่ตรงกับประสบการณ์ที่ผมมีอยู่ จึงติดต่อสำนักพยาบาลศาสตร์ ซึ่งโชคดีได้ผศ.ดร.เกียรติกำจรมาเล่าให้ฟัง ทำให้ผมได้รับรู้ในรายละเอียดการจัดการเรียนการสอนของสำนักพยาบาลศาสตร์ด้วย ซึ่งน่าสนใจมาก
อาจารย์เกียรติกำจรนำเสนอด้วยpower point เนื้อหาตรงกับที่อาจารย์เยี่มลักษณ์ตั้งใจไว้พอดี
ผมฟังแล้วรู้สึกชื่นชมกับการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์สำนักพยาบาลศาสตร์มากที่ได้ใช้ชุมชนทั้งที่ชุมชนสาธิตภายในมหาวิทยาลัยและชุมชนภายนอกโดยใช้สถานีอนามัยและโรงพยาบาลเป็นฐานในการเชื่อมโยงกับชุมชน ถือเป็นห้องเรียนชุมชนตั้งแต่ระดับครัวเรือนที่นักศึกษาทุกคนต้องมีบ้านอุปถัมภ์เพื่อการเรียนรู้ โดยเชื่อมโยงการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและที่อื่นๆอย่างกลมกลืนยิ่ง
นักศึกษาค่อยๆเรียนรู้เพิ่มทักษะความชำนาญจากตำรา สถานีอนามัย
โรงพยาบาล
ครัวเรือนอุปถัมภ์และชุมชนเพิ่มมากขึ้นทุกปีจนจบหลักสูตร
เป็นการบูรณาการการเรียนการสอน
งานวิจัยและการบริการวิชาการเข้าด้วยกัน
จะเห็นว่าสำนักพยาบาลเริ่มต้นที่เนื้อหาวิชา
โดยแทรกหรือเพิ่มเติมตัวอย่างจริงของชุมชนให้นักศึกษาได้เรียนรู้ควบคู่กันไปอย่างกลมกลืน
เมื่อกลับมาดูงานที่ผมกำลังทำอยู่ จะเห็นว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ชุมชน
สังคม โดยพยายามเชื่อมโยง เข้ากับเนื้อหาวิชาในสำนักต่างๆ
แต่ก็ทำได้ไม่ง่ายนัก
เพราะไม่สามารถทำให้เป็นตารางการเรียนรู้อย่างเป็นระบบได้
เช่นโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนคร
ต้องการทำให้กระบวนการชุมชน เข้มแข็งอย่างสมบูรณ์
จุดสำคัญของหลักวิชาอยู่ที่การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับภาครัฐและชุมชนส่วนหลักเป็นเรื่องของการจัดกระบวนการเรียนรู้
โดยมีเนื้อหาวิชาเฉพาะด้านอยู่ด้วย เช่น เกษตรอินทรีย์
สถาบันการเงินชุมชน เป็นต้น
นักศึกษาหรือสำนักวิชาอะไรจึงจะสอดรับกับภารกิจหรือเป้าหมายนี้ทั้งของรัฐและชุมชน
คิดว่าสำนักวิชาวิทยาการจัดการน่าจะใกล้เคียงที่สุด
หรือถ้าเป็นของธรรมศาสตร์ก็คือสหวิทยาการ ทำนองนั้น
ถ้าไม่สามารถเชื่อมโยงวิชาการของสำนักหรือการเรียนรู้ของนักศึกษาในสถานะการณ์ที่เป็นความสำคัญ(จำเป็น)ของสังคม
ชุมชน ก็สามารถสรุปได้ 2ทางคือ
1)ไม่มีความสามารถในการประสานเชื่อมโยง
2)มหาวิทยาลัยไม่มีฐานความรู้ในเรื่องเหล่านี้
ยังคิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องไรกันแน่
ไม่มีความเห็น