ท.ณเมืองกาฬ
นาย ทรงศักดิ์ พิราบขาว ภูเก้าแก้ว

. สุนทรภู่


กวีเอกของโลก

26 มิถุนายน

    ันสุนทรภู่



         

      ถ้าเอ่ยชื่อ "สุนทรภู่" เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียงก้องโลก โดยเฉพาะกลอนนิทานเรื่อง "พระอภัยมณี" จนได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม  หรือ “มหากวีแห่งรัตนกสินทร์" หรือ “เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" และคงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "วันที่ 26 มิถุนายน" ของทุกปีคือ "วันสุนทรภู่" ซึ่งมักจะมีการจัดนิทรรศการ ประกวดแต่งคำกลอน เพื่อแสดงถึงการรำลึกถึง เพราะฉะนั้น วันนี้ครู ทอ.จึงไม่พลาด ขอพาไปเปิดประวัติ "วันสุนทรภู่" ให้มากขึ้นครับ...

ชีวประวัติ "สุนทรภู่"

          สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 2 โมงเช้า หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 8.00 น. นั่นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เชื่อว่าหลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งสุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อ ิมและนิ่ม ีกด้วย

          "สุนทรภู่" ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม เพราะตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว 20 ปี

          ต่อมาสุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ซึ่งเป็นบุตรหลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็นพระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุก เขากับแม่จันก็เดินทางไปหาบิดาที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ “พ่อพัด” ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภู่กับแม่จันก็มีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป 

          หลังจากนั้น สุนทรภู่ ก็เดินทางเข้าพระราชวังหลัง และมีโอกาสได้ติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2350 และเขาก็ได้แต่ง “นิราศพระบาท” พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย และหลังจาก “นิราศพระบาท” ก็ไม่ปรากฏผลงานใดๆ ของสุนทรภู่อีกเลย 

          จนกระทั่งเข้ารับราชการในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอนบทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร"

          ต่อมาในราว พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไมนานก็พ้นโทษ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "สังข์ทอง" ม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัย ทรงให้สุนทรภู่ทดลองแต่งก็เป็นที่พอพระราชหฤทัยภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 และ เชื่อกันว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง "สวัสดิรักษา" ในระหว่างเวลานี้ ซึ่งในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ "พ่อตาบ"

          "สุนทรภู่" รับราชการอยู่เพียง 8 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลา 18 ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่างๆ หลายแห่ง ได้แก่ วัดเลียบ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม ซึ่งผลจากการที่ภิกษุภู่เดินทางธุดงค์ไปที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่างๆ มากมาย งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รำพันพิลาป โดยแต่งขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. 2385 ทั้งนี้ ระหว่างที่ออกเดินทางธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ 10 พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย 

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร"  ำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังในปี พ.ศ. 2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) ที่เรียกชื่อกันว่า   "ห้องสุนทรภู่" 

          สำหรับทายาทของสุนทรภู่นั้น เชื่อกันว่าสุนทรภู่มีบุตรชาย 3 คน คือ  "พ่อพัด"  เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน  "พ่อตาบ" กิดจากภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และ "พ่อนิล" เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรมอีกสองคน ชื่อ "พ่อกลั่น" ละ "พ่อชุบ" อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า "ภู่เรือหงส์"

ผลงานของสุนทรภู่

          หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ…

ประเภทนิราศ 

          - นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง 

          - ิราศพระบท   (พ.ศ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา 

          - นิราศภูเขาทอง  (ประมาณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา 

          - นิราศสุพรรณ    (ประมาณ พ.ศ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง 

          - นิราศวัดเจ้าฟ้า   (ประมาณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา 

          - นิราศอิเหนา    (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) 

          - แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา 

          - รำพันพิลาป    (พ.ศ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขาบท 

          -      นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) –เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี 

          - นิราศเมืองเพชร  (พ.ศ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร

ประเภทนิทาน

          เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ

ประเภทสุภาษิต

          -     สวัสดิรักษา- คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์

          - สุภาษิตสอนหญิง - เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่

          - เพลงยาวถวายโอวาท - คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว

ประเภทบทละคร

          - รื่องอภัยณุราช  ึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประเภทบทเสภา

          - เรื่องขุนช้างขุนแผน  (ตอนกำเนิดพลายงาม)

          - เรื่องพระราชพงศาวดาร

ประเภทบทเห่กล่อม

          แต่งขึ้นสำหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี 4   รื่องคือ ห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร , เห่เรื่องกากี

    ที่มาของวันสุนทรภู่

          องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน ด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่างๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปีขึ้นไป ประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฎแก่มวลสมาชิกทั่วโลก และเพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ 

          ในการนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและได้ประกาศยกย่อง "สุนทรภู่" ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก โดยในวาระครบรอบ 200 ปีเกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งนับแต่นั้น เมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ "วัดเทพธิดาราม" และ ที่จังหวัดระยอง และมีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป 

          ทั้งนี้ ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ไว้ที่ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง

กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่

          1. มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงาน
          2. มีการแสดงผลงานประเภทนิทานฯ ของสุนทรภู่
          3. มีการประกวด แข่งขัน ประชันสักวา ตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติชีวิต และผลงานของสุนทรภู่

    ขอฝากกลอนสดุดีสุนทรภู่  นะครับ

       สุนทรภู่ ครูกวี ศรีสยาม
ระบือนาม ปราชญ์เปรื่อง เรื่องอักษร
ประดิษฐ์ถ้อย ร้อยลำนำ เป็นคำกลอน
"พระสุนทร โวหาร"คนขานไกล

     ว่าเป็นเอก ในอักษร กลอนสุภาพ
อีกทั้งกาพย์ โคลง ฉันท์ ประพันธ์ได้
เป็นมณี กวีศิลป์ แผ่นดินไทย
ขอนบไหว้ กราบครู ด้วยบูชา
                     
 

                         ท. ณเมืองกาฬ

คำสำคัญ (Tags): #กวี
หมายเลขบันทึก: 265247เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2009 17:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

เพื่อนจ๋า ไปแล้วอย่าไปลับนะ มีเวลาว่างก็เข้ามาเขียน เขียนสั้นก็ได้ ไม่เขียนก็ขอให้เข้ามาอ่านก็แล้วกัน  เพราะอาจจะมีเพื่อบางคน เขาจะกลับมาทักทาย อยู่เสมอ จะได้รู้ว่าใครคิดถึงอยู่

คำมั่นสัญญา

คำมั่นสัญญา

               ก่อนจากกัน  ขอสัญญา  ฝากประทับตรึงตรา  จนกว่าจะพบกันใหม่

โบกมืออำลา  สัญญาด้วยหัวใจ    เพราะความรักติดตรึงห่วงใย  ด้วยใจผูกพันมั่นคง

       ด้วยความดี   นั้น ฝังตรึง  จากไปแล้วคำนึง ตรึงประทับดวงใจ   อย่าได้ลืมเลือน  สัญญากันไว้อย่างไร  ขอให้เรามั่นคงจิตใจ  ก้าวไปสรรค์สร้างความดี……

          โอ้เพื่อนเอ๋ย  เคยร่วม สนุกกันมา  แต่เวลา ต้องพาให้เราจากกัน ไม่นานหรอกหนา  เราคงได้มาพบกัน ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น  เพราะเรามั่นในสัญญา ..........

          หากแผ่นดิน  ไม่ฝังกาย  จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกาย ยิ้มสู้ฟันฝ่า ร้อยรัดดวงใจ  มั่นในคำสัญญา  สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา  นี่คือสัญญาของเรา..........

 

               ก่อนจากกัน  ขอสัญญา  ฝากประทับตรึงตรา  จนกว่าจะพบกันใหม่

โบกมืออำลา  สัญญาด้วยหัวใจ    เพราะความรักติดตรึงห่วงใย  ด้วยใจผูกพันมั่นคง

       ด้วยความดี   นั้น ฝังตรึง  จากไปแล้วคำนึง ตรึงประทับดวงใจ   อย่าได้ลืมเลือน  สัญญากันไว้อย่างไร  ขอให้เรามั่นคงจิตใจ  ก้าวไปสรรค์สร้างความดี……

          โอ้เพื่อนเอ๋ย  เคยร่วม สนุกกันมา  แต่เวลา ต้องพาให้เราจากกัน ไม่นานหรอกหนา  เราคงได้มาพบกัน ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น  เพราะเรามั่นในสัญญา ..........

          หากแผ่นดิน  ไม่ฝังกาย  จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกาย ยิ้มสู้ฟันฝ่า ร้อยรัดดวงใจ  มั่นในคำสัญญา  สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา  นี่คือสัญญาของเรา..........

คิดฮอดอยู่เด้อ  ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่สู้ต่อไป สู้ สู้

  • ขอบคุณ คุณสุมากๆครับ 
  •  สำหรับมิตรภาพที่มอบให้ตลอดมา

ไม่ต้องร้องจ้าพี่สุจ๋า กลับมาแล้วหนุ่มทอ ...

......กุหลาบหนูที่บ้านค่ะคุณ.............

ขอบคุณที่รับรักษาใจดวงนี้มิให้ร้าวรานต่อไปค่ะ...

  • คุณลีครับ เคยฟังเพลง  "เก็บเศษแก้ว "มั้ย ช่วงหนึ่งมีว่า  "จะเอาแก้วแตก มาหลอมทำเป็นแก้วใหม่ ถึงนานแค่ไหน คอยได้ไม่หวั่นเวลา  หวานก็จะอม ขมก็จะกลืนไมว่า จะเก็บเศษแก้วนั้นหนามาเป็นแก้วตาดวงใจ" คุณลีจำไว้เลยนะ
  • "ห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามสุริยะแสงจันทร์ส่องไซร้"
  • ห้ามสองสิ่งนี้ได้จึงห้ามรักคุณ

สวัสดีค่ะ

มาทักทายตอนเช้า..ดีใจด้วยที่มาเขียนบันทึกต่อ

มาให้กัลยณมิตร

จะจดจำไว้ว่า"จะเอาแก้วแตก มาหลอมทำเป็นแก้วใหม่ ถึงนานแค่ไหน คอยได้ไม่หวั่นเวลา  หวานก็จะอม ขมก็จะกลืนไมว่า จะเก็บเศษแก้วนั้นหนามาเป็นแก้วตาดวงใจ" ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณ

  • ขอบคุณมากครับ พี่แดง  ที่แวะมาทักทาย
  • พร้อมดอกไม้สวยๆ มาให้กำลังใจ
  • ดีใจมากๆที่ได้กลับมาพบกับทุกๆท่านชาว G2K อีกครั้ง
  • มีความสุขกับวันหยุดนะครับพี่
  • จากใจจริง ของครูทอ ขอมอบให้ ลีลาวดี นะครับ
  • มีความสุขกับวันหยุดนะ

 

 

22. สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ราชภัฏพระนคร อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
เมื่อ อา. 07 มิ.ย. 2552 @ 12:02
1335664 [ลบ] [แจ้งลบ]

แต่งกลอนเป็น เพราะอ่านกลอน สุนทรภู่    ได้เรียนรู้นิราศเล่าทั้งเก้าเรื่อง

จินตนาวาทะเด่นเป็นประเทือง           ท่านปราดเปรื่องสมศักดิ์นักเมธี

 

สัมผัสนอกกลอนเดิมเริ่มสมัย             สัมผัสในไพเราะเหมาะสมที่

ฉันทลักษณ์หลักประพันธ์นั้นเด่นดี   อ่านแล้วมีลีลาได้อารมณ์

 

อ่านขุนช้าง ขุนแผน แสนล้ำเลิศ       ตอนกำเนิด พลายงาม  ความเหมาะสม

เห่เรื่องจับระบำกลอนขำคม          พระประธมนิราศ ชาตินักกลอน

 

กาพย์พระไชยสุริยาภาษาศาสตร์   โคลงนิราศสุพรรณสรรนุสรณ์

นิราศเมืองแกลงแหล่งบิดร             ขุนสุนทรโวหารงานประเดิม

 

เคยได้ดีมียศก็เสื่อมยศ                    เคยรันทดกลับมีความดีเสริม

ตัวละครแห่งตน เหมือนมนต์เจิม    มีส่วนเพิ่มและขาดนิราศไป

 

โลกประกาศเกียรติคุณ สุนทรภู่  องค์การยูเนสโกโชว์ยิ่งใหญ่

พระสุนทรโวหารงานเกริกไกร    น้อมนบให้ไหว้ท่าน นิรันดร์เทอญ

                มาเสริมเติมเต็มให้เพื่อนนะ

มาเยี่ยมเพื่อน  บอกว่า  "คิดถึงจังเลย" สุขภาพกายดี  สุขภาพจิตดีด้วย  คิดฮอดตลอดเวลา

  • ขอบคุณครับ คุณ สุ ที่มาเยี่ยมมาทักทาย
  • ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ
  • คนใจสัตว์  ไงเพื่อนมีเยอะเลยเดี๋ยวจะส่งรูปมาให้ดูนะ
  • ไหนอ่ะ รอดูหมดคืนแล้วนะ
  • ไม่รอล่ะ นอนดีกว่า แว๊กตีสามแล้ว อย่าฟ้องพี่ชายตัวเอง นะ เด๋วเราโดนตีตายแน่ๆ อิอิ
  • ฝันดีจงมีแด่เรา คริคริ
  • (เธอไม่นอนแล้วนี่)

 

  • เปลี่ยนใจแล้วอย่าดูดีกว่านะ คนใจสัตว์ เสียความรู้สึกเปล่าๆ
  • ดูรูป  คนใจดี  ดีกว่า ก็เจ้าของบล็อค นี้ไง
  • คลิ๊กไปดูได้เลย  ไม่มีพิษภัยหรอก ก็คนมันซื่อ (บื้อ)นี่ช่วยไม่ได้
  • มีความสุขกับวันอาทิตย์อีกวันนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท