แถวบ้านผมมีร้านขายอาหารอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ร้านหนึ่ง พี่พิมพ์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอายุคงราว ๆ สี่สิบปี หลายอาทิตย์ก่อนได้ข่าวว่าแกเก็บลูกนกที่ตกลงมาจากรังได้ตัวนึง แก่นึกสงสารเลย พยายามจะเลี้ยงมันให้รอดโดยเจียดเงินไปซื้ออาหารเด็กอ่อนอย่างพวกซีรีแล็กมาป้อนอยู่ทุกวัน ภรรยาผมก็เคยเอาของเจ้าโมกข์ลูกชายซึ่งไม่ชอบกินอาหารพวกนี้ไปให้เหมือนกัน
เรื่องราวก็ผ่านไปสักพักจนผมลืมไปแล้ว เมื่อวานเพิ่งได้ทราบว่า พี่พิมพ์แกประสบความสำเร็จในการเลี้ยงให้มันรอดชีวิตได้ แกก็เลยพยายามจะให้มันบินไปหาอาหารเอง แต่ปรากฎว่านกเจ้ากรรมบินขึ้นไปบนยอดไม้แล้วส่งเสียงร้องจ้าเพราะไม่สามารถบินลงมาได้ ท่าทางคงยากที่จะหัดให้บิน และยิ่งหัดให้หาอาหารกินเองนี่ท่าจะเป็นไปไม่ได้เลยกระมัง
ผมคิดถึงเรื่องเซลล์กระจกเงาที่ นพ.อุดม เพชรสังหาร เคยมาเล่าให้ที่ประชุมสามพรานฟังเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ว่าในสัตว์ก็มีเซลล์ชนิดนี้เหมือนกันเพียงแต่ผมจำไม่ได้ว่าคุณหมออุดมบอกไว้หรือเปล่าว่าในสัตว์ประเภทนกนี่มีหรือไม่ เพราะเรามักจะพบภาพที่แม่นกพยายามสอนลูกโดยบินให้ดู หรือแม่ไก่สอนลูกหาอาหารโดยคุ้ยเขี่ยให้ดู ถ้าอย่างนี้จะสอนเจ้าลูกนกตัวนี้ให้บินหรือให้อาหารพี่พิมพ์น่าจะต้องหาวิธีทำท่าทางให้มันดูด้วย
ทำให้มาคิดต่อถึงเรื่องการเลี้ยงลูกว่าการเลี้ยงให้ร่างกายเติบโตนี่ไม่ยากเลย แค่ให้กินอิ่มนอนหลับก็โตได้แล้ว แต่การเลี้ยงให้เป็นคนอย่างที่ควรจะเป็นนี้ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่แนะนำและทำให้ดูอย่างละเอียดประณีตทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องการ "ทำให้ดู" นี่ยิ่งต้องระมัดระวังมาก เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่เขาได้ดูจะเป็นสิ่งที่เราทำโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ทันระมัดระวังตัว ไม่ต้องรวมถึงสื่ออย่างโทรทัศน์ที่เจ้าโมกข์จะหยุดดูทุกครั้งเวลาเผลอเปิดทิ้งไว้ ทุกวันนี้ก็ยังต้องรีบวิ่งปิดโทรทัศน์กันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะรายการสุดโปรดของคุณตาคือมวยปล้ำ...
ไม่มีความเห็น