พุทธศาสนาในมุมมองของ...แม่ชีฝรั่ง (แม่ชีบริจิต)


Image

พุทธศาสนาในมุมมอง....ของแม่ชีฝรั่ง

“ศาสนา พุทธในสายตาของฉันนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ศาสนา แต่ยังเป็นปรัชญาชีวิต เราไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลให้เป็นไป แต่ชีวิตเป็นของเรา เราสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้ หรือไม่ดีก็ได้ อยู่ที่การทำตัวของเราเอง เราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเรา” และนี่เป็นมุมมองเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของ “บริจิต” เป็นแม่ชีชาวออสเตรเลีย

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งที่แม่ชีบริจิต บอกว่า แตกต่างจากหลักธรรมของศาสนาอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง คือ พระ พุทธเจ้าไม่เคยทรงตรัสว่าให้เชื่อ แต่ท่านสอนให้เราหาความจริงด้วยการปฏิบัติเอง พิสูจน์ทดสอบธรรมะที่ท่านตรัสไว้ ด้วยการปฏิบัติให้รู้จริงด้วยตัวเอง คำนี้เองที่ทำให้ฉันสนใจพุทธศาสนา ที่ฉันไม่ต้องทำตัวเหมือนเป็นลูกแกะที่เอาแต่เดินตามคนเลี้ยง

อย่างไรก็ตาม จากการแสวงหาความรู้เรื่องพุทธศาสนาหลายๆ สำนัก ทำให้เธอค้นพบว่า แม้ว่าผู้สอนพุทธศาสนาจะเคร่งในวัตรปฏิบัติ และถ่ายทอดความรู้เรื่องพุทธศาสนาได้ดีเพียงใด แต่ทุกคนก็ยังคงต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่มีใครมาทำแทนให้ได้ เราควรดีใจที่วันนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่พอจะมีความรู้จากประสบการณ์มาถ่าย ทอดให้ด้วยตัวเอง สอนในวิถีทางที่ถูกต้อง ซึ่งสำคัญมาก เราไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าเราฟังธรรมะแต่เพียงอย่างเดียว เราจะได้ความรู้จากการอ่าน แต่ถ้าเราต้องการจะรู้จริงให้ลึกซึ้งต้องปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นทางเดียวที่จะรู้ได้ บางครั้งมีคนมาถามเกี่ยวกับพระเจ้าว่า พระเจ้ามีจริงหรือไม่

Image

“แม้ว่าพระเจ้ามีจริง แต่ฉันเชื่อในแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้ารู้ทุกอย่างในโลกนี้ รู้ทั้งจักรวาล พระองค์ยังคงรู้เรื่องพระเจ้าด้วย และท่านยังคงรู้ว่าใครสร้างเรา นั่นก็คือตัวเราสร้างตัวเราเอง มีทุกข์และการดับทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้เอง ไม่มีใครมาลงโทษเรา เว้นตัวเราเองที่จะได้รับผลแห่งการกระทำของเรา ไม่มีใครให้รางวัลเราโดยที่เราไม่ได้ทำความดีอะไร ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่เป็นไป ไม่มีพระเจ้าสร้าง เราสร้างทุกอย่างเอง ความกลัวในการทำบาป ความละอายต่อบาปจะเกิดขึ้นในใจ ไม่ใช่กลัวว่าพระเจ้าจะลงโทษ”

นี่คือสิ่งที่แม่ชีฝรั่งเชื่อว่า คนเราจะพบความสุขหรือพ้นความทุกข์ได้ต้องเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง

อย่างไรก็ตาม เธอได้เล่าประวัติย้อนหลังให้ฟังว่า เป็นชาวออสเตรเลีย เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ช่วงที่ยังเป็นเด็กจะชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซู โดยขณะนั้นมีความรู้สึกว่าต้องการจะเป็นคนดี แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นประมาณอายุ ๑๒ ปี ก็ลืมความตั้งใจในวัยเด็ก ทำตัวเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่ต้องการแต่ความสนุกสนาน

จนกระทั่งอายุ ๒๐ ปี จึงได้พบกับริชาร์ด และได้แต่งงาน มีลูก ๒ คน ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง คนที่สองเป็นผู้ชาย การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถึง ๒ ครั้ง คือ

Image

ครั้งแรก เกิดขึ้นหลังคลอดลูกชาย มีความรู้สึกกลัวตายขึ้นมาอย่างมาก กลัวว่าสามีและลูกๆ จะตาย มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก และมักจะเกิดขึ้นช่วงเวลาเย็นของทุกๆ วัน เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ ๑ เดือน แล้วก็หายไป

ครั้งที่สอง เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกชายอายุได้ ๘ เดือน เมื่อแม่สามีได้เสียชีวิตลง อาการกลัวความตายก็เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความตายได้ ไม่มีใครสามารถช่วยให้รอดได้ ความรู้สึกกลัวการตายนี่เองที่ทำให้ไม่สบายใจ แอนเดรียที่เป็นเพื่อนสนิทได้ชวนไปฝึกโยคะ ทำให้ได้พบกับประสบการณ์ในการทำสมาธิ เกิดความสนใจกับเรื่องการฝึกจิตขึ้นมา

แม่ชีบริจิต เล่าต่อว่า เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๒ ได้เดินทางมาฝึกสมาธิครั้งแรกที่ประเทศไทย เป็นเวลา ๒ เดือน ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ปฏิบัติด้วยการกำหนดจิตสู่การกระทำทุกๆ อย่าง ไม่ยึดติด ไม่มีตัวตนและจิต สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง หลังจากนั้นได้กลับไปประเทศออสเตรเลีย แต่กลับรู้สึกว่าชีวิตที่นั่นมันก็ดูเหมือนเดิมน่าเบื่อ ไร้สาระ ไม่มีอะไร หลังจากนั้นอีก ๒ เดือน จึงได้เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติสมาธิ และครั้งนี้เองได้ขออนุญาตอาจารย์นำสามีและลูกๆ มาอยู่ด้วย

Image

จากนั้นได้เดิน ทางกลับไปออสเตรเลียอีกครั้ง เพื่อเตรียมเก็บของเล่นและลูก พร้อมด้วยเงินอีกจำนวนหนึ่ง และได้ทิ้งสามี (ริชาร์ด) ไว้ที่นั่น การกลับมาเมืองไทย ครั้งนี้ได้ตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี สามีมารับลูกกลับไปดูแล ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ตั้งใจหมั่นปฏิบัติรักษาศีลอย่างเต็มความสามารถ ตามทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองร่วมกับนักปฏิบัติชาวต่างประเทศอย่างต่อ เนื่อง

หลังจากบวชเป็นแม่ชี ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง กำหนดทุกอิริยาบถ การกิน การเดิน การนั่ง การนอน ทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งคิดถึงลูกก็ยิ่งต้องปฏิบัติให้มากขึ้น ขณะนั้นมีความฟุ้งซ่านมาก ทำอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง ก็ไปถาม อาจารย์ทวี ว่าทำอย่างไรก็ไม่หายคิดถึงลูก

อาจารย์บอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ลองไปกวาดถนนดีกว่า และเข้าไปช่วยทำครัวยามว่าง พร้อมกับมีโอกาสฝึกภาษาไทยตั้งแต่นั้นมา ทำอย่างนี้อยู่ประมาณ ๒ ปี

อาจารย์แนะนำให้ไปสอนพวกต่างชาติที่สนใจกับการทำกรรมฐาน ปฏิบัติทำสมาธิ ว่าการนั่ง นั่งอย่างไร การเดิน เดินอย่างไร สอนไปก็ช่วยงานในวัดไปด้วยเหมือนเดิมประมาณสัก ๒ ปี ระหว่างอยู่ที่แปดริ้ว มีเพื่อนคนไทยที่มาบวชเนกขัมมะพามากราบ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เมื่อเห็นก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอยากมาอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน แต่ก็ยังมาไม่ได้ ครูบาอาจารย์ทางนั้นมีพระคุณมาก แต่ในที่สุดได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อสังวาลย์ ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม แล้วก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

 

Image

หลวงพ่อสังวาลย์  เขมโก

 

 

 

 

คัดลอกมาจาก
นสพ.คม ชัด ลึก คอลัมน์ พระเครื่อง คม ชัด ลึก
ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2547
เรื่องและภาพ : ไตรเทพ สุทธิคุณ

คำสำคัญ (Tags): #พุทธศาสนา
หมายเลขบันทึก: 260699เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 14:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 23:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะคุณ blueEye ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่หามาให้อ่านกัน ทุกข์ สุข อยู่ที่ใจ

ความชั่ว ความดี อยู่ที่จิตสำนึกของเรานี่เอง

พุทธองค์ตรัสไว้ว่า ในหมู่มนุษย์ คนที่ประเสริฐ คือคนที่ฝึกแล้ว สาธ!!

ดิฉันก็นับถือคริสต์ค่ะ แต่หลายปีที่ผ่านมาแอบศึกษาเรื่องพระพุทธศาสนาค่ะ ตอนนี้ใจของดิฉันเริ่มศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อเรื่องบาปบุญ แต่ลำบากมาก เพราะญาติเป็นคริสทั้งบ้านและทั้งหมู่บ้าน ดิฉันรู้สึกอึดอัดมากค่ะ จะทำยังไงดีกับชีวิตค่ะ เพราะเวลาเข้าโบสถ์ จะฝืนใจตัวเอง เ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท