Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

วันที่ 1 ของการเดินทางบนเส้นทางแห่งบุญ


"เอหิปัสสิโก" เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด

อบรมวิปัสสนากรรมฐานครั้งนี้เราตั้งใจมาก  มุ่งมั่นเต็มที่  เก็บกระเป๋าก่อนที่เรื่องลางานจะได้รับการอนุมัติซะอีกค่ะ  มาคนเดียวค่ะ  ชวนใครต่อใครแล้วเค้าไม่มา  เราก็ต้องใจถึงๆหน่อยนะคะ  ถ้ารอเพื่อนหรือญาติมาด้วยชาตินี้คงไม่ได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่แน่ๆ

หลังจากตอบยืนยันการเข้าปฏิบัติธรรมทางอินเตอร์เนตแล้วทางยุวพุทธฯจะส่งเมลตอบผลการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานมาให้ในเมล  อ่านแล้วพิมพ์ออกมาเลยค่ะ เป็นเอกสารไว้ยื่นเวลาลงทะเบียน  ในวันที่เข้าปฏิบัติธรรมค่ะ

เช้าวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

8.45  เราเดินทางมาถึงยุวพุทธฯ ศูนย์ 1  ซ.เพชรเกษม  54  พาตัวเองกับสัมภาระมาด้วย  หอบหิ้วมามากหน่อยค่ะ  แบบว่าเตรียมตัวมาเยอะ จะได้สบายใจ นำเอกสารยืนยันมายื่นที่แผนกรับสมัคร (ตึกหน้าอยู่ด้านซ้ายในสุด)   ในช่วงเวลาที่กำหนด คือ 08.00 – 09.00 น.  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำบัตรสมาชิกยุวพุทธให้สำหรับคนที่ยังไม่มีบัตรสมาชิก  คนที่มีบัตรสมาชิกแล้ว ก็เข้าไปที่ห้องอาหารตึกเก่า (ด้านใน) ได้เลยค่ะ ไปลงทะเบียนการเข้าพักที่นั่น  เจ้าหน้าที่จะรออยู่ เลือกห้องพักและเตียงให้เรา สำหรับสมาชิกใหม่ต้องจ่ายค่าทำบัตร 50 บาท ด้วยค่ะ 

9.00  ลงทะเบียนเสร็จแล้ว  เราจะได้ป้ายชื่อและเบอร์ห้อง C 201 – 18 อยู่ชั้น 2 คือ เตียงที่ 18  เตียงล่าง ติดริมหน้าต่าง  ผนังด้านใน (มืดๆค่ะ  เพราะมีอีกตึกบังอยู่) ห้องพัดลม  ติดมุ้งลวด  ขึ้นบันไดเดินเข้ามาเลี้ยวขวาค่ะ  เอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่เตียง มีอุปกรณ์การนอนวางไว้ให้  จัดการปูผ้าที่เตียง ใส่ปลอกหมอน เปลี่ยนเส้อผ้าเป็นชุดขาว  แล้วก็นอนพักผ่อน  รอเวลาปฐมนิเทศ ตอน 10.00 น ค่ะ

            10.00 ได้เวลา (เสียงออดดัง) ก็เดินเข้าห้องปฏิบัติธรรม อยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ ออกจากห้องพัก เลี้ยวขวาอยู่ด้านขวาสุดค่ะ  ห้องปฏิบัติธรรมติดแอร์ค่ะ อุณหภูมิ 25 องศา  กำลังเย็นสบายๆ มีเบาะสีน้ำเงินวางไว้  เลือกที่นั่งตามใจชอบค่ะแล้วเข้าไปนั่งรอ  จะมีกระดาษให้กรอกชื่อ  ประสบการณ์การบวช  หมายเลขเบาะที่นั่ง หมายเลขเตียงนอนวางไว้พร้อมปากกา  กรอกเสร็จแล้วนำไปส่งที่อ.อภิญญาค่ะ นอกจากนั้นเค้าก็วางสมุดโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานไว้ให้  คนละ 1 เล่ม  ข้างในสมุดจะบอกประวัติพระวิปัสสนาจารย์  รายชื่อเจ้าภาพโครงการ  คำอาราธณาศีล ๘  และบันทึกธรรม ไว้ให้จดอะไรๆ

เมื่อมาพร้อมกันแล้ว  ประธานโครงการกล่าวต้อนรับ กล่าวเปิดงาน แนะนำให้รู้จักยุวพุทธฯ โดยดู DVD แนะนำ แล้วก็แนะนำให้รู้จัก อ.อภิญญา  ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ช่วยวิทยากรที่จะคอยดูแลและให้ความช่วยเหลือเราตลอดทั้งโครงการค่ะ  บอกกฎ กติกา  ระเบียบปฏิบัติ  หลังจากนั้นก็ดู DVD การสอนปฏิบัติธรรมของพระครูปลัดวีระนนท์ วีระนันโท (เราจะเรียกท่านว่า หลวงพ่อ นะคะ) http://gotoknow.org/blog/veeranon/259720 

DVD แผ่นนี้ดีมากค่ะ หลวงพ่อและลูกศิษย์ช่วยกันจัดทำขึ้น  โดยหลวงพ่อบอกวิธีการปฏิบัติและสาธิตวิปัสสนากรรมฐาน (แบบพองหนอ  ยุบหนอ)  ยืน เดิน นั่ง  นอน  อย่างละเอียด ชัดเจน เข้าใจง่าย เสียงหลวงพ่อฟังแล้วเย็นใจค่ะ  มีบรรยายภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ชาวต่างชาติดูแล้วสามารถปฏิบัติตามได้ ถ่ายทำในวัดป่าเจริญราช http://gotoknow.org/blog/veeranon/259730 บรรยากาศสุขสงบ  สนใจผาติกรรมได้ที่วัดป่าเจริญราชค่ะ

12.00  รับประทานอาหารกลางวัน  ก็เดินเข้าแถวอย่างเรียบร้อยไปตักอาหารมังสวิรัติที่วางอยู่บนโต๊ะ  โดยใช้ถาดหลุม  อาหารมื้อแรกของเรา คือ  ข้าวกล้อง ผัดขิงเห็ด  แกงเขียวหวาน  ไข่ยัดไส้ มีซาลาเปาไส้หวานกับแตงโม เป็นของหวาน นำถาดอาหารมาที่โต๊ะอาหาร (เลือกที่นั่งเองค่ะ) พิจารณาอาหาร  แล้วรับประทานค่ะ  อร่อยมากค่ะ (ทานได้เต็มที่นะคะ  ไม่อิ่มก็มาตักใหม่) ทานเสร็จแล้วก็เอาถาดไปวางที่เค้าจัดไว้ให้ (ไม่ต้องล้างจานค่ะ) แล้วก็ขึ้นไปนอนพักผ่อน เตรียมตัว เตรียมใจปฎิบัติธรรมช่วงบ่ายค่ะ

12.45   ใกล้หมดเวลาพัก  เสียงออดเตือนก็ดังค่ะ  เราก็เดินเข้าห้องปฏิบัติธรรมค่ะ  คราวนี้เค้าจัดเบาะนั่งใหม่  เป็นเบาะสีน้ำตาลค่ะ  จัดสลับหว่างกันกับแถวหน้า ให้ข้างหน้าเบาะมีที่ว่างเพื่อเดินจงกรมประมาณ 8-10 ก้าว เพื่อสามารถเดินจงกรมได้

13.00   เริ่มพิธีบวช  หลวงพ่อออกมากับพระอาจารย์อีกรูป (ผู้ช่วยหลวงพ่อ  จำชื่อจริงไม่ได้ค่ะ  ได้แต่ชื่อเล่นค่ะว่า พระอาจารย์แม็ค) แล้วอ.อภิญญา ก็นำพวกเรากราบ ถวายเครื่องสักการะ (ดอกไม้ธูปเทียน) กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำสมาทานสิกขาบท 8 ประการ  http://gotoknow.org/blog/veeranon/261373

หลวงพ่อ ให้โอวาทจนจบ  แสดงธรรมและสอนกรรมฐาน ค่ะเริ่มจากเดินจงกรม Step 1 

http://gotoknow.org/blog/gotoybat/260278

จนกระทั่งมานั่งภาวนา ค่ะ

13.40   สอนเสร็จก็ให้พวกเราเริ่มปฏิบัติกัน  เดิน  30 นาที  นั่ง 30 นาที  โดยหลวงพ่อจะคอยเดินตรวจดูลูกศิษย์ว่าทำถูกต้องหรือเปล่า  พวกเราก็ตั้งใจปฏิบัติกันค่ะ  เดินจงกรมจนเมื่อย  ปวดบ่า ไหล่มากค่ะ  แรกๆสมาธิก็มามั้ง หายมั้ง  ฟุ้งซ่านบ้างก็พยายามต่อไป

นั่งภาวนา พองหนอ  ยุบหนอ ได้สมาธิกับสติบ้าง  แม้จะขาดๆหายๆก็กลับมาองค์ภาวนา นิวรณ์ 5 มาเลยค่ะ  ฟุ้งซ่านไป  รู้สึกตัวก็กลับมาภาวนาต่อ หนักๆเข้าก็ง่วง แล้วก็เจอเวทนามาก  ปวดขา  ปวดหลังมาก ก็ภาวนา  พองหนอ  ยุบหนอ  ปวดหนอ

15.00   หมดเวลาช่วงแรก  พักดื่มน้ำปานะค่ะ  ทางยุวพุทธฯ  เตรียมน้ำผลไม้ น้ำหวานให้ดื่มค่ะ  มี 2 ที่ คือ ห้องทานอาหารข้างล่าง กับหน้าห้องปฏิบัติธรรมชั้นบนค่ะ  ทานเสร็จแล้วก็เข้าห้องน้ำ  ให้เรียบร้อย  ล้างหน้าให้สดชื่นค่ะ

15.30    หมดเวลาพักแล้วค่ะ (เสียงออดดัง)   ก็กลับเข้ามาในห้องปฏิบัติธรรม  ปฏิบัติต่อค่ะ  ลุยเลยค่ะ สู้ๆๆ (พากเพียรหนอ) ฟุ้งซ่าน  ง่วง  ทุกข์เวทนามาเรื่อย  ภาวนาไป  พองหนอ  ยุบหนอ  ปวดหนอ  รู้ตัวไป  พองหนอ  ยุบหนอ  ปวดหนอ

17.00   หมดเวลาปฏิบัติ  (เฮ....) หลวงพ่อก็นะสวดแผ่เมตตา  กรวดน้ำ กราบลาพระพุทธ  อ.อภิญญา ก็นำกราบลาพระอาจารย์  นั่งรอพระอาจารย์เดินออกไปก่อนค่ะ  แล้วก็กลับห้องพัก นอนพักผ่อน หรือ อาบน้ำ หรือ ทานข้าว (สำหรับผู้ถือศีล 5 ค่ะ) หรือ ทานน้ำปานะ คุยโทรศัพท์  แล้วแต่สะดวกค่ะ  เราน่ะ  ดื่มน้ำ  เข้าห้องน้ำแล้ว รีบกลับเตียงแล้วลงนอนก่อนเลยค่ะ  ก็ปวดขา  ปวดหลังมาก  ไม่ไหวต้องพักก่อน

18.30   ได้เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็น (เสียงออดดัง) ก็เดินเข้าห้องปฏิบัติธรรมค่ะ  ประจำที่นั่ง  จะมีหนังสือสวดมนต์เล่มเล็กๆ  วางไว้ให้พวกเราสวดมนต์ทำวัตรเย็นกัน  พระอาจารย์แม็ค  นำสวดมนต์ค่ะ  หลวงพ่อไม่สบายค่ะ  ท่านพักผ่อน คืนนี้จึงไม่มีเทศน์ค่ะ

19.00   สวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว  เราก็เริ่มปฏิบัติกรรมฐานกันต่อค่ะ  ยืน เดิน นั่ง ค่ะ  พระอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติด้วย

20.30   หมดเวลาปฏิบัติ  พระอาจารย์ก็นำสวดแผ่เมตตา  กรวดน้ำ กราบลาพระพุทธ  อ.อภิญญา ก็นำกราบลาพระอาจารย์  ไปพักผ่อน  ดื่มน้ำปานะ อาบน้ำ

21.00   นอนหลับค่ะ  ไม่นอนก็ต้องนอนค่ะ  เพราะเค้าปิดไฟหมด  ยังไม่ง่วงก็นอนภาวนาต่อบนเตียงค่ะ  ทุกคนต่างคนต่างนอน  ไม่ค่อยมีใครพูดคุยกัน  เค้าเคร่งกันค่ะ  ยกเว้นเรา  ออกไปคุยโทรศัพท์กับครอบครัว ตรงระเบียงห้องค่ะ  เค้าเป็นห่วง  ต้องเล่าให้เค้าฟังหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง  เค้าจะได้สบายใจกัน 

 

Trip : คำแนะนำพิเศษๆ นะคะ  เพื่อการปฏิบัติธรรมอย่างราบรื่นสำหรับมือใหม่ค่ะ

 

1. การทานอาหาร  อาหารมังสวิรัติก็อร่อยดีนะคะ  ถึงแม้ว่าหน้าตาอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร  ทำใจดีๆค่ะ  ลองตักอาหารทุกอย่างที่มีให้นะคะ  ตักน้อยๆก่อน ลองมาทานดู  ถ้าอร่อย  ทานได้ก็ค่อยเดินไปตักอีกค่ะ  เค้าไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ  ถ้าทานอย่างมีสติ  เรียบร้อย  พยายามทานนะคะ  ไม่งั้นตอนเย็นจะหิว

2. การเดินจงกรม  หลายคนไม่ชอบเดินจงกรม  เพราะคิดว่าไม่ค่อยได้อะไร (ตอนหัดใหม่ๆ เราก็รู้สึกยังงั้น)  อยากบอกว่า  จริงๆแล้วการเดินจงกรมมีประโยชน์มากค่ะ  คือ  อาพาธน้อย  ย่อยอาหาร  นานในสมาธิ  สำคัญมากเลยค่ะ  ยิ่งเดินมาก  จะนั่งสมาธิได้นานมากขึ้น  เพราะมีสมาธิที่ต่อเนื่องมาจากการเดินที่ส่งเสริมในการนั่งภาวนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น (ตอนแรกๆพระอาจารย์ที่สอนเราเค้าแนะนำ  เราก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร  แต่พอลองทำแล้ว  เดินจงกรมก่อนนั่งแล้วดีกว่าไม่เดินจริงๆค่ะ)  ลองปรับทัศนคติใหม่นะคะ  ลองดูค่ะ  แล้วจะชอบ  ไม่แน่นะคะ  อาจบรรลุธรรมเพราะการเดินก็ได้ค่ะ  สู้ๆๆ (พากเพียรหนอ)

3. การนั่งภาวนา  ภาวนาแรกๆ นิวรณ์ 5 เค้าจะสลับกันมาหรือบางทีก็มาพร้อมกัน เช่น

ฟุ้งซ่าน  พองหนอ  ยุบหนอ  ฟุ้งซ่านหนอ  คิดเรื่องโน้น เรื่องนี้ไปเรื่อย ลืมตัวเองไป  จิตใจอาจจะยังไม่สงบเท่าไหร ก็ให้รู้สึกตัวไว้ค่ะ  อย่าทิ้งองค์ภาวนา  อย่าส่งจิตออกนอก ไปคิดเรื่องอื่น  ภาวนาไว้ค่ะ และอย่าส่งจิตเข้าข้างใน เพราะจะกลายว่าเราไปเพ่งมันเอาไว้  ดักรู้ ดักดู  อย่างนั้นไม่ใช่วิปัสสนาค่ะ  เพราะมันจะแข็งๆทื่อๆ  ของจริง จะรู้สึกนุ่มนวล สบายๆค่ะ

ง่วง  พองหนอ  ยุบหนอ  ง่วงหนอ  มือใหม่หัดภาวนาอย่างเรา  ภาวนาดี ได้สมาธิ  แต่สติอ่อน  ก็จะผงกล่ะ  บางทีรู้สึกง่วงมาก จนภาวนาต่อไม่ได้  อยากนอนมาก  ถ้าลุกก็จะผิดสัจจะ  เพราะยังไม่หมดเวลาที่ตั้งใจนั่งภาวนา  สู้ไม่ไหวก็ให้ร่างกายมันหลับไปค่ะ  แต่ใจยังภาวนาอยู่  รู้สึกตัวอยู่  ถ้าทำไม่ได้ก็ลุกไปทานน้ำ  ล้างหน้า  แล้วกลับมาภาวนาต่อ  สู้ๆๆ (พากเพียรหนอ)

4. การคุยโทรศัพท์  ถึงแม้จะมีป้ายบอกไว้ว่า “’งดพูด ติดไว้  สำหรับคนเพื่อนเยอะ  แฟนเยอะ  มีคนรักอย่างพวกเรา  คงทำใจลำบากถ้าไม่ให้พูดเลย  ขอบอกว่า  เลือกหามุมสงบๆ ห่างๆผู้คน (ระวังอ.อภิญญาค่ะ  ถ้าเค้าเห็นเค้าก็จะเดินมาเตือนค่ะ ฮิๆๆ) แล้วโทรไปเลยค่ะ  คุยเลยแต่เสียงเบาๆนะคะ  อย่ารบกวนผู้อื่น  เราอนุญาตตัวเอง  เพราะวันนี้ยังไม่ได้สมาทานปิดวาจาค่ะ  เพราะฉะนั้น  ยังคุยได้ไม่ผิดศีลค่ะ  เลือกคุยเฉพาะคนสำคัญๆ และเรื่องดีๆนะคะ ไม่พูดเท็จ พูดเพ้อเจ้อ หรือคำหยาบนะคะ  จะได้ไม่ผิดศีลข้อ 4

5. จัดการกับความคิดถึง  ใครจะบอกว่าไม่รู้สึกคิดถึงคนพิเศษ คิดถึงบ้านหรือคิดถึงงาน  เราว่าโกหกน่ะ  เพราะเราเป็นมนุษย์ที่มีกิเลสอยู่  ถึงแม้ว่าจะมาลด ละ เลิกกิเลสที่นี่  แต่ความรู้สึกแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ค่ะ  วิธีที่ดีนะคะ  ให้รู้สึกตัวไว้ค่ะ  คิดถึงก็ให้รู้ว่าคิดถึง  เศร้าก็ให้รู้ว่าเศร้า  เหงาก็ให้รู้ว่าเหงา  นั่งก็รู้  เดินก็รู้  นอนก็รู้  สักว่ารู้  สักว่าเห็น  ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร  ยังไง  ให้มีสติ  รู้สึกตัวบ่อยๆ  รู้เฉยๆ  รู้ลูกเดียวเลย  ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง  มันเป็นยังไง  ก็รู้ว่ามันเป็นยังงั้น  เช่น  พอคิดแล้วรู้ว่ากำลังคิด  พอรู้ปั๊ป  สติจะเกิด มันก็ตัดปุ๊ปเลยค่ะ  ได้วิปัสสนาค่ะ  รู้บ่อยๆ ดีค่ะ  เผลอบ่อยๆ เหม่อบ่อยๆ ไม่ดีค่ะ  เดี๋ยวกิเลสเอาไปกินหมด 

รู้แล้วเป็นยังไงหรือค่ะ ก็จะเห็นว่า กาย ใจ สภาวะรูปธรรม ไม่ใช่ตัวเรา จะเห็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา มันไม่เที่ยง  มันเป็นทุกข์  มันไม่มีตัวตน (ว่าง)

วันนี้เล่าแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ  ขอตัวไปภาวนาก่อนค่ะ

พรุ่งนี้จะกลับมาเล่าให้ใหม่ค่ะ

 

บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองค่ะ

หมายเลขบันทึก: 260346เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2009 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

อิสระแห่งจิต

http://gotoknow.org/blog/mindfreedom

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่าน

บุญรักษา ธรรมคุ้มครองค่ะ

ขออนุญาตถาม คุณแพรภัทร ครับ ว่า ปฏิบัติที่ยุวพุทธ นี่ จะแตกต่างอย่างไรกับปฏิบัติในโครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อที่วัดป่าเจริญราชโดยตรงอะครับ เท่าที่ผมทราบ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ คือ ที่ยุวพุทธนี้ผู้ปฏิบัติต้องมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว ส่วนที่วัดป่าเจริญราชผู้ปฏิบัติอาจเป็นมือใหม่เลยก็ได้ ถูกป่าวครับ

แตกต่างที่สถานที่และบรรยากาศค่ะ

ส่วนวิธีการสอนและรปฏิบัติเหมือนกันค่ะ

ตามหลักสูตรหลวงพ่อวีระนนท์ค่ะ

ที่น่าสนใจคือที่ยุวพุทธฯจะเน้นให้ปฏิบัติเข้มข้นกว่า เน้นให้ปฏิบัติเยอะๆ

และกินข้าวไม่ต้องล้างจานค่ะ อาหารเป็นมังสวิรัติค่ะ

แต่ที่วัดป่าฯต้องล้างจานเอง อาหารมีเนื้อสัตว์ค่ะ

มือใหม่ก็ไปยุวพุทธฯได้เลยค่ะ เค้ามีคอร์สสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ

ส่วนคอร์สของหลวงพ่อนะคะ เวลาหลวงพ่อสอนกรรมฐาน หลวงพ่อจะเริ่มจากเบสิค คือ ขั้นที่ 1 ทุกครั้งค่ะ

ไล่ระยะเหมือนกันหมดค่ะ

ไม่รู้อะไรเลยก็ปฏิบัติได้ค่ะ สบายมาก ขอให้ได้ปฏิบัติเถอะค่ะ

ขอให้เจริญธรรมนะคะ

ขอบคุณมากครับ อ แพรภัทร ที่ให้คำแนะนำ กระผมสงสัยอีกเล็กน้อยอะครับ ว่า แล้วผู้ปฏิบัติที่เคยเข้าคอร์สกับหลวงพ่อวีระนนท์มาแล้ว เมื่อเข้าซ้ำๆในคอร์สถัดไป เนื้อหาที่ท่านบรรยายจะเหมือนกันหรือไม่ และก็การสอบอารมณ์นั้น สามารถเข้าไปสอบกับท่านได้ตลอดหรือไม่ครับ หรือต้องรอตามเวลานัด (เน้นที่ยุวพุทธ อะครับ)

หากอยากทำบุญถวายปัจจัยกับหลวงพ่อด้วยตนเอง เช่น เป็นเจ้าภาพกุฏิกรรมฐาน หรือ เสาอุโบสถ และให้ท่านกรวดน้ำให้ นี่ ควรไปพบท่านเวลาไหนบ้างครบ หรือโทรถามที่วัดก่อนครับ

ขอบคุณอีกทีครับ

เหมือนแต่ว่าไม่เหมือนค่ะ

ธรรมมันก็มี 84000 พระธรรมขันธ์ เท่านั้นค่ะ

เวลาหลวงพ่อบรรยายแล้วแต่หลวงพ่อท่านจะยกเรื่องไหนมาเป็นพิเศษค่ะ

ตามวัน เวลา ที่เหมาะสมและตามสภาพผู้เรียนหรือลูกศิษย์

แต่ก็เกี่ยวกับวิปัสสนากรรมฐานทั้งนั้นค่ะ

ธรรมบรรยายแต่ละครั้ง เรื่องเหมือนกัน แต่ถ้าภูมิธรรมของผู้ฟังไม่เหมือนกัน

ฟังแล้วก็ได้ธรรมที่แตกต่างกันนะคะ การตีความ ความเข้าใจมันมากขึ้นค่ะ ถ้าฟังบ่อยๆ

การเข้าสอบอารมณ์ที่ยุวพุทธฯ มีกำหนดเวลา ตามคิวที่จัดไว้ให้ค่ะ ต้องปฏิบัติตามระเบียบค่ะ

ส่วนการทำบุญเจ้าภาพกุฏิกรรมฐาน หรือ เสาอุโบสถ ติดต่อที่วัดป่าได้เลยค่ะ

แพรก็รับเป็นเจ้าภาพกุฏิกรรมฐาน 1 หลัง ก็ทอดผ้าป่ารวบรวมเงินถวายปัจจัยให้ท่านอยู่ค่ะ

จะมาร่วมกันก็ได้นะคะ จะได้เสร็จเร็วๆ 555

ส่วนการกรวดน้ำให้ แพรไม่เข้าใจค่ะ กรวดให้ใครค่ะ ปกติเวลาถวายท่านก็ให้กรวดน้ำอยู่แล้วนี่ค่ะ

จะเข้าไปพบหลวงพ่อเมื่อไหรก็โทรเข้าไปเช็คตารางวัน เวลากับทางวัดก่อนจะดีกว่า

ถ้าหลวงพ่ออยู่ก็เข้าไปถวายเพลท่านก่อน 10.30 น. พอท่านฉันเสร็จก็เข้าไปคุยกับท่านค่ะ

ส่วนมากถ้าไม่มีกิจนิมนต์ที่ไหนหลวงพ่อจะอยู่ที่วัดป่าเจริญราชตลอดค่ะ

บุญรักษา ธรรมคุ้มครองค่ะ

ขอบพระคุณมากครับ

เรื่องกรวดน้ำ ผมหมายถึงว่า ถ้าเราโอนเข้าบัญชีธนาคารของวัดไป ก็คงไม่ได้กรวดน้ำ ณ ขณะนั้น แต่ถ้าไปถวายกับหลวงพ่อเลยโดยตรง ท่านก็กรวดน้ำให้ น่าจะรู้สึกปิติมากกว่าอะครับ

ขออนุญาตถามอีกนิดอะนะครับ แล้วนอกจากหลวงพ่อวีระนนท์แล้ว คุณแพร เคยเข้าคอร์สของอาจารย์ท่านอื่นมั้ยครับ เช่น ของหลวงพ่อประจาก , พระคันธสาราภิวงศ์ ครับ

ไม่เคยค่ะ

แพรมีโอกาสลางานได้น้อยมาก ได้ไปปีละครั้งก็ถือว่าบุญแล้วค่ะ

แพรก็สนใจคอร์สพระอาจารย์ท่านอื่นนะคะ ถามเพื่อนๆที่เคยไปคอร์สอื่น เค้าก็บอกว่าดีทั้งนั้นค่ะ

ที่สำคัญในความคิดแพร แพรคิดว่าถ้าเราเรียนกับครูบาอาจารย์ท่านใด เราก็น่าจะเรียนรู้ให้เชี่ยวชาญชำนาญไป

หลวงพ่อวีระนนท์ในความรู้สึกของแพรท่านเป็นครูที่เก่งและดีมาก

แพรยังเรียนรู้จากท่านได้น้อยมาก ก็เลยอยากจะปฏิบัติและเรียนรู้จากท่านต่อไปค่ะ

เพราะครูแต่ละคนอาจจะมีเทคนิคการสอนไม่เหมือนกัน ถึงจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม

แพรคุ้นเคยและเข้าใจกับครูคนนี้ แพรก็เลยอยากเรียนกับครูคนนี้ค่ะ ให้เก่งๆค่ะ

แล้วแต่สะดวกนะค่ะ ครูดีๆ เก่งๆมีเยอะค่ะ

อีกอย่างครูเก่งๆแบบหลวงพ่อวีระนนท์ แพรได้มาจากการอธิษฐานจิตของแพรค่ะ

ว่าอยากพบ อยากเจอ อยากเรียนกับพระอาจารย์ดีๆเก่งๆทางด้านกรรมฐาน

ก็เลp,uบุญจัดสรรให้มาเจอหลวงพ่อค่ะ

พอได้เรียนรู้และปฏิบัติกับท่านจริงจัง ได้เข้าไปช่วยงานท่านที่วัดบ่อย

แพรไม่เปลี่ยนใจแล้วค่ะ รักเดียวใจเดียว ค่ะ ไม่ไปไหนแล้วค่ะ 555

รักและเคารพและศรัทธาหลวงพ่อมากๆเลยค่ะ

นี่เป็นทัศนคติส่วนตัวนะคะ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ครับ คุณแพร ที่ได้ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์มหาศาลสำหรับผม

ผมเคยไปที่วัด ซื้อหนังสืออิสระแห่งจิตมา 2 เล่ม (อ่านไปแล้ว) CD MP3 แผ่นที่ 1-13 (ฟังไปได้หลายแผ่น) และ DVD ปฏิบัติธรรม (ดูจบไปแล้ว) แล้วก็เช่าวัตถุมงคลมาหลายอย่างครับ ได้แก่ รูปหล่อหลวงปู่โลกอุดร (รุ่นเก่า), พระสิวลีตั้งหน้ารถ, ประคำ, รูปหล่อพระสิวลี ลปโลกอุดรขนาดห้อยคอ

ตอนไปครั้งแรก เจอท่านกำลังเดินผ่านออกมาจากตรงที่ท่านรับแขก ก็ได้แต่บอกท่านว่าอยากมาปฏิบัติธรรมครับ ท่านเลยบอกให้ไปคุยกับแม่น้อง พอดีเหมือนท่านจะเดินออกไปไหนสักที่อะครับ เลยไม่ได้สนทนากับท่าน แต่รู้สึกได้อย่างตอนเดินผ่านท่านว่า ดูท่านผ่องรัศมีมาก คล้ายๆมีรังสีแผ่ออกมาจากตัวท่าน เมื่อก่อนผมไปวัดแถวอยุธยา อ่างทอง ชัยนาทบ่อยครับ (ไปเช่าตะกรุดครับ แหะๆ) ผมเคยรู้สึกอย่างนี้ครั้งแรกตอนอยู่ใกล้ๆ หลวงปู่นะ วัดหนองบัว (วัดปทุมธาราม) ชัยนาทอะครับ คือเหมือนมีรัศมีแผ่ออกมาจากกายจนสัมผัสได้

แล้วได้มาฟัง MP3 ของท่านประกอบกับความนึกคิดหลายๆอย่างของผมเอง ทำให้ผมรู้สึกว่า หลวงพ่อวีระนนท์ท่านบรรลุอรหันต์ (หรืออย่างน้อยๆ ก็พระอนาคามี) แล้วหละครับ

ใจจริง ผมกะว่าจะถวายปัจจัย สร้างกุฏิกรรมฐานสักหลังหนึ่ง สำหรับเป็นบุญให้บิดามารดาโดยเฉพาะ (ท่านยังอยู่นะคับ) เอ่.. ใช้ปัจจัยต่อหลังสักกี่หมื่นหรือกี่แสนนะครับ พอแนะนำได้มั้ยครับ หรือจะรอสร้างกุฎิที่สาขาปากช่องเลยดีกว่าครับ

ขอบพระคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับคำแนะนำดีๆ ครับ

กุฏิกรรมฐานที่กำลังสร้างอยู่ที่วัดป่าเจริญราช

ราคาประมาณ 200,000 - 300,000 บาทค่ะ

ถ้าสนใจอยากทราบรายละเอียด  ติดต่อแม่น้องหรือเจ้าหน้าที่ๆวัดป่าเจริญราชได้เลยค่ะ

บอกว่าอ.แพร  แนะนำมาก็ได้ค่ะ

 

อนุโมทนา  สาธุนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท