ฟังเยอ ฟ้าฮ่ำฮ้อง บนเบิกบัวระพา
วาโยเผลียง พ่ำพรมภายพื้น
วันนี้ฝนตกที่สกลนครแรงมาก แต่ก็เป็นระยะเวลาเพียงชั่วครู่ จากนั้นแสงสุรีย์ก็ฉายลงมาบนพื้นเมืองสกลถวาปีแทน สัญญาณบอกความอุดมสมบูรณ์เริ่มขึ้น ชาวนาทั้งหลายเริ่มไถคราดที่นาเตรียมพร้อมการทำไร่ไถนา ครั้งก่อนจำได้ว่าคุณยายเคยเล่าให้ฟังว่า การทำนานั้นมีมาแต่ขุนเค็ก ขุนคาน ขุนลาง เมื่อมาถึงครั้งขุนลอ พระยาแถนสั่งไว้ว่า ก่อนกินข้าวให้ทำบุญบอกแถนก่อนถึงกินข้าวได้ แต่ต่อมาคนไม่ทำตามคำสั่งแถนข้าวจึงเมล็ดเล็กลง บรรพชนชาวอีสานจึงกำหนดการทำบุญในการทำไร่ไถนาไว้เพื่อให้แถนพอใจ ดังนี้
ครั้งที่ 1 ก่อนไถนา ต้องทำพิธีเลี้ยงผีนาบูชาแถน เรียกว่า เลี้ยงตาแฮก
ครั้งที่ 2 ก่อนปักดำ ต้องทำพิธีเลี้ยงผีนาบูชาแถน เรียกว่า ปักตาแฮก
ครั้งที่ 3 เมื่อข้าวตั้งท้อง ต้องทำพิธีรับขวัญแม่โพสพ เรียกว่า เลี้ยงข้าวมาน
ครั้งที่ 4 ก่อนเกี่ยวข้าว ต้องทำพิธีขอขมาต้นข้าว เรียกว่า ขอขมาแม่โพสพ
ครั้งที่ 5 หลังนวดข้าว ต้องขมขมาที่นวดตีข้าว เรียกว่า สูดขวัญข้าว(บุญคูณลาน)
ครั้งที่ 6 เมื่อเอาข้าวใส่ใสยุ้งข้าว ต้องเรียขวัญข้าว เรียกว่า บุญข้าวขึ้นเล้า
ครั้งที่ 7 หลังจากเอาข้าวขึ้นเล้าได้ 3 เดือน(ห้ามเปิดเด็ดขาด)เมื่อเปิดเล้าแล้วต้องเอาข้าวไปขัดสีเป็นข้าวสารและต้องใส่บาตรก่อน ชาวนาจึงบริโภคข้าวบนเล้าก่อน
ข้อบัญญัติเหล่านี้บรรพชนหวังเพื่อให้คนยุคหลังรู้จักบุญคุณธรรมชาติที่ได้เสกสรรค์อาหารมาให้ได้บริโภค ชาวนาก็จะไม่ประมาทในการบริโภคข้าว
มาอ่านความรู้ค่ะ
ปีที่แล้วช่วงอยู่อุบลฯ มีงาน บุญคูณลาน
เป็นภูมิปัญญาที่มีเสน่ห์ และควรอนุรักษ์ไว้ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับคุณpa_daeng
ผมก็อยากให้พิธีกรรมเหล่านี้คงอยู่สืบต่อไป แต่ปัญหาติดอยู่ที่เยาวชนไม่ให้ความสนใจภาคเกษตรกรรม วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเดิมแล้ว เราคงทำได้เพียงทำใจ(และพยายามสืบสาน)
ขอบคุณครับคุณpoo
- ยินดีที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ อุบลฯเมืองรักปราชญ์(ที่บอกว่า"รักปราชญ์" แทนคำว่า "นักปราชญ์" เพราะที่นั้นเขาให้ความสำคัญแก่นักปราชญ์มากทั้งที่เป็นคนอุบลฯเองหรือเป็นคนถิ่นอื่นแต่ทำประโยชน์ให้เมืองอุบลฯ) เป็นเมองที่ร่ำรวยทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว ผมเห็นด้วยครับควรอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมโดยใช้ปัญญา
อาจารยฺ์คะ อยากเห็นเสื้อชุบนิล อยากเห็นจารใบลาน อยากเห็นขันหมากเบ็งโบราณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
...ล่ะฝนเอ๋ยฝนรินย้อย
สาวครูคอยอยู่หน้าต่าง
เมโฆบางล่ะคือจังควมฮักน้อง
มันไปต้อง..แม่นหมู่ฝน...ละน่า.
สวัสดีหน้าฝนค่ะ
ดีนะคะที่มีผู้สืบความสืบคำให้คนฮู้ฮีตฮู้ทุกข์ฮู้ยาก เพลงที่น้าหงานำบทกวีของคุณทวด จิตร ภูมิศักดิ์ มาร้องไว้ว่า
"...จากแรงมาเป็นรวงระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราวล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาดทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็นจึงแปรรวงมาเปิบกิน......."
แวะมาอ่านค่ะ...อย่าว่าแต่เด็กๆเลยที่ไม่รู้..ผู้ใหญ่ถ้าไม่ศึกษาก็ไม่รู้เช่นกัน..เพราะเดี๋ยวนี้ประเพณีเก่าเก่าจางหายไปค่อนข้างมาก...บอกตามตรงว่าADD ก็ไม่รู้ขนาดว่าเป็นลูกอิสานเต็มร้อยนะคะเนี่ย
(ภาพนี้ถ่ายที่กุดขาคีม ตอนไปดูป่ากุดขาคีมกับคณะกรรมการรางวัลลูกโลกสีเขียว ที่จ.สุรินทร์)
ถึงคุณpa_daeng ตอนนี้ภาพการจารใบลานอยู่ในแผ่นข้อมูลที่ห้องทำงาน คงมีแต่ภาพที่ผมใส่เสื้อจุบนิลตัวเก่า สีออกดำหม่น วันพรุ่ง(๙ พ.ค.)จะนำภาพการจารใบลานและหมากเบ็งแบบโบราณลงให้ชมนะครับ
ขอบคุณสำหรับผญามวน ๆ ของแม่ครูจอมใจ ช่างเป็นผู้มีความฮู้เต็มภาช์มีผญาเต็มปูม ขอความเมตตาแม่ครูเขียนเกี่ยวกับธรรมการลำให้ได้ยลสักสองสามบทความนะครับ
ขอบคุณครับท่าน ศน. add ที่เข้ามาเยี่ยมยามเด็กน้อยผู้รู้น้อยอย่างผม ด้วยความโชคดีที่ผมได้เรียนกับบรมครูทางด้านวัฒนธรรมอีสาน(ผศ.พรชัย, ผศ.ดร.สุภณ, ผศ.ประทวน, ผศ.กฤษฎา, รศ.สถาพร, รศ.ดร.บุญยงค์ ฯลฯ ท่านเหล่านี้อยู่ที่เมืองตักศิลานั่นเอง)จึงทำให้พอรู้บ้างครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ เห็นด้วยกับการอนุรักษ์ของเก่าๆๆไว้
ขอบคุณข้อมูลที่คุณลงบันทึกนี้ครับ
มีประโยชน์มากครับ