คุณสมบัติ ส.อบจ.เรืองเดช


เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 ทราบว่า ศาลจังหวัดน่านอ่านคำสั่งคำร้องที่คุณเรืองเดช  ยื่นไปเพื่อขอให้ผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับรองหรืออนุญาตให้ฎีกา  วันดังกล่าวศาลไม่อนุญาต ญาติไม่ได้ประกันจึงถูกควบคุมตามหมายศาล ขณะนี้ตัวคุณเรืองเดชอยู่ที่เรือนจำจังหวัดน่าน

รับทราบจากญาติพี่น้องกัลญาณมิตร ว่า เรื่องของคุณเรืองเดช  เป็นอย่างไรขอเล่าย่อ ๆ ว่า  ก่อนเป็น ส.อบจ.นั้น ด้วยความรักชาวบ้านและพวกพ้อง คุณเรืองเดช ตามติดต่อเรื่องประกัน ไม่ทราบอีกท่าไหนไปใช้ถ้อยคำจนถูกศาลลงโทษฐานะละเมิดอำนาจศาล จำคุก 6 เดือน เรื่องเดียวกันมีการดำเนินคดีอาญาข้อหาดูหมิ่นศาล

เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ศาลจังหวัดน่านนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นคดีละเมิดอำนาจศาล ปรากฎว่ามีการรอการลงโทษไว้   ส่วนในคดีดูหมิ่นศาลนั้นศาลอุทธรณ์ลดโทษให้คงเหลือ จำคุก 1 ปี 4 เดือน ไม่มีการรอการลงโทษ ทางจำเลยโดยทนายได้ยื่นคำร้องขอให้ท่านผู้พิพากษาพิจารณาลงชื่อรับรองให้มีการฎีกา  ผลเป็นไปตามที่เล่าไว้ในวรรคแรก

ทราบจากข่าวเช่นกันว่า ปลัด อบจ.น่านในฐานะหัวหน้าส่วนราชการติดต่อศาล ขออนุญาตคำเรื่องแล้วยื่นหลักฐานทางคดีไปยังสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งจังหวัดน่าน  เพราะเงื่อนเวลาในการจัดการเลือกตั้ง ภายใน 60 วันค่อนข้างกระชั้นชิด  เป็นการแจ้งให้ทาง กกต.น่านเพื่อทราบ ก็คงมีการมาประสานกับศาลหาข้อมูล เพื่อที่จะได้ประชุมเตรียมการเลือกตั้งกันต่อไป

มีข้อสงสัยว่า คุณสมบัติของ ส.อบจ.เรืองเดช  สิ้นสภาพหรือไม่อย่างไร บางคนบอกว่า คดียังไม่ถึงที่สุดเนื่องจากคุณเรืองเดช มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับรองได้ตามกฎหมายอยู่  บ้างก็ว่า คุณเรืองเดชต้องคำพิพากษาและมีหมายศาลให้คุมขัง  คงเป็นเรื่องที่จังหวัด และคณะกรรมการจะได้พิจารณา ใครมีความรู้  น่าจะได้แนะนำไม่ควรปล่อยให้คลุมเครือ เพราะเรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชน

สำเนาข้อกฎหมาย

พระราชบัญญัติ

องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ๓)

พ.ศ. ๒๕๔๖

มาตรา ๑๑ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิ้นสุดลงเมื่อ

(๑) ถึงคราวออกตามอายุของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือมีการยุบสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด

(๒) ตาย

(๓) ลาออก โดยยื่นหนังสือลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด

(๔) ขาดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร

(๕) เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น หรือที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นจะกระทำ

(๖) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙ วรรคสอง

(๗) สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง โดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เข้าชื่อเสนอให้สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจารณา และมติดังกล่าวต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทั้งนี้ ให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงนับแต่วันที่สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติ

(๘) ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียง เห็นว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (๔) (๕) หรือ (๖) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นที่สุด

ในกรณีที่สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิ้นสุดตาม (๘) พร้อมกันทั้งหมด ให้ถือว่าเป็นการยุบสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด

 

หมายเลขบันทึก: 259561เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2009 13:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน

 .......ฯลฯ...........

มาตรา ๗ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการเลือกตั้งภายในสี่สิบห้าวัน นับแต่วันที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นดำรงตำแหน่งครบวาระ หรือภายในหกสิบวันนับแต่วันที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ เว้นแต่วาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาท้องถิ่นจะเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจมีคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาให้มีการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็นเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ โดยต้องระบุเหตุผลการมีคำสั่งดังกล่าวด้วย ในการจัดให้มีการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการจัดการเลือกตั้ง

.......ฯลฯ............

สนใจว่า "... สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใด..." กรณีที่กล่าวหน่วยงานไหน เป็นผู้ชี้ขาดว่า มีการพ้นจากตำแหน่ง และอาศัยกฎหมาย ระเบียบอะไร

รับทราบมาเมื่อครู่ใหญ่ ๆ จากแวดวงผู้สนใจอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 7 พ.ค.2552 ) ทนายความคุณเรืองเดช และนายประกัน จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล ( กรณีไม่รับรองฎีกา ) และพร้อมนี้จะได้ยื่นประกันตัวคุณเรืองเดช ตามกฎหมาย

ทราบจากแหล่งข่าวอีกเช่นกันว่า ในพรุ่งนี้ช่วงบ่าย กกต.น่านจะมีประชุมพิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง ส.อบจ.เรืองเดช ว่าจะอย่างไร

สำหรับความคิดของผม เห็นว่า น่าจะต้องด้วยก่อนวรรคท้าย ม.11 พรบ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2546 คือ.... เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (๔) (๕) หรือ (๖) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นที่สุด.....น่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตี้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด จึงนำไปสู่การวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัด

ในส่วนของ กกต.นั้น เป็นเรื่องที่เตรียมการและจัดการเลือกตั้ง กรณี ส.อบจ.เรืองเดช นั้น ขณะนี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริการส่วนจังหวัดน่าน กกต.จะมากล่าวล่วง พรบ.อบจ.ได้อย่างไร แต่หากเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ แน่นอน กกต.มีหน้าที่หลักในการวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร กรณีผู้สมัครไม่พึ่งพอใจก็ใช้สิทธิฟ้องศาลตามกฎหมาย

จำเป็นต้องติดตามเรียนรู้กับความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกี่ยวขึ้นกับกรณี คุณสมบัติ ส.อบจ.เรืองเดช ด้วยความสนใจต่อไป ขอเรียนว่า ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ได้มาจากคำบอกกล่าว การฟังข่าวสารสื่อมวลชน สื่อบุคคล ไม่มีเจตนาร้าย ไม่มุ่งหมายทำลายความน่าเชื่อถือบุคคล หรือองค์กรอย่างใดทั้งสิ้น เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจครับ

ตามความเข้าใจขณนี้ มีข้อมูลเท่านี้ เห็นว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งตามระเบียบและกฎหมาย เมื่อประกาศการเลือกตั้ง จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ รวมทั้งรับสมัครนักการเมืองเพื่อเข้ารับการเลือกตั้ง หากคุณเรืองเดชจะมาสมัครแบบนี้เห็นที่จะแย่ เพราะ กกต.มีระเบียบอยู่ แต่หากไม่พอใจคำชี้ขาด สามารถใช้สิทธิฟ้องคดีเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครได้

ขณะนี้ คุณเรืองเดช เป็น ส.อบจ.ยังไม่ได้ลาออก มีความพยายามที่จะหยิบยกมาว่ากล่าวกันว่า เขาขนาดคุณสมบัติ หรือสิ้นสมาชิกภาพแล้ว หน่วยงานต้นเรื่อง ที่น่าจะเป็นหน่วยงานราชการทางปกครอง คือหน่วยงานไหน? กกต.เช่นนั้นหรือ ที่จะได้ปฏิบัติตามระเบียบ แล้วที่ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิ้นสุดลงเมื่อใด ตาม ม.11 โดยคำวินิจฉัยผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นที่สุด บัญญัติไว้ทำไม

เวลา15.30 น.ได้รับโทรแจ้งจากฝ่ายสืบสวน ของกกต ว่าคุณเรืองเดชได้หมดวาระตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมโดยทางฝ่ายสืบสวนพยายามบอกว่าต้องดูมาตราตั้งแต่คุณสมบัติการสมัครของสจ. กฎหมายตามมาตรา 9 วรรค2 โยงไปตั้งแต่ต้น เป็นอันว่า ยังไง ก็ขาดคุณสมบัติ อย่ามาทำหนังสือให้เสียเวลา คุณเป็นใคร หนังสือดังกล่าวให้ทนายเป็นผู้เขียนไช่หรือไม่ ข้าพเจ้าก็บอกว่าไม่รู้ คิดแล้วน่าเจ็บใจฝ่ายสืบสวนไม่รู้เอาอะไรมาใหญ่ กินด้วยอะไร ถึงเสียงเข็งได้แข็งดี เล่าเพื่อการเรียนรู้ครับ

แหล่งข่าวเล่าว่า คุณสำเริง เป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ในฐานะเพื่อนและฐานะสมาชิกดังกล่าว ได้ทำหนังสือตามที่คุณสถาพรบอกไว้ สมาชิกสภาพัฒนาการเมืองก็คงพอมีสติปัญญา สามัญสำนึก และแสดงความรักห่วงใยเพื่อนพวกพ้องเช่น ส.อบจ.เรืองเดช โดยทราบว่า เขามีความมุ่งหมายของ การทำหนังสือเป็นไปในลักษณะแสดงความคิดเห็นว่า หาก กกต.น่าน จะได้พิจารณาก็ควรได้รอบคอบอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างที่สุด

พูดถึงความเป็นธรรม กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้ถูกต้องเป็นธรรม เพื่อนพวกพ้องก็ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ ส.อบจ.เรืองเดช ด้วยครับ

การให้ความเป็นธรรมแก่กรณีนั้น ใครจะพูดอะไรก็ได้ โดยอ้างอิงหลักกฎหมายและให้เหตุผลประกอบ อย่างไรก็ดี หากไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาด หรือวินิจฉัย หากกฎหมายเปิดช่องผู้เสียหายนั้น ๆ จะโต้แย้ง หรืออาจต้องดำเนินการใด เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ คำพูดต่าง ๆ ในฐานะคนคุ้นเคย สามารถพูดได้เรื่อย ๆ แต่ ใครหน่วยงานไหนชี้ขาดไปตามหน้าที่ หรือมีมติก็ต้องดูหลักฐานแล้วว่ากันไปตามกระบวนการล่ะครับ

ช่วงบ่ายวันนี้ 7-05-2552 น้อง ๆ ที่รู้จักรักชอบพอกันเป็นนักกฎหมาย เปิดคำพิพากษาฎีกา ( ย่อ ) ปี พ.ศ.2523 เกี่ยวกับการที่ผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับรองฎีกา อ่านแล้วพอเข้าใจว่า จึงมองว่าเรื่องคุณเรืองเดช ที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายนั้น ดูท่าว่าจะยากแต่ต้องก็อย่างว่า พ.ศ.2523 กับ พ.ศ.2552 ห่างไกลกัน ในเมื่อคุณเรืองเดช และคุณตะรวัน เป็นทนายความของคุณเรืองเดช ได้ดำเนินการยื่นคำร้องอุทธรณ์ไปแล้ว ควรรอฟังว่า ศาลฎีกาจะมีคำสั่งคำร้องอย่างไร

ณ เวลานี้ยังไม่ทราบข้อมูลใด ๆ จากแหล่งข้อมูลไหนเลยว่า องค์กรส่วนไหนจะมาพิจารณาชี้ขาดคุณสมบัติของ ส.อบจ.เรืองเดช

ติดตามเรื่องนี้ เพราะเห็นว่า น่าสนใจ ทราบว่า กกต.น่าน รอให้พ้นเงื่อนเวลาในการใช้สิทธิฎีกาตามกฎหมายเสียก่อน สำหรับการชี้คุณสมบัติ นั้น จำเป็นต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย เข้าใจตรงกันว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อมีเงื่อนไขเวลาแล้ว จำเป็นต้องรอกัน อดทน อดใจ อย่าผลีพล่ามใจร้อน อาจเกิดความเสียหาย

ช่วงบ่ายวันนี้ มีโอกาสพบปลัด อบจ.น่าน สอบถามทราบว่า ไม่มีเจตนาแกล้ง และที่ได้แจ้งไปเป็นหนังสือถึง กกต.น่าน นั้น เพื่อให้พิจารณาทำตามหน้าที่ เพราะ กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ในทางปฏิบัติจะต้องมาใช้งบจาก อบจ. คนส่วนใหญ่ของ อบจ.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท