ทุกวินาทีที่เวียนหมุนผ่าน ใจนั้นช่างร้าวรานเพราะความห่วงหาแลอาวรณ์
ความทุกข์ในทุกเสี้ยววินาที บาดเป็นแผลลึกแลรอยร้าว
ดวงจิตที่แตกแยกออกด้วยความทุกข์นั้น ช่างหนาวเย็นอย่างสุดขั้ว
ความหนาว ความเหงา ความอ้างว้าง ปกคลุมลงถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจ
ดวงจิตนี้ชอกช้ำนัก “นี่นั้นหรือคือความทุกข์...?”
ความทุกข์ที่เปรียบการตายทั้งเป็น ถ้าหากตายนั้นคงยังไม่ทุกข์เช่นนี้
การที่มีชีวิตอยู่แล้วต้องเฝ้าดูความทุกข์ในทุกเสี้ยววินาทีนั้นขมขื่นยิ่งนัก
ความทุกข์แห่งจิตที่พาชีวิตทั้งชีวิตให้เศร้าหมอง
ความทุกข์แห่งจิตนี้เปรียบดั่งไฟที่สุมกอง
ความทุกข์ ความเศร้าหมอง เครื่องดองใจ
ความทุกข์บนเส้นทางที่แสนเวิ้งว้าง แม้นดอกไม้สองข้างทางที่สดสวยสายตาคู่นี้ก็มองเห็นแต่ความเหี่ยวเฉา
ความทุกข์บนเส้นทางชีวิตนี้อันเป็นชีวิตเรา ไม่มีเขาหรือใครจักปลดปล่อยได้อย่างแท้จริง
ปัญญาที่บริสุทธิ์ประดุจดวงแก้วใส ย่อมสาดส่องแทนแสงไฟในค่ำคืนที่มืดสนิท
ครั้นเมื่อความทุกข์เข้ามาปกคลุมจิตใจแล้ว ดวงตาทั้งสอง ดวงใจอีกหนึ่ง เปรียบได้ดั่งตกอยู่ในหลุมแห่งห้วงรัตติกาล
แม้นมีไม้ขีดก้านเล็ก ๆ มีเชื้อ มีฟืน มีไฟ ก็มิสามารถจุดติดได้เพราะไร้ “อากาศ”
อากาศอันเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ที่ช่วยส่งตัวปะทุจุดแสงไฟให้สว่างและเจิดจ้า ท้าอารมณ์
อากาศอันเป็นผัสสะที่มากระทบอารมณ์และหมักหมมอยู่ในดวงจิตนี้มีคุณยิ่งนัก
หากเจ้าของรู้จักไขว่คว้านำมาเป็นปัจจัยในการจุดแสงสว่างแห่งปัญญานี้
ความมืดจักจางคลายเพราะได้แสงจากไม้ขีดเล็ก ๆ ก้านนั้น
ความมืดจะเคลื่อนคลายจากชีวัน ด้วยแสง “ธรรมะ” นั้นส่องหัวใจ...
สาธู อนุโมทนาค่ะ
ที่ชี้ช่องทางให้เห็นแนวทาง
ขอบคุณค่ะ
เคยตกอยู่ในอารมณ์นี้ นานมาก (ถือเป็นความโง่ของเราที่ไม่รู้จัก การเจริญสติ)
หากตอนนี้ถ้าเกิดแบบนั้นอีก เราก็จะไม่กลัวแล้ว
ไม่ใช่ว่าเราจะเก่งไม่รู้สึก แต่
เมื่อรู้สึกเช่นนี้คราใด ให้บอกตนเองว่า แล้วทุกก็จะผ่านไป
จะเร็วจะช้า ก็จะผ่านไป
สิ่งที่จะช่วยให้ผ่านไปได้อย่างสง่างาม มีเพียงสิ่งเดียวคือแสงแห่งพระธรรม