เมื่อวันที่ 25 -27 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดตรัง โดยการเดินทางครั้งนี้ไปในนามของผู้สังเกตุการณ์ สมาชิก A.T.C รุ่น 376 โดยการนำของท่านผู้ตรวจจุไรรัตน์ แสงบุญนำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเขตที่ 8 ในการเดินทางครั้งนี้มีหลากหลายเรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ตั้งแต่การรวมพลเพื่อเดินทางไปจังหวัดตรัง การสังเกตุการณ์ การเดินทางกลับ แต่โดยภาพรวมสรุปกันได้ว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่ง
เริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่จังหวัดสุราษฎธานี ได้ติดต่อประสานงานเพื่อนสมาชิกผู้บริหารรุ่นกลอยใจและได้รับความช่วยเหลือด้วยดี ต้องกราบขอบพระคุณไว้น่ะที่นี้ คือ รองอรนิช วรรณนุช ท่านกรุณาตั้งแต่การจองที่พัก การแนะนำร้านอาหาร แต่ประเด็นปัญหาคือ พี่แกขับรถหลงทางเป็นประจำแม้ว่าจะเป็นสะใภ้เมืองหอยใหญ่ มาตั้งแต่ ปี 2537 ก็ตาม ทำให้คณะงงกับแผนที่การเดินทางที่ท่านได้บอกไว้ แต่อย่างไรก็ตามก็ถึงเมืองไข่แดง ด้วยการตื่นเช้าและรับประทานอาหาร ด้วยติ่มซ่ำ กาแฟโบราณ พร้อม บักก๊วยแต้ (ไม่รู้ถูกหรือเปล่า พี่เค้าบอกมา) ด้วยความสนุกกับการกิน ได้ทำให้พวกเราสั่งอาหารชนิดที่เรียกว่าอ้าปากค้างเพราะเยอะมาก ต่างคนต่างเลือกพอมารวมกันที่โต๊ะทำให้ดูเยอะ แต่...สุดท้ายก็หมด
ส่วนวันที่สอง ก็เดินทางถึงตรัง พอเข้าเขตจังหวัดตรังก็พบกับความงง ๆ กับป้ายบอกทาง เนื่องจากลูกศรชี้บอกทางซ้ายและขวาไปตรังพร้อมกันในป้ายเดียว ก็เข้าใจเอาว่าคงไปได้ทั้งสองทาง แต่ที่ไหนได้พอเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานก็กลับมาสี่แยกนี้เหมือนเดิม....555 เลยงง ๆ แต่สุดท้ายก็ถึงที่หมายสนามบินเพื่อรับผู้ตรวจลงจากเครื่องอย่างตรงเวลา และ ได้เริ่มต้นความมันส์ ชนิดที่พวกเราเรียกกันว่า จำมิรู้ลืม ด้วยการนำของประธาน รุ่น A.T.C.376 พาคณะไปเที่ยวถ้ำเล..... ก่อนเข้าไปชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามพวกเราได้รับรอยยิ้มที่น่าชื่นใจพร้อมกับการโบกมือบาย ๆ จากหัวหน้าคณะ เข้าไปถ้าก็สวยจริง ๆ นั้นแหละ แต่ว่าตอนออกนี้ซิ....ฮึ ฮึ ฮึ..ต้องลอดถ้ำที่มีชื่อว่าท้องมังกร เพราะลักษณะถ้ำเป็นช่องแคบ ๆ ขนาดเรือเล็กนั้งได้ 6 คน เข้าไปได้แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นมีเงื่อนไขที่ระดับของน้ำที่ขึ้นลงตามธรรมชาติ ในช่วงเวลาที่เรือเข้าไปนั้นก็พบว่ามีระดับน้ำที่สูงพอสมควรมีช่องว่างระหว่างหน้า(ขณะเข้าต้องนอนเข้าไปหมายถึงนอนหงาย)ช่องว่างดังกล่าวห่างจากหน้าแค่คืบ ไม่ถึงด้วยซ้ำไป .....ซึ่งสร้างความตื่นเต้น ใจหาย ใจคว่ำ ให้กับคณะอย่างมากแต่สุดท้ายก็ออกมาพบกับรอยยิ้มของหัวหน้าคณะเช่นเดิมพร้อมกับเสียงหัวเราะเพราะลูกทีมแต่ละคนหน้าซีด หน้าเหลืองขึ้นมาจากน้ำกันเป็นแถว.......นอกจากนี้ตอนเย็นเรายังได้มีประสบการณ์ การไหว้เสด็จพ่อ ร.6 ซึ่งเป็นบิดาการลูกเสือไทยที่หาดูได้ยากมาก มีอะไรมากมายที่น่าค้นหา....บนโลกใบนี้และรอการพิสูจน์จากมนุษย์บนเปลือกโลกเช่นเรา........
ส่วนวันที่สามการเข้าไปร่วมสังเกตุการณ์ งานชุมนุมลูกเสือ ก็ได้รับความรู้ ได้พบกับพิธีการสวนสนามของลูกเสือ ได้ความรู้เรื่องการแต่งกายของลูกเสือแต่ละประเภทพอสมควร แต่วันนี้......พบกับเรื่องราวที่เสียใจ ตกใจ เพราะได้เกิดอุบัติเหตุกับผู้บังคับบัญชาของพวกเรา สร้างความกังวลให้กับคณะทีมงานพอสมควร ด้วยห่วงใยในสุขภาพ (แต่พวกเราพูดกันนอกวงว่า หัวจะหลุดจากบ่าก็คราวนี้ซะล่ะมั้ง) แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังยิ้มได้เช่นเคย
ส่วนวันที่สี่ เดินทางกลับ ได้แวะพักที่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านรองเรียงตะวัน ก็ผู้บริหารรุ่นกลอยใจอีกเช่นเคย (พวกเรากลอยใจยังหนาแน่น) ได้ชมบรรยากาศริมทะเลของคลองวาฬ แล้วทำให้ทราบว่าประเทศไทยน่าอยู่จะตาย แล้วคนไทยยังทะเลาะกันไปทำไม ไม่รู้รักสามัคคี เพื่ออนาคตของลูกหลานเลย พักค้างคืนและตื่นเช้ากับอากาศบริสุทธิ์และการเยี่ยมชมกล้วยไม้ที่ด่านสิงขร จุดที่แคบที่สุดในสยาม เพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ......สุดท้ายปิดรายการที่ก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรที่แสนอร่อย......ก่อนตรงกลับโคราชบ้านเราด้วยความสุข....สวัสดี
ตามมางานชุมนุมด้วยค่ะ ชอบมากงานลูกเสือ ลูกเสือสร้างชาติ สร้างคนให้มีวินัย ให้เป็นคนที่สมบรูณ์
จะติดตามอ่านบันทึกเกี่ยวกับลูกเสือต่อไปนะคะ